แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวเด็ด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวเด็ด แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

แม่ใจจะขาด เจอคลิปสุดท้าย ก่อนลูกสาวจมน้ำตายร้องให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองหัวเราะกันคิกคัก

แม่ใจจะขาด เห็นคลิปสุดท้ายก่อนลูกสาวจมน้ำตาย ร้องขอให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองบอกปล่อยให้มันตายไปเลย


เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้สูญหายในน้ำ บริเวณบ้านห้วยตาสี หมู่ที่ 6 ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นคลองชลประทานลึกประมาณ 3 เมตร ชุดค้นหาใต้น้ำอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูชัยนาท ได้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงลงค้นหาจนพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.สุรัตวดี อายุ 32 ปี ที่อยู่ตำบลเนินขาม อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท จากนั้นนำร่างส่งมอบญาติดำเนินการทางศาสนา ณ ที่พักสงฆ์ละหานใหญ่เจริญศรี (วัดห้วยตาสี)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นางสุรินทร์ อายุ 52 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต หลังมีคลิปหญิงสาวกำลังจมน้ำแต่ไม่มีใครลงไปช่วยและได้จมน้ำเสียชีวิตต่อหน้าของทุกคน จึงได้มีการแจ้งกู้ภัยช่วยเหลือ โดยผู้เป็นแม่ร่ำไห้สงสัยทำไมคนถ่ายคลิปและคนยืนดูอีกหลายคนไม่ช่วยเหลือ

นางสุรินทร์ เปิดเผยว่า มีความรู้สึกคาใจว่าลูกเราตกน้ำมีคนเห็นเขาน่าจะช่วย วันนั้นเขาไปเล่นน้ำตอนมืดแล้วประมาณ 2 ทุ่ม มีคนเล่าว่าลงเล่นน้ำฝั่งนี้แล้วลื่นไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วไปกอดต้นโสน จากนั้นหลุดจากต้นโสนลอยน้ำไป เขาร้องโอยๆ อยากให้ช่วย แต่มีคนบอกว่าลูกโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่คลิปหลุดมาไม่ใช่การฆ่าตัวตายเพราะลูกร้องให้ช่วย ซึ่งวันเกิดเหตุลูกดื่มเหล้าก่อนที่จะลงเล่นน้ำ

นางสุรินทร์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าลูกจะเป็นผู้ป่วยจิตเวช แต่ตอนเราได้ยินเสียงลูกร้องในคลิปแล้วรู้สึกเจ็บปวด ไม่มีใครช่วยเลย หมาตกน้ำเรายังช่วยเลย นี่คนทั้งคน จะบ้า จะบอ จะดีอะไรก็ตาม เมื่อก่อนเขาเป็นคนดีมาก หลังๆเขาไม่ค่อยสบายเขาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครกินแต่เหล้า ตรงที่เจ็บปวดคือคำว่า “ปล่อยไปเลย ให้มันจมน้ำตายไปเลย มันเรียกร้องความสนใจ ให้มันจมน้ำไปก่อนแล้วค่อยโทรหาปอเต็กตึ๊ง”

ได้ยินเสียงลูกร้อนโอยๆ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ลูกเขาก็ร้องไห้ทำไมเป็นแบบนี้ไม่มีใครช่วยเลย อยากรู้ว่าคนถ่ายคลิปเอาหัวใจอะไรมาใส่ ทำไมไม่ช่วยคนทั้งคน อยู่กันตั้งหลายคน ตอนที่ยังไม่ห่างตลิ่ง หรือโทรหาคนมาช่วยก็ได้หรือตามคนที่บ้านไปช่วยก็ได้

ที่มา สนุกดอทคอม

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ชูวิทย์ เดินหน้าแฉต่อ 'รถไฟฟ้าสายสีส้ม' มีเงินทอน 30,000 ล้านได้ถูกโอนไปสิงคโปร์แล้ว

กลายเป็นมหากาพย์การแฉไปแล้ว เมื่อชูวิทย์ออกโรงแฉ 'รถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่เตรียมให้เป็นทุนเตรียมเลือกตั้ง ตั้งข้อสังเกตฮั้วประมูลตั้งแต่ต้น เงินทอน 30,000 ล้าน ถูกโอนไปสิงคโปร์


กรณีการก่อสร้าง "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ที่ดูเหมือนจะยังไม่จบง่าย ๆ เพราะที่ผ่านมามีการเปิดประกวดราคาหาเอกชนเข้ามาดำเนินมากถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เป็นผู้ล้มประมูลเอง หลังจากนั้นเปิดประกวดราคาครั้งที่ 2 โดยมีการกำหนด TOR ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น 

หลายฝ่ายจับตามองขั้นตอนการประกวดราคา "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ไม่เว้นแม้แต่ นายชูวิศย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาแฉซ้ำ ถึงขั้นตอนการประกวดราคา โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าจะเกิดการทุจริตในกระบวนการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มครั้งนี้หรือไม่ 

โดย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมายังบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาลพร้อมกับนนำป้ายขนาดใหญ่ซึ่งแสดงให้เห็นข้อมูลในเปิดประกวดราคาก่อสร้าง "รถไฟฟ้าสายสีส้ม"

นายชูวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการประกวดจัดหาผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการก่อสร้าง "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ของ รฟม. โดยมีกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้ากระทรวงที่ดูแลนั้น มีความไม่ชอบมาพากลอยู่หลายจุดโดยเฉพาะในขั้นตอนการประกวดราคา การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ร่างขอบเขตการทำงาน (TOR) ภายหลังจากที่มีการเปิดซองราคาไปแล้ว

โดยมีการกำหนดคะแนนด้านเทคนิคให้สูงขึ้น จนนำไปสู่การฟ้องร้องศาลปกครอง ต่อเนื่องไปจนถึงการตั้งข้อสังเกตว่าโครงการดังกล่าวเกิดการฮั้วกับเอกชน เพื่อที่จะรับเงินทอนและนำเงินไปเป็นทุนสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่ 

ทั้งนี้นายชูวิทย์ ได้แบ่งการประกวดราคา "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ครั้งนี้ออกเป็น 5 สถานี ได้แก่ 

-สถานีโกง  การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ TOR ทั้งที่เปิดขายซองประกวดราคาไปแล้ว โดยรูปแบบเดิมเป็นการให้คะแนนค่าก่อสร้าง และเงินตอบแทนที่รฟม.จะต้องคืนให้แก่เอกชน 

-สถานีทุจริต  มีการร้องศาลปกครอง โดยในชั้นต้นไม่ให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์แต่ในชั้นสูงสุดที่ประชุมใหญ่มีมติ 27:23 ให้สามารถเปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้ 

-สถานีฮั้ว  ในกระบวนกำหนด TOR รอบใหม่หลังจากที่การประกวดราคาครั้งแรกถูกล้มไปนั้นมีการปรับ TOR ใหม่ให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บางบริษัทเข้าหลักเกณฑ์เพียงบริษัทเดียว

-สถานีเงินทอน  พบว่า 30,000 ล้านบาทเข้ากระเป๋าใคร โดยพบว่ามีการโอนเงินไปยังประเทศสิงคโปร์ผ่านธนาคารเอกชนระหว่างประเทศ 

-สถานีปลิว เปิดประมูลรอบสองกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ ต้องเคยเป็นบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปาทานกับรัฐบาลเท่านั้น ทำให้เหลือบริษัทเดียว 

"เกิดการล็อกสเปกแบบน่าเกลียด ผมโทษใครไม่ได้ แม้แต่รัฐบาลผมก็โทษไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็ต้องการลงสมัครพรรคการเมืองเพื่อหวนคืนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ยกตัวเองโครงการใหญ่ที่เขาเอาเงินพวกเราไป เงินไป 70,000 ล้านแล้วมีเงินเข้าไปจ่ายค่าคอม 30,000 ล้าน โครงการรถไฟฟ้าสายส้มเป็นตัวอย่างโครงการรับเพียงตัวอย่างเดียว แสดงให้เห็นว่าระบบการทำงานพัง ' นายชูวิทย์กล่าว

ที่มา คมชัดลึก ออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สาวแชร์เรื่องราว "ชีวิตคนเราไม่แน่นอน" กับมะเร็งปอดระยะที่สี่

เจ้าของเพจ BorTor Baitoey แชร์ประสบการณ์ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เมื่อพบว่าเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในอายุ 24 เรื่องเผยไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


มะเร็งเป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ด้วยสาเหตุต่างๆ นาๆ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง เธอจึงได้เล่าเรื่องราวผ่าน เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ BorTor Baitoey ถึงการเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในวันที่เธออายุเพียง 24 ปีว่า

“ มีคนเคยบอกว่า “ชีวิตคนเราไม่แน่นอน” แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

อายุ 24 ปี กับโรคยอดฮิตในหนังเศร้า “มะเร็งปอดระยะที่สี่” ที่ทุกคนเรียกว่า “ระยะสุดท้าย” ฝันอยากมีชีวิตแบบนางเอกซีรี่ย์ซักครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะได้พลอตนี้ 55555

อาการเริ่มตั้งแต่ปลายปี 64 เริ่มไอ เป็นๆ หายๆ ไม่ได้ไอตลอดเวลา ประมาณ 2 เดือน ตรงกับช่วง pm2.5 คิดว่าเป็นภูมิแพ้ จึงไปหาหมอแผนก หู คอ จมูก ที่ศิริราช ก็ทำการตรวจ x-ray ปอด ส่องกล้องดูทางเดินหายใจ ก็ไม่พบความผิดปกติ จบด้วยการได้ยาแก้ไอต่างๆมากิน จากนั้นก็ไปตามนัดตลอด x-ray ตลอด แต่ก็เริ่มไอมากขึ้น ไอตลอด ประมาณเดือน เมษายน ก็เป็นโควิด มีอาการไอ(ที่ไออยู่แล้ว) จาม (มีอาการนี้เลยตรวจโควิด) แค่นั้น ไม่ได้กินฟาวิ เพราะอาการไม่หนักมาก

เดือน พฤษภา เริ่มปวดสะโพกด้านขวา (คิดว่าคงนอนผิดท่า ซักพักน่าจะหายเอง) ประมาณ 2 wk ยังไม่หาย เลยไปหาหมอกระดูก ตอนนั้นหมอบอกกล้ามเนื้ออักเสบ ได้ยาแก้อักเสบมา แล้วก็ไปกายภาพ

เดือน มิถุนายน ตื่นเช้ามาไอ รู้สึกเหมือนมีเสมหะ (ปกติไอแห้งๆมาตลอด) สรุป ไอเป็นเลือด ตอนนั้นตกใจมาก  เลยปรึกษาพี่ที่รู้จัก ได้มาหาหมอที่หูคอจมูก หมอส่องกล้อง x-ray ปอด เหมือนเดิม ไม่พบความผิดปกติ หมอคิดว่า ไอจากเส้นเลือดฝอยบริเวณเพดานปากแตก จึงนัดอีกที 3 เดือน

(ระหว่างนี้ก็ไอตลอด ขาก็เดินกะเผลก ไปกายภาพบำบัดอยู่ และไปตรวจตามนัดของหู คอ จมูกเสมอ!!)

เดือนกรกฎาคม จุดเปลี่ยนของชีวิต พอพ้นวันเกิดวัย 24 ปี ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก

อาการไอยังคงเหมือนเดิม เริ่มหนักขึ้น เริ่มเหนื่อยหอบ เดินได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุดพัก ค่อยเดินต่อ น้ำหนักลด อาทิตย์ละ 2 kg ได้ คนรอบข้างเริ่มทักว่าผอมลงเยอะมาก ให้ไปตรวจได้พี่ที่รู้จัก(คนดีคนเดิม)นัดคิวตรวจอายุรศาสตร์ให้ ไปตรวจอายุรศาสตร์ครั้งแรก เจาะเลือด x-ray แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ

ผล x-ray ก็ยังคงปกติ แต่ผลเลือดค่าตับไม่ค่อยดี แต่หมอไม่ว่าไง

ยังคงมีอาการไออยู่ หมอจึงพาไปให้หมอเฉพาะทางด้านปอดดู

หมอปอด : ส่งตรวจ CT Chest ผลเจอก้อนที่ปอด(หลายก้อน ใหญ่สุด 4cm) และที่ตับ 2 ก้อน จึงนัดตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลก็คือเป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือง และกระดูก (ตอนรู้นี้อ๋อเลย นี้เองสาเหตุก็การปวดขา ) หลังจากนอนโรงพยาบาลเกือบเดือน และอยู่ห้อง RCU (คล้ายๆ icu แต่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ) เพราะตอนนั้นปอดเหลือข้างเดียว ก็นอนให้ยาฆ่าเชื้อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ (high flow) อยู่ตลอด ทรมานมาก ตอนนี้ก็ได้รับการรักษาเป็นการฉายแสง 10 ครั้ง (ครบไปแล้ว) และกินยาพุ่งเป้า (ขอบคุณอาจารย์จารุวรรณ เป็นอย่างสูง เพราะค่ายาแพงมาก ตกเดือนละ 40,000 แต่ได้อาจารย์เอาทุนโครงการมาช่วย กราบสามทีเลย) คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากการอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ เป็น second hand smoker ขอให้ทุกคนที่สูบบุหรี่อยู่ ช่วยมีความรับผิดชอบกับคนรอบข้างนิดนึง

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้…โพสยาวสุดในชีวิต อยากเล่าให้ฟัง เผื่อใครมีอาการอะไร ให้รีบๆไปตรวจ

ตรวจให้ถูกหมอ ถูกโรค รีบรักษาจะได้ไม่เป็นอะไรเยอะ มีชีวิตอยู่ไปนานๆ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นห่วง คอยมาเยี่ยม ส่งข้าวส่งน้ำ ส่งกำลังใจ พูดละจาร้อง 55555

ขอบคุณมากๆ นะ มีแรงสู้ชีวิตต่อไป….แต่ขอร้องชีวิตอย่าสู้กลับเยอะ

ทุกคนไม่ต้องตกใจรูปนะ ตอนนี้กลับมาทำงาน ใช้ชีวิต(แบบพยายาม)ปกติแล้ว แต่ก็กินยาอยู่ตลอด”


ที่มา อีจัน, BorTor Baitoey


วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

หมอลืม "ผ้าก๊อซ" ในช่องคลอด ผอ.โรงพยาบาล ยืดอกรับผิดพร้อมเยียวยา

จากกรณีญาติโวยหมอลืม "ผ้าก๊อซ" ในช่องคลอดสาววัย 20 ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ออกมายืดอกรับผิด พร้อมเยียวยาตามมาตรา 41


วันนี้(29 พ.ย.65) ผู้สื่อได้ข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ying Ying ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงในกลุ่ม "ขอนแก่น ร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่" พร้อมแคปชั่นระบุว่า "ช่วยแชร์ไปเยอะๆ โรงพยาบาลลืมผ้าก๊อซไว้ในช่องคลอด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 น้องสาวได้ไปคลอดที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดขอนแก่น ปรากฏว่าผ่านมาเกือบสองเดือนน้องสาวมีอาการปวดท้องรุนแรงและเป็นไข้ เวลาเข้าห้องน้ำก็จะมีเหมือนก้อนอะไรบางอย่างหลุดออกมาตรงปากช่องคลอด พอจับดูรู้สึกว่ามันเป็นก้อนแข็งๆ ผิดปกติ จึงให้แฟนเอาไปส่องดูให้ ปรากฏว่าด้านในที่เห็นนั้นเป็นผ้าก๊อซที่ทางโรงพยาบาลลืมเอาไว้

ตอนนี้ได้กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้โรงพยาบาลเอาผ้าก๊อซก้อนนั้นออกให้ และหลังจากที่เอาออกมีผู้ใหญ่มาคุยและบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบในเชิงว่าเอาผ้าก๊อซปิดเลือดไว้เพื่อช่วยชีวิต ฝากช่วยกันแชร์เยอะๆ ให้ได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ด้วยค่ะ

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวรุ่งนภาพร โคตรแปร อายุ 32 ปี เจ้าของเฟซบุ๊ก เล่าว่า น้องสาวตน อายุ 20 ปี มีกำหนดคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 วัน ก็กลับบ้าน อยู่บ้านเรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาน้องสาวมีอาการปวดท้อง จึงเข้าห้องน้ำ พบว่ามีก้อนแข็งๆในช่องคลอด ถ่ายรูปมาดูถึงได้รู้ว่ามีผ้าก๊อซในช่องคลอด จึงรีบมาที่โรงพยาบาลให้แพทย์เอาผ้าก๊อซออกให้

นางสาวรุ่งนภาพร เล่าต่อว่า แต่เจ้าหน้าที่กลับอ้างว่า ผ้าก๊อซที่เห็นนั้นเพื่อช่วยซับเลือด เป็นการช่วยเหลือคนป่วยไม่ให้เสียเลือดมาก ซึ่งเป็นการช่วยชีวิต แต่ฟังแล้วไม่ได้ช่วยให้สบายใจ เพราะแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ควรมีความรอบคอบ หากเกิดการติดเชื้อ หรือมีผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพของผู้ป่วยจะทำอย่างไร อยากให้มีความรับผิดชอบมากกว่าคำพูดที่พูดออกมา

จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ทราบว่า ภายหลังทราบเรื่องจากโซเชียล ก็รีบตรวจสอบทันที พบว่าขณะนี้ผู้ป่วยเข้ามาพักรักษาตัวใน รพ.ขอนแก่น ที่ห้องพิเศษ อาคาร 14 ตึกราชนครินทร์ โดยแพทย์ได้เอาผ้าก็อซออกให้เรียบร้อย ให้ยาฆ่าเชื้อ รักษาให้จนแข็งแรงจึงจะให้กลับบ้าน

"อาการโดยรวมปลอดภัยดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน ซึ่งจากการตรวจสอบรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ ทราบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในฐานะ ผอ. รพ.ขอนแก่น ขอยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษคนป่วยและญาติพี่น้องด้วย จะนำเอาความผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ" นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าว

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ ทางโรงพยาบาลไม่ได้นิ่งเฉย โดยได้ประสานไปที่ สปสช. เพื่อทำเรื่องเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรา 41 แล้ว

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ โรงพยาบาลขอนแก่น ได้โพสต์หนังสือชี้แจง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และว่าโรงพยาบาลขอนแก่นเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โรงพยาบาลยินดีปรับปรุงการให้บริการ การดูแลผู้ป่วย และพร้อมให้การดูแลเยียวยาช่วยเหลือ โดยยื่นคำร้องตามมาตรา 41 (ม.41) สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า กรณีได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นขณะรับการรักษาในโรงพยาบาล ตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งการประชุมพิจารณาของคณะกรรมการฯ จะมีขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม 2565

โดยหลังจากนี้ จะมีการทบทวนระบบการให้บริการ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

ที่มา ไทยรัฐ, เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลขอนแก่น

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565

ทนายตั้ม ขอเสี่ยงเผยนักการเมืองลวนลามนศ.สาว นับสิบราย

“ทนายตั้ม” โพสต์เฟสบุ๊กระบุมีเหยื่อนศ.สาว ร้องต่อตนว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดัง ลวนลาม มีเหยื่อติดต่อเข้ามาเพิ่มเกือบ10ราย ลั่นหลักฐานแน่น ยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทเผยความจริง 


วันนี้ (14 เม.ย.) เวลา 12.50 น. นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยข้อความทางเพจเฟซบุ๊ก ถึงกรณีนักศึกษาสาว ถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดังอนาจาร โดยข้อความระบุว่า “อัพเดทข่าวเบื้องต้น รองหัวหน้าพรรคดัง มีพฤติกรรมชอบลวนลามเด็กสาววัย 18 เหยื่อติดต่อเข้ามาในไลน์ษิทราลอส์เฟิร์มนับสิบราย นอกจากนั้นในเพจข่าวยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในขณะเรียนอยู่ลอนดอน ประเทศอังกฤษก็มีพฤติกรรม Sexual Harrasment [ในกระทู้ข่าวเขียนถึง Rape ซึ่งแปลว่าข่มขืน] สำหรับผมมองว่าในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นอันตรายกับเด็กผู้หญิงหลายคน เท่าที่ดูคือชอบเรียกเด็กเข้ามาฝึกงาน แล้วจบด้วยการแต๊ะอั๋ง บางคนถึงขนาดกระทำชำเราและกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า เหยื่อแต่ละคนไม่กล้าดำเนินคดี เพราะพ่อของผู้กระทำความผิดมีตำแหน่งใหญ่โต แบ็คดี

วันนี้ผมเลยขอเสี่ยงเปิดเผยความเป็นจริงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ยังไงผมขอให้ทางพรรคทำการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยครับ ส่วนเจ้าตัวไม่ต้องมาชี้แจงอะไรกับผมหรอก ไปตามหมายเรียกก็พอ เพราะเหยื่อเริ่มทยอยไปให้การกับเจ้าหน้าที่แล้ว ตัวผมยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทครับ ถ้ากล้าก็มา เพราะหลักฐานผมแน่นจริงๆ

#นักการเมืองภัยสังคม #เหยื่อที่เคยถูกบุคคลนี้กระทำติดต่อมาได้ตลอดนะครับ”

ต่อมานายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่ใช่ตนเอง พร้อมเตรียมแถลงข่าวด่วนวันนี้ 15.00 น. ที่ลานแม่พระธรณี พรรคประชาธิปัตย์

ล่าสุดเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (14 เมษายน 2565) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย และผอ.ศูนย์การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า ตนรู้สึกช็อก และตกใจกับเรื่องที่เกิดทางโซเชียลมีเดีย ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ หลายข้อกล่าวหาเกิดขึ้น ตนขอปฏิเสธ และไม่ใช่เรื่องจริง หลายคนที่รู้จักตนก็รู้ดีว่าตนไม่ใช่คนแบบนั้น แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวโดยตรงของตนแต่ก็กระทบกับการทำงานในหน้าที่ภารกิจของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนมีตำแหน่งอยู่

“ผมรู้สึกรับผิดชอบในงานของผมที่กระทบกับภาพลักษณ์การทำงานของผม ผมจึงตัดสินใจที่จะลาออกจากทุกตำแหน่งของพรรคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะให้พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่ให้กระทบกับงานของพรรค” นายปริญญ์ กล่าว


วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

คุณแม่ OnlyFans วิคทอเรีย สนุ๊กส์(Victoria Snooks) ฟ้องโรงเรียนลูกแบนห้ามร่วมกิจกรรม

คุณแม่ดาว OnlyFans  จ่อฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโรงเรียนของลูก หลังจากถูกทางโรงเรียนแบน และปลดออกจากตำแหน่งอาสาสมัครผู้ปกครองของโรงเรียน เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่มีเนื้อหาสุดสยิวสำหรับผู้ใหญ่



เดอะซัน สื่อชื่อดังของสหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยเรื่องราวของ วิคทอเรีย ทรีซ(Victoria Triece) คุณแม่ยังสาวชาวฟลอริดา สหรัฐฯ ที่มีลูก 2 คน อายุ 10 และ 5 ขวบ โดยในโลกออนไลน์เธอเป็นเซ็กซ์ครีเอเตอร์ ที่โด่งดังจากการอัปโหลดคอนเทนต์วาบหวิว โดยเป็นเจ้าของ OnlyFans ที่ชื่อว่า วิคทอเรีย สนุ๊กส์ โดยมีผู้ติดตามกว่า 123,000 คน


ล่าสุดโรงเรียนประถมของลูกๆ ที่ตั้งอยู่ใน ออเรนจ์เคาน์ตี แคลิฟอร์เนีย ได้ปลด วิคทอเรีย ออกจากการเป็นอาสาสมัคร และแบนไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมอาสาผู้ปกครองของทางโรงเรียน โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับอาชีพเซ็กซ์ครีเอเตอร์ของเธอ


เหตุการณ์นี้ ทำให้ วิคทอเรีย โกรธมาก เพราะเธอยืนยันว่า เธอทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมในการเป็นแม่ และยังแต่งกายอย่างมิดชิดเหมาะสมทุกครั้งที่เป็นผู้ปกครองไปโรงเรียน รวมทั้งยังเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนอย่างแข็งขันเพื่อใช้เวลาใกล้ชิดกับลูกๆ ของตัวเอง


วิคตอเรีย ได้ทวิตข้อความระบายความอัดอั้นตันใจผ่านทวิตเตอร์ว่า 

"การกระทำของคนที่ดูดคอนเทนต์ใน OnlyFans ของฉัน แล้วส่งไปให้ทางโรงเรียน เป็นอะไรที่โหดร้ายมาก คุณไม่ต้องมาชอบในสิ่งที่ฉันทำก็ได้นะ แต่ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่มันแย่ขนาดนี้เลย"


เหตุการณ์นี้ ทำให้ วิคตอเรีย แต่งตั้งทีมกฎหมาย เพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์ จากทางโรงเรียน

ที่มา :The Sun, victoriasnooks

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564

“คนละครึ่ง” ลงทะเบียนวันนี้รับเงินรวดเดียว 3,000 บาท

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้โอนเงินเพิ่มเติม 1,500 บาท สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” พร้อมชี้ยอดใช้จ่ายสะสมพุ่ง 6.7 หมื่นล้านบาท เชิญชวนให้ประชาชนมาลงทะเบียนเพิ่มยังคงเหลือสิทธิอีก 8.5 แสนสิทธิ ลงทะเบียนแล้วได้รับเงินรวดเดียว 3,000 บาท ใช้ได้ถึงสิ้นปี


วันนี้( 1 ตุลาคม 2564) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายพรชัย  ฐีระเวช ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า "วันนี้กระทรวงการคลังได้โอนวงเงินสนับสนุนให้แก่ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 รอบที่ 2 เพิ่มเติม จำนวน 1,500 บาทต่อคน โดยนำไปรวมกับวงเงินสิทธิคงเหลือจากรอบแรกโดยอัตโนมัติและสำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนใหม่และได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หลังวันที่ 1 ตุลาคม 2564 จะได้รับวงเงินสิทธิรวมทั้งสิ้น 3,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 สามารถใช้สิทธิได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564"

“จากข้อมูลล่าสุดโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ยังมีสิทธิคงเหลืออยู่ประมาณ 850,000 สิทธิ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. ของทุกวันจนกว่าจะครบ 28 ล้านสิทธิ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง”

โฆษกกระทรวงการคลังยังได้ เปิดเผยข้อมูลโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ว่า มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 24.35 ล้านราย จากผู้เข้าร่วมโครงการรวม 27 ล้านราย โดยมีจำนวนผู้ใช้สิทธิครบ 1,500 บาท กว่า 10.1 ล้านราย ยอดการใช้จ่ายสะสมรวม 67,742.2 ล้านบาท เป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 34,474.9 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 33,267.3 ล้านบาท 

ที่มา ประชาชาติ



วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2564

ตำรวจพบพิรุธไทม์ไลน์ เร่งไขปมจัดฉากคืน "น้องจีน่า" ยังไม่แจ้งข้อหา "อาผะ"

ตำรวจเผยความคืบหน้าคดีลักพาตัว "น้องจีน่า" กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อประกอบสำนวนแต่ยังไม่ฟันธงว่า "อาผะ" เป็นผู้ก่อเหตุเพียงผู้เดียว เพราะการให้การยังวกวนสับสน


ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงช่วงกลางดึกของวานนี้ (8 ก.ย.) ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีการลักพาตัว น้องจีน่า เด็กหญิงวัย 1 ปี 11 เดือน 

จากคำให้การของนายอาผะ ที่วกวนสับสน ทั้งเรื่องของไทม์ไลน์ของตนเอง ตลอดจนถึงการรับสารภาพว่าลักพาตัวน้องไป การไปชี้จุดที่อ้างว่านำน้องไปปล่อยทิ้งไว้ รวมถึงเรื่องที่ซัดทอดมาว่ามีผู้บงการเป็นลูกเลี้ยงที่เป็นลูกติดของภรรยา ตลอดช่วงที่ถูกควบคุมตัวไว้

ทางตำรวจจึงได้เรียกตัวผู้ที่ถูกซัดทอดรวมทั้งลุง ป้า และเพื่อนบ้านของน้องจีน่า ที่เป็น 3 คนแรกที่ไปพบตัวน้องในกระท่อม รวมทั้งลูกสาวของภรรยานายอาผะ และสามีที่ถูกซัดทอดว่าเป็นผู้บงการ ตลอดจนอาสาสมัครรถจักรยานยนต์วิบาก ที่เคยไปค้นหาน้อง ณ จุดที่พบตัวล่าสุด 

โดยอาสาสมัครดังกล่าวยืนยันว่าเมื่อวันที่ 7 ก.ย. เวลา 11.00 น. ได้มาที่กระท่อมแต่ไม่พบตัวน้องในจุดที่พบตอนนี้ ซึ่งสอดคล้องกับภาพทางอากาศในวันที่ 7 ก.ย. ที่ตำรวจใช้เฮลิคอปเตอร์ บินสำรวจผ่านจุดดังกล่าวในวันเดียวกันไม่พบว่ามีใครอยู่

จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้ทั้งหมดทำให้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่านายอาผะเป็นผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว ประกอบกับคำให้การที่สับสน และไทม์ไลน์ที่ไม่สอดคล้องกันจากพยานละหลักฐานต่างๆ จึงยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับนายอาผะได้ทันที

อย่างไรก็ตาม คาดว่ามีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีไว้เพื่อไปเปรียบเทียนกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ทางตำรวจได้เก็บไว้ทั้งหมดในคืนที่ผ่านมา หลังสอบปากคำก็ได้ปล่อยตัวทั้งหมดกลับบ้านแล้ว เหลือเพียงนายอาผะที่ยังถูกควบคุมตัวไว้ที่ สภ.แม่แตง ซึ่งนายอาผะเองในช่วงที่ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ห้องสืบ มีอาการที่ค่อนข้างอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องติดตามแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป โดยเฉพาะเรื่องที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องของการจัดฉากคืนตัวน้องจีน่า ทั้งเรื่องของคำให้การของอาผะที่ว่าเอาตัวน้องไปปล่อยเพื่อเซ่นผีที่หน้าถ้ำ

นอกจากนี้ จุดที่พบตัวน้องค่อนข้างห่างไกลกันเด็กวัย 1 ขวบ 11 เดือน ไม่มีทางที่จะเดินมาเองได้ ขนาดผู้ที่ทั้งเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนที่เข้าไปติดตามทำข่าวก็ยังต้องใช้เวลา และพบความยากลำบาก ชนิดที่ว่าหลายคนหมดแรงไม่สามารถขึ้นไปถึงจุดที่พบน้องได้ด้วย

ประกอบกับการที่นายอาผะถูกควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 6 ก.ย.  ซึ่งเป็นช่วงหลังจากเกิดเหตุเพียง 1 วัน และตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. จนถึงวันนี้ก็อยู่ในความควบคุมของตำรวจ จึงเชื่อว่าน่าจะมีใคร หรือผู้ร่วมขบวนการที่คอยดูแลเด็กไว้และนำเด็กมาคืนไว้ในกระท่อมดังกล่าว

แม้ว่าจะเจอตัวน้องจีน่า อย่างปลอดภัยแล้ว แต่คดีในการสืบสวนยังเหมือนเพิ่งจะเริ่มไปได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ทำให้ตำรวจต้องเดินหน้าไขข้อข้องใจในเรื่องนี้จึงยังถือว่า

ขณะที่ทางด้าน นายสุริยะ พ่อของน้องจีน่า เปิดเผยทางโทรศัพท์เช้าวันนี้(9 ก.ย.)ว่า  อาการล่าสุดของน้องจีน่า หลังอยู่ในความดูแลของแพทย์อาการดีขึ้น ทานอาหารได้เป็นปกติ แต่ยังมีอาการอ่อนเพลียบ้าง อาการหวาดกลัวเริ่มลดลง ยอมให้พ่อแม่กอดแล้ว ยืนยันมีบาดแผลถูกขีดข่วนตามร่างกายจากการถูกหญ้าและต้นไม้บาด รวมทั้งรอยยุงและแมลงกัดเต็มตัว

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวดีใจที่ได้ลูกคืนมาด้วยความปลอดภัย ส่วนเรื่องทางคดีเรื่องของการสืบสวนสอบสวนต่างๆ ยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ที่มา สนุกดอทคอม

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เผยภาพแรก น้องจีน่า ที่ถูกพบในกระท่อม แม่ขอบคุณเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามลูก

"น้องจีน่า" ถูกพบในกระท่อมระหว่างทางขึ้นเขา จากเหตุการณ์ น้องจีน่า เด็กหญิงอายุ 1 ขวบ 11 เดือน หายตัวปริศนาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านห้วยฝักดาบ ม.16 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยมี นายเสี่ยว เพื่อนของพ่อน้องจีน่า เปิดปากรับสารภาพว่า อุ้มไปปล่อยหน้าถ้ำบนดอย โดยอ้างว่ามีเจ้าป่าเจ้าเขาบอกให้อุ้มไปสังเวยผีถ้ำ


ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 12.50 น. เฟซบุ๊กแฟนเพจ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 กรมประชาสัมพันธ์ ได้เผยภาพแรกของน้องจีน่า หลังจากมีชาวบ้านซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติฝ่ายแม่ของน้องจีน่า ไปพบน้องจีน่าที่กระท่อมซึ่งอยู่ระหว่างทางขึ้นไปบนเขา ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2-3 กิโลเมตร

หลังจากที่ได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ทีมค้นหาได้เดินทางไปตรวจสอบ และพบน้องจีน่าในสภาพปลอดภัย แข็งแรงดี และอยู่ในชุดที่สวมในวันที่หายตัวไป ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำน้ำดื่มและนมมาให้น้องจีน่าดื่ม และนำตัวน้องจีน่าส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลแม่แตง จ.เชียงใหม่

โดยทางด้าน นางมาลี อายุ 23 ปี แม่ของน้องจีน่าได้กล่าวขอบคุณตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานเกี่ยวข้อง รวมทั้งคนไทยทั้งประเทศที่ส่งกำลังใจขอให้ตนได้เจอลูก ก่อนเผยว่าต่อจากนี้จะดูแลลูกสาวอย่างดีไม่ให้คลาดสายตา

ที่มา สนุกดอทคอม

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

หนุ่ม กรรชัย กราบเรียน สนธิญา ปมมาออกรายการไม่ได้ "ค่าน้ำมัน"

หลังจาก นายสนธิญา สวัสดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ทวงถามไปยังพิธีกรรายการโหนกระแส กรรชัย กำเนิดพลอย ที่ได้ไปร่วมเป็นแขกรับเชิญว่า มูลค่าเวลาของรายการนาทีละ 250,000 บาท แต่กลับไม่มีค่าตอบแทนเป็น "ค่าน้ำมัน" ให้แขกรับเชิญเลยหรือ 


พร้อมระบุว่าตอนที่ไปร่วมรายการอื่นก็ยังได้รับเป็นจำนวนไม่กี่พันบาท ซึ่งตนก็บริจาคช่วยเหลือโควิด-19 ไปหมด แต่หากว่าทางรายการมีค่าตอบแทนให้ตน ก็ขอให้บริจาคเข้ากองทุนช่วยเหลือโควิดของช่อง 3 ไปเลยก็ได้ และหวังว่าคราวหน้าจะมีค่าตอบแทนให้แขกรับเชิญท่านอื่นๆ ที่ไปร่วมรายการบ้าง ซึ่งต่อมา นายสนธิญา ก็ได้ลบข้อความดังกล่าวออกไป 

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตหลายคนที่แคปภาพเอาไว้ และนำมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นประเด็นในโลกออนไลน์ต่อกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่ง หนุ่ม กรรชัย ได้โพสต์ข้อความตอบกลับไปยังสนธิญา ระบุว่า

กราบเรียนถึงคุณ สนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (สภาผู้แทนราษฎร)

ก่อนอื่นต้องขออภัยคุณสนธิญา มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ในกรณีที่คุณสนธิญาแจ้งว่าไม่ได้รับเงินค่าน้ำมัน

ผมขอเรียนชี้แจงแบบนี้ครับ ว่า รายการโหนกระแส มีค่าใช้จ่ายให้กับแขกรับเชิญที่มาร่วมรายการทุกท่านครับ และ ผมไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้ค่าใช้จ่ายกับตัวคุณสนธิญาเลย แต่เหตุเพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าทางนักการเมืองท่านใด หรือ ข้าราชการท่านไหนๆ ในทุกๆตำแหน่งที่มาออกรายการโหนกระแส ผมเคยนำเงินมอบให้กับท่านเหล่านั้น แต่ทุกท่านปฏิเสธหมด ไม่ยอมรับเงิน และให้เหตุผลกับผมว่า พวกเขาเป็นนักการเมือง เป็นข้าราชการ ไม่สมควรรับเงินจากรายการไหนๆที่ได้ไปออกเพื่อเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้รับทราบ

เพราะฉะนั้นการรับเงินจะเป็นการดูไม่เหมาะสมอย่างมาก ผมจึงไม่กล้าที่จะให้ซองคุณสนธิญาครับ เหตุครั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าผมเข้าใจผิดว่าคุณสนธิญา จะถือกฎเกณฑ์เหมือนนักการเมืองท่านอื่นๆที่มาออก เพราะคุณสนธิญา มีตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (สภาผู้แทนราษฎร) ผมจึงถือวิสาสะไม่ได้ให้ซองไปเพราะเกรงจะไม่เหมาะสมกับตัวคุณสนธิญาเอง เรื่องนี้ต้องขออภัยที่คิดแทนคุณสนธิญานะครับ และผมขออนุญาตให้ทีมงานโอนเงินไปให้เพื่อความสบายใจของผมและคุณสนธิญานะครับ

กราบเรียนขออภัย มา ณ ที่นี้ครับ

กรรชัย กำเนิดพลอย

ปล. ส่วนค่าเวลารายการที่คุณสนธิญาแจ้งว่านาทีละสองแสนห้า ผมว่าคุณอาจเข้าใจผิดครับ ความหมายคือ วันนั้นในการสัมภาษณ์หลังจบรายการ คุณสนธิญาบอกว่าอยากพูดต่ออีกนิด ผมจึงกล่าวขอโทษและแจ้งคุณว่า มันเกินเวลาสถานีมาห้านาทีแล้ว ผมอาจโดนปรับเงินสองแสนห้าได้ เพราะเกินเวลาเค้ามามากแล้วครับ ไม่ใช่เวลาในรายการผมนาทีละสองแสนห้านะครับ




วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ทนายนิด้า ฟาดแรง! โควิดไม่ได้น่ากลัวเท่าผู้นำที่ดูแลประชาชนไม่ได้

ทนายนิด้า วอนภาครัฐออกมาตรการช่วยให้คนอยู่บ้าน พร้อมฟาดหนัก รัฐพึ่งพาไม่ได้แล้ว "โควิดไม่ได้น่ากลัว ผู้นำต่างหากที่น่ากลัว"


วันนี้(8 ก.ค.64) น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือทนายนิด้า โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิดในตอนนี้ว่า #โควิดไม่ได้น่ากลัวผู้นำต่างหากที่น่ากลัว โดยได้มีการเล่าว่า 

"เมื่อไม่นานเพิ่งได้ดูภาพที่อินเดีย ที่คนตายถูกเผารวมกันมากๆ เหมือนกองขยะ คนป่วยนั่งรอความตายเต็มล้นออกมาหน้าโรงพยาบาล เพราะเตียงไม่พอ บุคคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ แล้วนึกถึงภาพตัวเองในอนาคตอันใกล้"

"ในเมื่อรัฐดูแลเราได้ไม่ดีพอ เราคงต้องดูแลตัวเอง ตอนนี้หลายๆ หน่วยงานราชการก็ยังไม่เลื่อน ทนายก็เลื่อนไม่ได้ ขนาดบอกว่าทนายเดินทางไปจากกรุงเทพนะ เจ้าหน้าที่ก็ยังบอกว่ามาเถอะ เรามีมาตรการตรวจสอบ ตรวจแล้วไง คือถ้าไปถึงตรงนั้นแล้วพบเชื้อว่าเป็นโควิดก็เพียงแต่ไม่ให้เดินขึ้นตึก แต่ระหว่างเดินทางพวกเราสัมผัสคนกี่คน แวะไหนบ้างไม่กลัวเราแพร่เชื้อหรือได้รับเชื้อหรอคะ เราอยากเลื่อน เราอยากช่วยอยู่กับบ้าน มาตรการรัฐไม่ช่วยเราหน่อยหรอ เพราะถ้ารัฐไม่สั่งออกมา ทนายไม่ไปก็ถือว่าละทิ้งคดี"

พร้อมแจ้งข่าวถึงลูกความว่า

"ในส่วนของลูกความที่จะติดต่อจ้างว่าความ นับแต่นี้ขอทางออนไลน์เท่านั้นก่อน งดเจอ งดใกล้ชิด ถ้าไม่สะดวกจะจ้าง ติดต่อทนายความท่านอื่นก่อนก็ได้ นิด้าลูกยังเล็ก ที่ผ่านมาก็นับว่าห้าวพอสมควร เชื่อมั่น เชื่อใจ เชื่อในคำพูดของคนว่าจะไม่มีใครตายอยู่บ้านก็เลยไม่กลัว โควิดไม่น่ากลัวป่วยก็แค่รักษา เราปลูกฝังความคิดนี้มาในตอนต้น คนก็เลยไม่กลัว ปล่อยให้ตัวติดจนล้นเตียง"

ก่อนทิ้งท้ายว่า 

"ตอนนี้ไม่ได้กลัวเป็นโควิดเท่ากับกลัวผู้นำที่ดูแลประชาชนไม่ได้ อยากให้เห็นอินบ็อกซ์เข้ามาขอความช่วยเหลือเรื่องเตียงผู้ป่วยกับดารากับทนาย แปลว่ารัฐพึ่งพาไม่ได้แล้วจริงๆ ตอนนี้กลัวมากแล้วจริงๆ เหมือนคนพูดจะอยู่คนละโลกกับเรา" #ไม่มีใครตายอยู่บ้าน #ทนายนิด้า #ทนายหญิงสายลุย

ที่มา ข่าวสด












กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...