แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Breaking News แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Breaking News แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พีอาร์สาว ร้องนายกฯ ถูกตำรวจเรียกเงิน-ข่มขืน แลกคดียาเสพติด

พีอาร์สาวเข้าร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ช่วยเหลือติดตามคดี อ้างถูกตำรวจ 7 นาย จับคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และถูกเรียกรับเงินกว่า 300,000 บาท และยังได้ถูก 1 ใน 7 ตำรวจได้พาไปข่มขืนที่โรงแรมย่านรังสิต


วันนี้ (12 ธ.ค.2566) หญิงสาวที่ตกเป็นผู้เสียหายพร้อมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางมานำหลักฐานใบแจ้งความ เอกสารใบส่งตัวดำเนินคดี และรายการเดินบัญชีธนาคารมามอบให้กับ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือและติดตามคดี

โดยทางผู้เสียหาย และสามี อ้างถูกตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี 7 นาย บุกค้นตัวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านคลองห้า ถนนรังสิต นครนายก เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพบเคตามีนจำนวนหนึ่ง ก่อนถูกคุมตัวแยกขึ้นรถคนละคันกับสามี จากนั้นตำรวจได้ขอดูยอดเงินในแอปพลิเคชัน ธนาคารในโทรศัพท์ พบว่าเธอมีเงินในบัญชีมากกส่า 360,000 บาท จึงพูดข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีกับเธอและสามีในข้อหาหนัก ก่อนพูดหว่านล้อมเรียกรับเงิน 300,000 บาท แลกกับการดำเนินคดีในข้อหาเสพ ซึ่งมีโทษเบากว่า เธอจึงยินยอมจะจ่ายให้

หลังจากนั้นตำรวจได้พาเธอขึ้นรถตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ตัวเมืองปทุมธานี 200,000 บาท และโอนเงินไปให้บัญชีสามีไปกดเพิ่มอีก 100,000 บาท ในพื้นที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยมีตำรวจประกบตัวอยู่ตลอดเวลา

จากนั้นตำรวจคนที่อยู่บนรถกับเธอแค่สองคน ได้ขอมีเพศสัมพันธ์ โดยอ้างว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยเหลือวิ่งเต้น เธอปฏิเสธแต่ตำรวจข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีหากไม่ยินยอม ก่อนบังคับพาเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งย่านรังสิต จนสำเร็จความใคร่ และขู่บังคับเรียกเงินเพิ่มอีก 300,000 บาท ส่วนสามีถูกส่งตัวดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดไว้เสพ (ยาบ้า 2 เม็ด )

โดยทางด้านสามีผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนถูกตรวจค้นจับกุม ได้ซื้อยาเสพติดมาจากนายกอล์ฟ ที่เคยซื้อขายยาเสพติดกันมาอยู่บ่อยครั้ง คาดว่าเป็นคนชี้เป้าให้ตำรวจเข้ามาจับจนเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น และรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ภรรยาต้องเสียเงินไปกว่า 300,000 บาท และถูกข่มขืน 

หลังรับเรื่อง ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ได้ประสานไปยังโฆษกอัยการสูงสุดและกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยทันที ให้ดำเนินคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อุ้มหายและทรมาน ซึ่งยืนยันว่าตำรวจทั้ง 7 นายนั้นเข้าข่ายการกระทำความผิดอย่างชัดเจน เพราะระหว่างการจับกุมไม่มีการบันทึกภาพวิดีโอเป็นหลักฐานตั้งแต่กระบวนการจับกุมจนถึงขั้นตอนพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ยังได้ประสานไปทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ช่วยตรวจสอบเรื่องเส้นทางยาเสพติดเพิ่มเติม โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบด้วยเพราะถือว่าเป็นการปล่อยปละละเลยทำให้ระบบการทำงานของตำรวจเสียหาย พร้อมย้ำว่าตัวเองจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

ตามรายงานได้แจ้งว่า ตำรวจชุดจับกุมมี ร้อยตำรวจตรี 1 นาย ดาบตำรวจ 3 นาย จ่าสิบตำรวจ 1 นาย สิบตำรวจเอก 2 นาย

โดยทางด้าน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบมีการกระทำความผิดตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างมีโทษทางวินัยและอาญาต่อไป

ที่มา ไทยพีบีเอส

วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

แม่ใจจะขาด เจอคลิปสุดท้าย ก่อนลูกสาวจมน้ำตายร้องให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองหัวเราะกันคิกคัก

แม่ใจจะขาด เห็นคลิปสุดท้ายก่อนลูกสาวจมน้ำตาย ร้องขอให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองบอกปล่อยให้มันตายไปเลย


เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้สูญหายในน้ำ บริเวณบ้านห้วยตาสี หมู่ที่ 6 ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นคลองชลประทานลึกประมาณ 3 เมตร ชุดค้นหาใต้น้ำอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูชัยนาท ได้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงลงค้นหาจนพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.สุรัตวดี อายุ 32 ปี ที่อยู่ตำบลเนินขาม อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท จากนั้นนำร่างส่งมอบญาติดำเนินการทางศาสนา ณ ที่พักสงฆ์ละหานใหญ่เจริญศรี (วัดห้วยตาสี)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นางสุรินทร์ อายุ 52 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต หลังมีคลิปหญิงสาวกำลังจมน้ำแต่ไม่มีใครลงไปช่วยและได้จมน้ำเสียชีวิตต่อหน้าของทุกคน จึงได้มีการแจ้งกู้ภัยช่วยเหลือ โดยผู้เป็นแม่ร่ำไห้สงสัยทำไมคนถ่ายคลิปและคนยืนดูอีกหลายคนไม่ช่วยเหลือ

นางสุรินทร์ เปิดเผยว่า มีความรู้สึกคาใจว่าลูกเราตกน้ำมีคนเห็นเขาน่าจะช่วย วันนั้นเขาไปเล่นน้ำตอนมืดแล้วประมาณ 2 ทุ่ม มีคนเล่าว่าลงเล่นน้ำฝั่งนี้แล้วลื่นไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วไปกอดต้นโสน จากนั้นหลุดจากต้นโสนลอยน้ำไป เขาร้องโอยๆ อยากให้ช่วย แต่มีคนบอกว่าลูกโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่คลิปหลุดมาไม่ใช่การฆ่าตัวตายเพราะลูกร้องให้ช่วย ซึ่งวันเกิดเหตุลูกดื่มเหล้าก่อนที่จะลงเล่นน้ำ

นางสุรินทร์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าลูกจะเป็นผู้ป่วยจิตเวช แต่ตอนเราได้ยินเสียงลูกร้องในคลิปแล้วรู้สึกเจ็บปวด ไม่มีใครช่วยเลย หมาตกน้ำเรายังช่วยเลย นี่คนทั้งคน จะบ้า จะบอ จะดีอะไรก็ตาม เมื่อก่อนเขาเป็นคนดีมาก หลังๆเขาไม่ค่อยสบายเขาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครกินแต่เหล้า ตรงที่เจ็บปวดคือคำว่า “ปล่อยไปเลย ให้มันจมน้ำตายไปเลย มันเรียกร้องความสนใจ ให้มันจมน้ำไปก่อนแล้วค่อยโทรหาปอเต็กตึ๊ง”

ได้ยินเสียงลูกร้อนโอยๆ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ลูกเขาก็ร้องไห้ทำไมเป็นแบบนี้ไม่มีใครช่วยเลย อยากรู้ว่าคนถ่ายคลิปเอาหัวใจอะไรมาใส่ ทำไมไม่ช่วยคนทั้งคน อยู่กันตั้งหลายคน ตอนที่ยังไม่ห่างตลิ่ง หรือโทรหาคนมาช่วยก็ได้หรือตามคนที่บ้านไปช่วยก็ได้

ที่มา สนุกดอทคอม

วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

แม่ ‘ดีเจแมน’ ยื่นหนึ่งแสนประกันพร้อมเงื่อนไขกำไล EM


น้องชายและผู้จัดการส่วนตัวได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว "ใบเตย" เป็นเงิน 5 ล้านบาท ขณะแม่ "ดีเจแมน" ยื่น 100,000 บาทเพื่อประกันตัว โดยทั้งสองเสนอเงื่อนไขขอติดกำไล EM ลุ้นคำสั่งศาล เย็นนี้



เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(9พ.ค.2566) สำนักงานคดีพิเศษสำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 6 ราย โดยมีนายพัฒนพล กุญชร หรือ “ดีเจแมน” และ นางสาวสุธีวัน กุญชร หรือ “ใบเตย” นักร้องสาวรวมอยู่ด้วย จากคดีแชร์ลูกโซ่ Forex 3D ใน 3 ข้อหา คือ ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ และได้นำตัวผู้ต้องหาฟ้องต่อศาลอาญา ตามที่รายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องไปแล้วนั้น

ล่าสุดเวลา 13.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดา มีรายงานความคืบหน้าว่า นายชาญวิทย์ ทวีสิน (น้องชายและผู้จัดการส่วนตัว) ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 ล้านบาท พร้อมยื่นคำร้องขอติดกำไล EM เพื่อประกันตัวใบเตย ส่วนนางพิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยาแม่ดีเจแมนยื่นหลักทรัพย์ 100,000 พร้อมยื่นคำร้องขอติดกำไล EM เช่นกัน

โดย “ดีเจแมน” และ “ใบเตย” ต้องรอฟังคำพิจารณาของศาลฯ ว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ ในช่วงบ่ายวันนี้

ที่มา : www.dailynews.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สาวแชร์เรื่องราว "ชีวิตคนเราไม่แน่นอน" กับมะเร็งปอดระยะที่สี่

เจ้าของเพจ BorTor Baitoey แชร์ประสบการณ์ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เมื่อพบว่าเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในอายุ 24 เรื่องเผยไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


มะเร็งเป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ด้วยสาเหตุต่างๆ นาๆ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง เธอจึงได้เล่าเรื่องราวผ่าน เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ BorTor Baitoey ถึงการเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในวันที่เธออายุเพียง 24 ปีว่า

“ มีคนเคยบอกว่า “ชีวิตคนเราไม่แน่นอน” แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

อายุ 24 ปี กับโรคยอดฮิตในหนังเศร้า “มะเร็งปอดระยะที่สี่” ที่ทุกคนเรียกว่า “ระยะสุดท้าย” ฝันอยากมีชีวิตแบบนางเอกซีรี่ย์ซักครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะได้พลอตนี้ 55555

อาการเริ่มตั้งแต่ปลายปี 64 เริ่มไอ เป็นๆ หายๆ ไม่ได้ไอตลอดเวลา ประมาณ 2 เดือน ตรงกับช่วง pm2.5 คิดว่าเป็นภูมิแพ้ จึงไปหาหมอแผนก หู คอ จมูก ที่ศิริราช ก็ทำการตรวจ x-ray ปอด ส่องกล้องดูทางเดินหายใจ ก็ไม่พบความผิดปกติ จบด้วยการได้ยาแก้ไอต่างๆมากิน จากนั้นก็ไปตามนัดตลอด x-ray ตลอด แต่ก็เริ่มไอมากขึ้น ไอตลอด ประมาณเดือน เมษายน ก็เป็นโควิด มีอาการไอ(ที่ไออยู่แล้ว) จาม (มีอาการนี้เลยตรวจโควิด) แค่นั้น ไม่ได้กินฟาวิ เพราะอาการไม่หนักมาก

เดือน พฤษภา เริ่มปวดสะโพกด้านขวา (คิดว่าคงนอนผิดท่า ซักพักน่าจะหายเอง) ประมาณ 2 wk ยังไม่หาย เลยไปหาหมอกระดูก ตอนนั้นหมอบอกกล้ามเนื้ออักเสบ ได้ยาแก้อักเสบมา แล้วก็ไปกายภาพ

เดือน มิถุนายน ตื่นเช้ามาไอ รู้สึกเหมือนมีเสมหะ (ปกติไอแห้งๆมาตลอด) สรุป ไอเป็นเลือด ตอนนั้นตกใจมาก  เลยปรึกษาพี่ที่รู้จัก ได้มาหาหมอที่หูคอจมูก หมอส่องกล้อง x-ray ปอด เหมือนเดิม ไม่พบความผิดปกติ หมอคิดว่า ไอจากเส้นเลือดฝอยบริเวณเพดานปากแตก จึงนัดอีกที 3 เดือน

(ระหว่างนี้ก็ไอตลอด ขาก็เดินกะเผลก ไปกายภาพบำบัดอยู่ และไปตรวจตามนัดของหู คอ จมูกเสมอ!!)

เดือนกรกฎาคม จุดเปลี่ยนของชีวิต พอพ้นวันเกิดวัย 24 ปี ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก

อาการไอยังคงเหมือนเดิม เริ่มหนักขึ้น เริ่มเหนื่อยหอบ เดินได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุดพัก ค่อยเดินต่อ น้ำหนักลด อาทิตย์ละ 2 kg ได้ คนรอบข้างเริ่มทักว่าผอมลงเยอะมาก ให้ไปตรวจได้พี่ที่รู้จัก(คนดีคนเดิม)นัดคิวตรวจอายุรศาสตร์ให้ ไปตรวจอายุรศาสตร์ครั้งแรก เจาะเลือด x-ray แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ

ผล x-ray ก็ยังคงปกติ แต่ผลเลือดค่าตับไม่ค่อยดี แต่หมอไม่ว่าไง

ยังคงมีอาการไออยู่ หมอจึงพาไปให้หมอเฉพาะทางด้านปอดดู

หมอปอด : ส่งตรวจ CT Chest ผลเจอก้อนที่ปอด(หลายก้อน ใหญ่สุด 4cm) และที่ตับ 2 ก้อน จึงนัดตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลก็คือเป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือง และกระดูก (ตอนรู้นี้อ๋อเลย นี้เองสาเหตุก็การปวดขา ) หลังจากนอนโรงพยาบาลเกือบเดือน และอยู่ห้อง RCU (คล้ายๆ icu แต่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ) เพราะตอนนั้นปอดเหลือข้างเดียว ก็นอนให้ยาฆ่าเชื้อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ (high flow) อยู่ตลอด ทรมานมาก ตอนนี้ก็ได้รับการรักษาเป็นการฉายแสง 10 ครั้ง (ครบไปแล้ว) และกินยาพุ่งเป้า (ขอบคุณอาจารย์จารุวรรณ เป็นอย่างสูง เพราะค่ายาแพงมาก ตกเดือนละ 40,000 แต่ได้อาจารย์เอาทุนโครงการมาช่วย กราบสามทีเลย) คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากการอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ เป็น second hand smoker ขอให้ทุกคนที่สูบบุหรี่อยู่ ช่วยมีความรับผิดชอบกับคนรอบข้างนิดนึง

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้…โพสยาวสุดในชีวิต อยากเล่าให้ฟัง เผื่อใครมีอาการอะไร ให้รีบๆไปตรวจ

ตรวจให้ถูกหมอ ถูกโรค รีบรักษาจะได้ไม่เป็นอะไรเยอะ มีชีวิตอยู่ไปนานๆ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นห่วง คอยมาเยี่ยม ส่งข้าวส่งน้ำ ส่งกำลังใจ พูดละจาร้อง 55555

ขอบคุณมากๆ นะ มีแรงสู้ชีวิตต่อไป….แต่ขอร้องชีวิตอย่าสู้กลับเยอะ

ทุกคนไม่ต้องตกใจรูปนะ ตอนนี้กลับมาทำงาน ใช้ชีวิต(แบบพยายาม)ปกติแล้ว แต่ก็กินยาอยู่ตลอด”


ที่มา อีจัน, BorTor Baitoey


วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565

ทนายตั้ม ขอเสี่ยงเผยนักการเมืองลวนลามนศ.สาว นับสิบราย

“ทนายตั้ม” โพสต์เฟสบุ๊กระบุมีเหยื่อนศ.สาว ร้องต่อตนว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดัง ลวนลาม มีเหยื่อติดต่อเข้ามาเพิ่มเกือบ10ราย ลั่นหลักฐานแน่น ยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทเผยความจริง 


วันนี้ (14 เม.ย.) เวลา 12.50 น. นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยข้อความทางเพจเฟซบุ๊ก ถึงกรณีนักศึกษาสาว ถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดังอนาจาร โดยข้อความระบุว่า “อัพเดทข่าวเบื้องต้น รองหัวหน้าพรรคดัง มีพฤติกรรมชอบลวนลามเด็กสาววัย 18 เหยื่อติดต่อเข้ามาในไลน์ษิทราลอส์เฟิร์มนับสิบราย นอกจากนั้นในเพจข่าวยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในขณะเรียนอยู่ลอนดอน ประเทศอังกฤษก็มีพฤติกรรม Sexual Harrasment [ในกระทู้ข่าวเขียนถึง Rape ซึ่งแปลว่าข่มขืน] สำหรับผมมองว่าในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นอันตรายกับเด็กผู้หญิงหลายคน เท่าที่ดูคือชอบเรียกเด็กเข้ามาฝึกงาน แล้วจบด้วยการแต๊ะอั๋ง บางคนถึงขนาดกระทำชำเราและกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า เหยื่อแต่ละคนไม่กล้าดำเนินคดี เพราะพ่อของผู้กระทำความผิดมีตำแหน่งใหญ่โต แบ็คดี

วันนี้ผมเลยขอเสี่ยงเปิดเผยความเป็นจริงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ยังไงผมขอให้ทางพรรคทำการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยครับ ส่วนเจ้าตัวไม่ต้องมาชี้แจงอะไรกับผมหรอก ไปตามหมายเรียกก็พอ เพราะเหยื่อเริ่มทยอยไปให้การกับเจ้าหน้าที่แล้ว ตัวผมยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทครับ ถ้ากล้าก็มา เพราะหลักฐานผมแน่นจริงๆ

#นักการเมืองภัยสังคม #เหยื่อที่เคยถูกบุคคลนี้กระทำติดต่อมาได้ตลอดนะครับ”

ต่อมานายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่ใช่ตนเอง พร้อมเตรียมแถลงข่าวด่วนวันนี้ 15.00 น. ที่ลานแม่พระธรณี พรรคประชาธิปัตย์

ล่าสุดเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (14 เมษายน 2565) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย และผอ.ศูนย์การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า ตนรู้สึกช็อก และตกใจกับเรื่องที่เกิดทางโซเชียลมีเดีย ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ หลายข้อกล่าวหาเกิดขึ้น ตนขอปฏิเสธ และไม่ใช่เรื่องจริง หลายคนที่รู้จักตนก็รู้ดีว่าตนไม่ใช่คนแบบนั้น แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวโดยตรงของตนแต่ก็กระทบกับการทำงานในหน้าที่ภารกิจของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนมีตำแหน่งอยู่

“ผมรู้สึกรับผิดชอบในงานของผมที่กระทบกับภาพลักษณ์การทำงานของผม ผมจึงตัดสินใจที่จะลาออกจากทุกตำแหน่งของพรรคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะให้พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่ให้กระทบกับงานของพรรค” นายปริญญ์ กล่าว


วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564

สธ.เตือนห้ามประมาท โอมิครอน(Omicron) อัพเดทลามแล้ว 37 จว.

วันนี้(30 ธันวาคม 2564) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ข้อมูลล่าสุดพบการติดเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นการติดเชื้อในประเทศ 357 ราย โดยมีจังหวัดที่พบผู้ป่วยเชื้อโอมิครอนเพิ่มขึ้นมาอีก 1 จังหวัด จากเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ที่พบ 33 จังหวัด รวมเป็น 34 จังหวัด โดยจังหวัดที่เพิ่มขึ้นคือ จ.เพชรบูรณ์ 


นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อกระจายใน 37 จังหวัดครบทั้ง 13 เขตสุขภาพแล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่พบ 33 จังหวัด รวมยอดผู้ป่วยโควิด-19 โอมิครอนสะสมทั้งหมด 934 ราย ได้แก่

เขตสุขภาพที่ 1 เชียงราย 1 ราย เชียงใหม่ 7 ราย ลำปาง 1 ราย ลำพูน 4 ราย

เขตสุขภาพที่ 2 เพชรบูรณ์ 1 ราย

เขตสุขภาพที่ 3 พิจิตร 1 ราย

เขตสุขภาพที่ 4 นนทบุรี 22 ราย พระนครศรีอยุธยา 2 ราย

เขขสุขภาพที่ 5 นครปฐม 1 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 4 ราย เพชรบุรี 1 ราย สุพรรณบุรี 2 ราย

เขตสุขภาพที่ 6 ชลบุรี 18 ราย สมุทรปราการ 38 ราย สระแก้ว 1 ราย รอยืนยันข้อมูล 24 ราย

เขตสุขภาพที่ 7 กาฬสินธุ์ 121 ราย ขอนแก่น 12 ราย มหาสารคาม 42 ราย ร้อยเอ็ด 50 ราย รอยืนยันข้อมูล 84 ราย

เขตสุขภาพที่ 8 นครพนม 4 ราย เลย 3 ราย หนองคาย 4 ราย หนองบัวลำภู 1 ราย อุดรธานี 3 ราย

เขตสุภาพที่ 9 ชัยภูมิ 4 ราย นครราชสีมา 5 ราย บุรีรัมย์ 4 ราย สุรินทร์ 5 ราย

เขตสุขภาพที่ 10 มุกดาหาร 1 ราย ยโสธร 1 ราย อุบลราชธานี 4 ราย

เขตสุขภาพที่ 11 กระบี่ 4 ราย ภูเก็ต 104 ราย สุราษฎร์ธานี 20 ราย

เขตสุขภาพที่ 12 ปัตตานี 4 ราย สงขลา 1 ราย

เขตสุขภาพที่ 13 กรุงเทพมหานคร 325 ราย

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ข้อมูลในแอฟริกาใต้ว่า โอมิครอนความรุนแรงลดลง และอาจมาแทนที่เดลต้า ข้อมูลดังกล่าวจะส่งผลให้คนประมาท ไม่ป้องกันตัวหรือไม่ นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ประมาทไม่ได้ แม้ข้อมูลที่ออกมาจะไปในทางนั้น อัตราการติดเชื้อนอน รพ.น้อยกว่าเดลต้า ภาพรวมก็เห็นชัดว่า ผู้ป่วยหนักลดลง อย่างของไทยเกือบพันรายไม่มีเสียชีวิต มีอาการหนัก 2 คนแต่หายดีแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่า ข้อมูลเหล่านี้ต้องใช้เวลา ยังเร็วไป ถ้าจะบอกว่าอันตรายน้อย สิ่งสำคัญขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention ป้องกันตัวเองตลอดเวลา และฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพราะแม้โอไมครอนจะหลบภูมิคุ้มกันได้ แต่วัคซีนยังคงช่วยลดความรุนแรงได้

“ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมพร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบการรักษาต่างๆ โดยเฉพาะการจัดระบบแยกกักที่บ้าน(Home Isolation) และศูนย์พักคอยในชุมชน(Community Isolation) โดยเรามีประสบการณ์จากครั้งก่อน ครั้งนี้จะมีระบบติดตามแยกคนติดเชื้อออกจากคนป่วย ใครติดเชื้อไม่มีอาการให้อยู่ HI ถ้าไม่สามารถอยู่ได้ให้เข้า CI โดยจะมีระบบคอยมอนิเตอร์อาการ หากมีอาการมากขึ้นนำส่งรพ.ทันที” นพ.ศุภกิจ กล่าว

ที่มา มติชนออนไลน์



วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

คุณแม่ OnlyFans วิคทอเรีย สนุ๊กส์(Victoria Snooks) ฟ้องโรงเรียนลูกแบนห้ามร่วมกิจกรรม

คุณแม่ดาว OnlyFans  จ่อฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโรงเรียนของลูก หลังจากถูกทางโรงเรียนแบน และปลดออกจากตำแหน่งอาสาสมัครผู้ปกครองของโรงเรียน เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่มีเนื้อหาสุดสยิวสำหรับผู้ใหญ่



เดอะซัน สื่อชื่อดังของสหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยเรื่องราวของ วิคทอเรีย ทรีซ(Victoria Triece) คุณแม่ยังสาวชาวฟลอริดา สหรัฐฯ ที่มีลูก 2 คน อายุ 10 และ 5 ขวบ โดยในโลกออนไลน์เธอเป็นเซ็กซ์ครีเอเตอร์ ที่โด่งดังจากการอัปโหลดคอนเทนต์วาบหวิว โดยเป็นเจ้าของ OnlyFans ที่ชื่อว่า วิคทอเรีย สนุ๊กส์ โดยมีผู้ติดตามกว่า 123,000 คน


ล่าสุดโรงเรียนประถมของลูกๆ ที่ตั้งอยู่ใน ออเรนจ์เคาน์ตี แคลิฟอร์เนีย ได้ปลด วิคทอเรีย ออกจากการเป็นอาสาสมัคร และแบนไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมอาสาผู้ปกครองของทางโรงเรียน โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับอาชีพเซ็กซ์ครีเอเตอร์ของเธอ


เหตุการณ์นี้ ทำให้ วิคทอเรีย โกรธมาก เพราะเธอยืนยันว่า เธอทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมในการเป็นแม่ และยังแต่งกายอย่างมิดชิดเหมาะสมทุกครั้งที่เป็นผู้ปกครองไปโรงเรียน รวมทั้งยังเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนอย่างแข็งขันเพื่อใช้เวลาใกล้ชิดกับลูกๆ ของตัวเอง


วิคตอเรีย ได้ทวิตข้อความระบายความอัดอั้นตันใจผ่านทวิตเตอร์ว่า 

"การกระทำของคนที่ดูดคอนเทนต์ใน OnlyFans ของฉัน แล้วส่งไปให้ทางโรงเรียน เป็นอะไรที่โหดร้ายมาก คุณไม่ต้องมาชอบในสิ่งที่ฉันทำก็ได้นะ แต่ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่มันแย่ขนาดนี้เลย"


เหตุการณ์นี้ ทำให้ วิคตอเรีย แต่งตั้งทีมกฎหมาย เพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์ จากทางโรงเรียน

ที่มา :The Sun, victoriasnooks

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2564

รัฐบาลเคาะแจกเงินคนละครึ่งเพิ่มอีกคนละ 1,500 บาท

ครม. เห็นชอบเพิ่มวงเงินงบประมาณสำหรับ 4 โครงการเพื่อส่งเสริม มาตรการลดค่าครองชีพ โดยโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะเริ่มโอนเงินให้กับผู้ได้สิทธิเพิ่มอีกคนละ 1,500 บาท เดือน พ.ย.นี้


วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มีมติเห็นชอบอนุมัติเพิ่มวงเงิน 42,000 ล้านบาท ให้กับโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 คาดว่า จะเริ่มโอนเงินเพิ่มอีกคนละ 1,500 บาทให้กับผู้ได้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ต้นเดือน พ.ย. นี้

การแจกเงินเพิ่ม 1,500 บาท เดือน พ.ย. นี้ เมื่อรวมกับการโอนให้ผู้รับสิทธิเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 และ 1 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา คนละ 1,500 บาท จะทำให้ผู้ที่อยู่ในโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะได้รับเงินจากรัฐบาลทั้งหมด 4,500 บาท 

โดยทางโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ เผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ.2564 โดยอนุมัติงบประมาณสำหรับ 4 โครงการเพื่อส่งเสริม มาตรการลดค่าครองชีพ ซึ่งเสนอโดยกระทรวงการคลัง ดังนี้

1. อนุมัติ งบ 8,122 ล้านบาท สำหรับ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าเพิ่มเติมอีกจำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2564 รวมเป็น 500 บาท ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม และรวมเป็น 1,800 บาท ครอบคลุม กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนไม่เกิน 13,537,294 คน

2. อนุมัติ งบ 1,383 ล้านบาท สำหรับ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้า จำนวน 300 บาท/คน/เดือน ระยะเวลา 2 เดือน (เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2564) รวมเป็น 500 บาท/คน ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม และรวมเป็น 1,800 บาท ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ เช่น ผู้ที่ไม่สามารถ เข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียง) ผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จเนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง เป็นต้น จำนวนไม่เกิน 2,306,469 คน

3. อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 42,000 ล้านบาท สำหรับ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โดยประชาชนได้รับสิทธิสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าและบริการทั่วไป รวมทั้งสามารถซื้ออาหาร และเครื่องดื่มจากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ผ่านผู้ให้บริการระบบ ขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน อีกจำนวน 1,500 บาทต่อคน โดยจะสนับสนุนเพิ่มในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม รวมรัฐสนับสนุนวงเงินให้ทั้งสิ้น 4,500 บาท/คน สำหรับการใช้จ่ายตลอดระยะเวลาโครงการ ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนทั่วไป สัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนไม่เกิน 28 ล้านคน ประกอบด้วยผู้ลงทะเบียนใหม่และผู้ที่เคยได้รับสิทธิแล้ว


4. อนุมัติ งบ 3,000 ล้านบาท สำหรับ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ แก่ประชาชนทั่วไปที่ไม่มีบัตรสวัสดิการของรัฐ ไม่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือไม่ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 จำนวนไม่เกิน 1 ล้านสิทธิ โดยปรับเพิ่มหลักเกณฑ์ในการคำนวณการให้สิทธิสนับสนุน e-Voucher และเพิ่มวงเงินสนับสนุน e-Voucher จากเดิมไม่เกิน 7,000 บาท เป็น 10,000 บาทต่อคน ในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2564 ดังนี้

การใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 คำนวณด้วยวิธีการเดิม

การใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564

สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 จะได้รับสิทธิ ดังนี้ 

  • ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของ ยอดใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน 
  • ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001– 80,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ข อ งย อ ด ใ ช้ จ่ า ย จ ริ ง แต่ไม่เกิน 6,000 บาทต่อคน 
  • สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณ e-Voucher เต็มจำนวน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีสิทธิ ได้รับ e-Voucher จำนวน 7,000 บาท เรียบร้อยแล้ว จะมีสิทธิได้รับ e-Voucher เพิ่มเติม หากมีการใช้จ่ายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ในระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับสิทธิ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน

ที่มา www.posttoday.com

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564

แม่'บาส'ยกมือไหว้ 'เสี่ยเปีย' ยื่นครึ่งล้านช่วยประกันตัวลูกชาย

ศาลให้ประกันตัว ‘บาส ณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี’ แม่ถึงกับยกมือไหว้ หมอปลา ที่ช่วยโดย เสี่ยเปีย ยื่นเงินสดครึ่งล้าน  ทางด้านทนายชี้พฤติกรรมกลุ่มคู่กรณีเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา


เมื่อวานนี้ (15 ต.ค.64) ที่ศาลอาญาธนบุรี นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พร้อมนางอริษา อ่วมประเสริฐ มารดานายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือบาส เดินทางมาที่ศาล เพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายณัฐวุฒิ อายุ21 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นฯ และทำร้ายร่างกายฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 295, 371 หลังจากพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 นายณัฐวุฒิ ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตฝากขังไปแล้วในคดีหมายเลขดำ ฝ.515/2564 เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา


ก่อนยื่นประกันตัว นางอริษา ยกมือไหว้ขอบคุณนายไพศาลและนายสาริต แสงจันทร์ หรือเสี่ยเปีย ผู้ออกหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท ช่วยเหลือยื่นประกัน เปิดใจตนเป็นเพียงคนธรรมดาไม่มีเงินยื่นประกันลูกชาย ตอนนี้ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น

นายจีระพันธ์ หรือหมอปลา กล่าวว่า ตนและเสี่ยเปียยืนยันว่าเบื้องตนได้ตัดสินใจว่าจะเข้ามาช่วยเหลือจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพราะรู้สึกว่าครอบครัวนี้ไม่ได้รับความธรรม จากหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นฝั่งคนตายหาเรื่อง

ทางด้านคดี นายไพศาล ทนายความกล่าวว่า ขอเก็บไว้ในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับฝั่งนายณัฐวุฒิแน่นอน เพราะกรณีคลิปล่าสุดค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาท โดยทางทีมกฎหมายจะติดตามการทำสำนวนคดีของตำรวจว่าจะสอบสวนกลุ่มคู่กรณีเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากพฤติกรรมของกลุ่มคู่กรณีเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา ทั้งทำให้เสียทรัพย์ และข่มขู่คุกคาม

ขณะที่ศาลอาญาธนบุรี พิเคราะห์แล้วว่า ผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราว เป็นผู้ที่มารดาของผู้ต้องหาไว้วางใจและไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์ในการนำหลักประกันมาวางต่อศาล จึงอนุโลมให้ผู้ร้องเป็นผู้ร้องขอประกันตัวผู้ต้องหารายนี้ได้ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ตีราคาประกัน 500,000 บาท โดยให้ผู้ร้องเสนอหลักประกันเข้ามาพิจารณาภายใน 7 วันนับแต่วันนี้ มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจขอปล่อยชั่วคราว

โดยทางผู้ร้องฯ ได้นำเงินสด 500,000 บาท มาวางเป็นหลักประกัน ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ใช้เป็นหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวได้ จึงให้ทำสัญญาเพื่อประกันตัวไป


ที่มา : ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564

รัสเซลล์ โครว์ (Russell Crowe) ทวีตภาพภูเก็ต-กทม.รัวๆ

ดาราฮอลลีวูดคนดัง รัสเซลล์ โครว์ (Russell Crowe) วัย 57 ปี ได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Greatest Beer Run Ever ที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริงจากเรื่องราวที่กลายเป็นตำนาน ที่มีชายคนหนึ่งยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อส่งเบียร์ให้เพื่อนที่เป็นทหารที่กำลังทำภารกิจในสงครามเวียดนาม ที่มีดารารุ่นน้อง แซค เอฟรอน ร่วมนำแสดง โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำนอกสหรัฐอเมริกา

Russell Crowe

พระเอกเจ้าของรางวัลออสการ์ รัสเซล โครว์ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยผ่านจังหวัดภูเก็ต ก่อนจะขึ้นไปถ่ายทำภาพยนตร์ในกรุงเทพมหานคร เขาได้ถ่ายภาพชายทะเลยามเย็นเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ถึงวันที่ 23 ก.ย. ได้ถ่ายภาพต่าง ๆ มากมายรวมไปถึงพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี ที่วัดพระใหญ่ ต.กะรน อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต พร้อมกับแนบข้อความและแสดงความประทับใจต่างๆ ว่า 

Phuket

Phuket

“ตอนนี้ที่ประเทศออสเตรเลียเตรียมอนุญาตให้เดินทางระหว่างประเทศได้ในเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้ผมกำลังถ่ายหนังอยู่ที่ประเทศไทย นับตั้งแต่ปี 1991 ตอนที่หน้าที่การงานของผมมันเริ่มพาผมออกเดินทางไปทั่วโลก และการที่ได้ขึ้นเครื่องครั้งแรกในรอบ 2 ปี มันเป็นอะไรที่รู้สึกแปลกมาก แต่มันก็สวยแบบสุด ๆ ไปเลย”

Russell Crowe

“มันรู้สึกอบอุ่นมาก ยิ่งตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นมันเป็นอะไรที่งดงามแบบสุด ๆ และคนไทยก็มีความเป็นกันเองมาก พวกเขาให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือความยอดเยี่ยมของอาหาร ดังนั้นถ้าตอนนี้คุณกำลังล็อกดาวน์อยู่ ถ้าคุณรู้สึกอยากที่จะออกไปท่องเที่ยว ตอนนี้ถึงวันที่พวกเราจะได้ออกไปท่องโลกกว้างแล้ว”

“ลองไปที่ภูเก็ต ผมมั่นใจว่าประเทศอื่นก็มีสิ่งที่น่าสนใจเหมือนกัน แต่ ณ จุดๆ นี้ผมคิดว่า ‘Sandbox Quarantine’ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วมันมีเฉพาะที่ในภูเก็ตเท่านั้น”

Russell Crowe - Bangkok

Russell Crowe Bangkok

Russell Crowe

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา รัสเซล โครว์ โดยได้ลงภาพบรรยากาศการเดินเล่นในกรุงเทพมหานคร ภาพแรกที่เขาโพสต์เป็นภาพ ‘สายไฟฟ้า’ ที่พาดผ่านท้องฟ้าจำนวนมากพร้อมแคปชั่น “Bangkok dreaming…” ก่อนที่จะโพสต์ภาพบรรยากาศการเดินเล่นในกรุงเทพมหานคร พร้อมแคปชั่น “Lost in Bangkok, part 2”

Russell Crowe

Russell Crowe

ที่มา ข่าวสด


วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2564

สศค. แจงเรียกเงินคืนร้านค้าโครงการเราชนะ ปมแลกเงินสด

กลายเป็นประเด็นร้อนเป็นบนโลกออนไลน์ ทวิตเตอร์ ติดแฮชแท็ก #เรียกเงินคืนโครงการรัฐ หลังจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ส่งหนังสือ เรียกคืนเงินกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการรัฐ โดยหลายรายถูกเรียกเงินคืนหลักล้าน และสูงสุดถึง 17 ล้านบาท เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข


เหตุเกิดจากที่ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลัง ได้มีการเตือนร้านค้าไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ด้วยการรับแลกเงินสด หัก 10% กับประชาชนที่ต้องการใช้เงินสด ทำให้กระทรวงการคลังมีการตรวจสอบร้านค้ากลุ่มที่รับแลกเงินสด รวมถึงร้านค้าออนไลน์ด้วย 

โดยทาง กระทรวงการคลังได้มีการส่งเอกสารถึงร้านค้าที่มีพฤติกรรมดังกล่าวให้คืนเงิน หากไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ โดยหนังสือดังกล่าวเริ่มออกตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา

ทำให้เกิดกระแสชาวเน็ตได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งมีทั้งไม่เห็นด้วยกับวิธีการเรียกคืนดังกล่าว โดยผู้ที่ไม่เห็นด้วยอ้างว่า ประชาชนต้องการเงินสด ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น สิ่งที่รัฐบาลจ่ายเงินผ่านโครงการเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ตรงจุดตั้งแต่แรก หรือ บางร้านออนไลน์ ทำผิดเงื่อนไขการขายข้ามจังหวัด ได้ระบุว่า หากไม่สแกนข้ามจังหวัด ก็ขายไม่ได้ และช่วงล็อกดาวน์ก็ทำให้ขายของแบบปกติไม่ได้

โดยมีชาวเน็ต ส่วนหนึ่งก็มองอีกมุมว่า หากไม่ได้ทำผิดจริงก็น่าจะยื่นอุทธรณ์ได้ เพราะมีกฎให้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 15 วัน รวมถึงมีการเรียกเงินคืนในจำนวนที่มากไป โดยที่ไม่มองว่ามีธุรกรรมไหนบ้างที่ผิด แต่หากผิดครั้งเดียวจะเรียกเงินคืนทุกธุรกรรม คนตัวเล็กตัวน้อยเจอแบบนี้ก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัว

กระทรวงการคลัง แจงแล้ว สั่งเชือด เรียกเงินคืนโครงการรัฐ ร่วม 2,000 ราย เผย สาเหตุทำผิดเงื่อนไข ให้อุทธรณ์ได้ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

ล่าสุด นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้ดำเนินการตรวจสอบผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในโครงการเราชนะ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ระลอกใหม่

โดยมีประชาชนผู้ได้รับสิทธิ จำนวน 33.2 ล้านคน จะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนไม่เกิน 9,000 บาท ตลอดโครงการ ด้วยการใช้จ่ายกับผู้ประกอบการร้านค้าในโครงการ 1.3 ล้านราย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” และบัตรประจำตัวประชาชน โดยได้มีการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้ประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการมาโดยตลอด

ตลอดจนขอให้ประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการสามารถแจ้งเบาะแสและส่งหลักฐานการกระทำที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขโครงการให้ สศค. ทราบ และได้มีประชาชนส่งเบาะแสและหลักฐานมาให้ ซึ่ง สศค. จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายสำหรับผู้ที่กระทำผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการต่อไป

“สศค. ได้กำหนดแนวทางเพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาสิทธิของประชาชนที่ได้รับในโครงการ และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในโครงการที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคำยินยอม (Consent) ที่ได้ตกลงไว้ จึงได้จัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะ (คณะทำงานฯ) เพื่อติดตามตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการอย่างใกล้ชิด” 

นายพรชัย ชี้แจงต่อว่า ในกรณีที่พบการกระทำที่ฝ่าฝืน เช่น การรับแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด เป็นต้น ก็จะดำเนินการระงับสิทธิการเข้าร่วมโครงการ และร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนต่อไป

สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานกับผู้ที่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการ มีดังนี้

1.การระงับสิทธิชั่วคราวการใช้แอพพลิเคชัน “ถุงเงิน” เมื่อพบพฤติกรรมที่ผิดปกติในธุรกรรมการใช้จ่าย เช่น จุดรับเงินของแอพพลิเคชัน “ถุงเงิน” ขยับไปมาระยะไกล ธุรกรรมเต็มจำนวนวงเงินสิทธิเป็นจำนวนมาก เป็นต้น และแจ้งให้ผู้ประกอบการให้ติดต่อกลับเพื่อชี้แจงโต้แย้ง ภายใน 14 วัน ซึ่งเมื่อครบกำหนดแล้ว จะนำเอกสารชี้แจงโต้แย้งของผู้ประกอบการที่ได้รับเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงาน

2.เมื่อได้พิจารณาเอกสารหลักฐานของผู้ประกอบการแล้วเห็นว่า ผู้ประกอบการกระทำการฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าวจริง หรือกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ชี้แจงโต้แย้งพร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องภายในระยะเวลาที่กำหนด จะได้มีหนังสือประทับตราแจ้งผลวินิจฉัยและขอให้ชำระเงินคืนให้แก่โครงการ และผู้ประกอบการสามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือประทับตรา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนดังกล่าวนี้

3.เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามข้อ 2. แล้ว กรณีไม่มีการชี้แจงหรือข้อมูลหลักฐานประกอบการอุทธรณ์ หรือไม่มีการชำระเงินคืนให้แก่โครงการฯ รวมถึงกรณีอุทธรณ์มาแต่คณะทำงานฯ พิจารณาแล้วเห็นว่ายังมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการก็จะได้มีหนังสือแจ้งผู้ประกอบการอีกครั้ง โดยหากผู้ประกอบการยังไม่ชำระเงินคืน ก็จะต้องดำเนินการเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการต่อไป

ทั้งนี้ โครงการได้ระงับสิทธิถาวรผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการแล้ว จำนวน 2,099 ราย และได้ออกหนังสือประทับตราแจ้งผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ “เราชนะ” เพื่อคืนเงินที่ได้รับ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ผู้ประกอบการขออุทธรณ์ได้ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือประทับตรา (ตามขั้นตอนในข้อ 2)

ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของท่าน จึงขอให้ผู้ประกอบการชี้แจงเหตุผล พร้อมยื่นเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อ สศค. ภายในระยะเวลาที่กำหนด (เช่น ใบเสร็จรับเงินเพื่อแสดงต้นทุนสินค้า หลักฐานการจัดส่งสินค้า เอกสารแสดงสินค้าคงคลัง รวมถึงภาพถ่ายสถานประกอบการ เป็นต้น) เพื่อนำสู่กระบวนการพิจารณาของคณะทำงานฯ และกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะส่งเอกสารหรือหลักฐาน หรือกรณีมีความจำเป็นต้องรวบรวมเอกสารและหลักฐานก็อาจขอขยายเวลาการจัดส่ง โดยจัดทำคำร้องพร้อมชี้แจงเหตุผล โดยส่งมาทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ wewin@fpo.go.th

ที่มา : ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2564

แฟนคลับ ลิซ่า (Lisa) ไม่ทนดันแฮชแท็กติดเทรนด์ จนหุ้น YG Entertainment ร่วงหนัก

กลายเป็นดราม่า ร้อนแรง เมื่อบรรดาแฟนคลับเดือด รวมตัวกันเรียกร้องความเป็นธรรมให้ "ลิซ่า" ทำเอาแฮชแท็ก #YGLetLisaDoHerWork ติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลก จนหุ้นของ YG Entertainment ร่วงอย่างแรง


เมื่อวานนี้ (6 ต.ค. 64) ผู้สื่อข่าวรายงาน กระแสดราม่า “ลิซ่า” ลลิษา มโนบาล หนึ่งในสมาชิกของวง BLACKPINK ไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปชื่อก้องโลกแดนกิมจิ ที่เพิ่งออกงานโซโล่เดี่ยว LALISA จนเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลก ทีล่าสุดได้ถูกต้นสังกัด YG Entertainment ห้ามเข้าร่วมงานปารีส แฟชั่น วีค กับแบรนด์ดัง โดยกล่าวอ้างว่าเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด บวกกับมีการลบเพลย์ลิสท์เพลง ลิซ่า ออกไปจากค่าย YG บนแอพฟังเพลงสตรีมมิ่งชื่อดัง Spotify ทำเอาแฟนคลับเดือดรวมตัวกันออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้สาวไทยรายนี้จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลก #YGLetLisaDoHerWork ส่งผลให้หุ้นของ YG ร่วงระนาว

โดยกรณีดราม่านี้เกิดขึ้นจากการที่สมาชิกวง BLACKPINK คนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น จีซู, โรเซ่ และ เจนนี่ ล้วนได้เข้าร่วมกิจกรรมงานปารีส แฟชั่น วีค กับแบรนด์ดังที่ตัวเองเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์และเฮ้าส์แอมบาสเดอร์ทั้งหมด มีเพียง ลิซ่า ที่ถูกสั่งงดกิจกรรมไปร่วมงานของ CELINE ที่เธอเป็นมิวซ์ และ BVLGARI ที่เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทั้ง ๆ ที่ ลิซ่า เดินทางไปถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสแล้ว แต่ไม่ได้เข้าร่วมงานอีเวนต์ใด ๆ เลย โดยเธอไม่ได้ออกจากสนามบินที่ปารีสด้วยซ้ำ เนื่องจากมีการต่อเครื่องไปเมืองนีซ เพื่อพบกับคุณแม่จิตทิพย์ หลังไม่ได้เจอกันมานาน

เรื่องนี้ร้อนถึง ฌอง-คริสตอฟ บาแบง ซีอีโอของ BVLGARI ที่ถูกบรรดาแฟนเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย จนต้องออกมาโพสต์อินสตาแกรมอธิบายถึงเหตุผลที่ ลิซ่า ไม่ได้ร่วมงานอีเวนต์ในปารีส แฟชั่น วีค เพราะ YG ไม่อนุญาตให้เข้าร่วม โดยอ้างว่าเป็นเพราะสถานการณ์โควิด ทำให้ ลิซ่า พลาดโอกาสได้ร่วมงานแฟชั่นระดับโลก และอดทำกิจกรรมร่วมกับคนดังอย่าง เซนดายา นางเอกหนังสไปเดอร์, วิคตอเรีย เซเร็ตติ นางแบบชื่อดังชาวอิตาเลี่ยน และ ลิลี อัลดริดจ์ นางแบบชื่อดังชาวอเมริกัน ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ร่วมกัน พร้อมเผยว่า เชื่อมั่นว่าในอนาคต ลิซ่า จะได้ร่วมงานใหญ่ของแบรนด์พร้อมกับสาวสวยคนอื่น ๆ แน่นอน

หลังจากเหตุการณ์ พลาดปรากฎตัวในงานระดับโลก เหล่าแฟนคลับของสาวลิซ่า ตาดีได้ไปสังเกตเห็นว่าเพลย์ลิสท์เพลงของ ลิซ่า ถูกลบออกจาก Spotify ของค่ายอีกด้วย โดยที่เพลย์ลิสท์เพลงของอีก 3 สาวยังอยู่ ทำเอาแฟนคลับสาวลิซ่าหัวร้อนสุด ๆ นัดรวมตัวกับปั่นแฮชแท็ก #YGLetLisaDoHerWork เรียกร้องความเป็นธรรมให้ศิลปินที่ตัวเองรักว่าต้องได้ร่วมงานระดับโลกเหมือนอีก 3 สมาชิก BLACKPINK จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลก


ก่อนหน้านี้บรรดาแฟนคลับของ ลิซ่า มึความไม่พอใจ YG เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยความรู้สึกว่าทางค่ายโปรโมทงานโซโล่เดี่ยวของเธอน้อยเกินไป ทั้ง ๆ ที่กระแสกำลังมาแรง แต่มีงานเดินสายโปรโมทตามรายการเพลงต่าง ๆ ในประเทศเกาหลีใต้น้อยมาก ซึ่งตอนแรกแฟน ๆ คิดว่า เพราะ ลิซ่า ต้องเตรียมตัวสำหรับงานปารีส แฟชั่น วีค จึงยังใจเย็นกันอยู่ แต่พอสาวไทยไม่ได้ร่วมงานที่ปารีส ก็ทำเอาแฟนคลับฉุนขาดไปเรียกร้องด้วยการแท็กหา ฮวางโบคยอง ซีอีโอของ YG ทางโซเชียลมีเดีย หวังให้ออกมาเคลียร์ดราม่าต่าง ๆ แต่ถูกลบแท็กทิ้งหมดเกลี้ยง นอกจากนี้ แฟนคลับยังพยายามเรียกร้องให้อดีตซีอีโออย่าง ยางฮยอนซอก กลับมาดำรงตำแหน่งเดิมอีกครั้ง เพราะเขาดูแล BLACKPINK ทั้ง 4 คนได้อย่างเท่าเทียม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา กระแสดราม่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของ ลิซ่า ส่งผลให้หุ้นของค่าย YG Entertainment ตกฮวบ โดยเปิดมาที่ 65,000 วอนเกาหลีใต้ (KRW) และตกลงต่ำสุดที่ 63,300 วอน ก่อนจะขึ้น ๆ ลง ๆ อีกหลายรอบจนปิดตลาดหุ้นในวันนั้นตกลงถึง 0.15% เลยทีเดียว โดยในวันที่ปล่อยเพลงโซโล่ LALISA ของ ลิซ่า ราคาหุ้นของ YG อยู่ที่ 55,900 วอน และเคยขึ้นสูงกว่า 2,900 วอน ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ลิซ่า น่าจะมีอิทธิพลต่อราคาหุ้นของ YG ไม่น้อย งานนี้คงต้องมาคอยจับตาดูว่า ทางค่าย YG จะมีการเคลื่อนไหวหรือมีแถลงการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร?

ที่มา เดลีนิวส์

ขอบคุณภาพจาก ig – @lalalalisa_m


วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564

อัปเดต "เราเที่ยวด้วยกันเฟส3" เหลือสิทธิไม่ถึง 4 ล้านสิทธิแล้ว

เช็คด่วนๆ โครงการ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส3" สิทธิที่พักเหลือ 2 ล้าน สิทธิตั๋วเหลือ 1.2 ล้านเท่านั้น ลงทะเบียนรอบนี้ได้ส่วนลดสูงสุด 40 % มีค่าอะไรกันบ้างตรวจสอบเลย


ช่วงเช้าที่ผ่านมา(24ก.ย.64) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เปิดให้ลงทะเบียนโครงการ เราเที่ยวด้วยกันเฟส3 ตั้งแต่เวลา 06.00น.  ล่าสุดเว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกัน.com ได้โพสต์รายละเอียดสิทธิและเงื่อนไขสำหรับการลงทะเบียนเราเที่ยวด้วยกันเฟส3  

จากการอัพเดตล่าสุดสำหรับสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันล่าสุดพบว่า จำนวนสิทธิที่พักเหลือ 2,000,000  สิทธิ จำนวนสิทธิตั๋วเครื่องบินเหลือ 1,263,132  สิทธิ

โดยผู้ที่ลงทะเบียนเที่ยวด้วยกันเฟส 3 จะได้ส่วนลดค่าต่าง ๆ ดังนี้

สิทธิที่ 1ส่วนลดค่าที่พัก 40% 15 ห้องหรือคืน สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน

สิทธิที่ 2 คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว สูงสุด 600 บาท/วัน ทุกวันใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าสถานที่ท่องเที่ยว ที่ร่วมโครงการโดยชำระเพียง 60 % อีก 40% ตัดจากคูปอง

สิทธิที่ 3 เงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร(เฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวที่กำหนด) จำกัดห้องพักละ 2 ที่นั่งตามจำนวนห้องที่เข้าพักจริง แต่ไม่เกิน 30 ที่นั่ง

24 กันยายน 2564 เปิดลงทะเบียนสำหรับผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์ ในเฟส 1 และ 2

8 ตุลาคม 2564 เปิดให้ประชาชนจองโรงแรมหรือที่พัก

15 ตุลาคม 2564 เริ่มเข้าที่พัก

23 มกราคม 2565 เปิดจองโรงแรมหรือที่พักวันสุดท้าย

31 มกราคม 2565 สิ้นสุดระยะเวลาเดินทาง และ Check Out วันสุดท้าย

เงื่อนไขการลงทะเบียนสำหรับประชาชน

มีบัตรประจำตัวประชาชนและเป็นบุคคลสัญชาติไทย

อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

ประชาชนจะได้รับสิทธิเมื่อลงทะเบียนสำเร็จ และใช้จ่ายในโรงแรม ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยว ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้น จังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ

ประชาชนที่เคย ลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และ 2 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิใหม่ สามารถใช้สิทธิที่คงเหลือต่อได้

โดยสิทธิที่จะได้รับนั้นแบ่งเป็น 2 สิทธิ คือ

รับสิทธิส่วนลดค่าห้องพัก

รับสิทธิส่วนลดค่าอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว

จองห้องพักได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ

1 เบอร์โทรศัพท์ ต่อ 1 เลขบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น

หมายเหตุ เบอร์ลงทะเบียนที่ใช้รับสิทธิ ต้องเป็นเบอร์เดียวกับที่ลงทะเบียนแอปฯ เป๋าตัง

รับสิทธิตั๋วเครื่องบิน

รัฐบาลคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของมูลค่าตั๋วเครื่องบินไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร เข้า G-Wallet โดยห้องพัก 1 ห้อง ได้สิทธิ 2 ผู้โดยสาร

สิทธิเพิ่มเติมรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร เมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย สำหรับผู้ที่ออกตั๋วเครื่องบิน และเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป 

ผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินจะต้องเป็นผู้จองห้องพักในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเป็นผู้จองและร่วมโดยสารในเที่ยวบิน โดยจะต้อง Check out จากห้องพักแล้ว จึงจะสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินได้

ที่มา คมชัดลึก


กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...