แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวด่วนวันนี้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวด่วนวันนี้ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2567

“เอ๋ มิรา” ซัดแรงอวดรวยแต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร หลังชนะคดี

ชนะคดีแล้ว! นักร้องสาว “เอ๋-มิรา ชลวิรัลวานิศร์” ฟาดแรงปมค่าเลี้ยงดูบุตร เผยต่อจากนี้ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเอง 


เอ๋-มิรา ชลวิรัลวานิศร์ อดีตภรรยา ไพบูลย์ แสงเดือน เช็คอินที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.เลย พร้อมออกมาเคลื่อนไหวหลังชนะคดี โพสต์แรงปมค่าเลี้ยงดูลูก งานนี้ทำเอาเดือดโซเชียลปุดๆ 

โดย เอ๋-มิรา ได้เขียนแคปชันอ้างถึงคู่กรณี หลังศาลสั่งจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร ไว้ว่า “ผมไม่เอาลูก! ไม่เอาใคร! ไม่เอาอะไรก็ได้ ขอแค่ผมไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละหมื่น โอ้ อิหยังกินความคึดมึงน้อ พูดต่อหน้าลูกในศาลแบบนี้ ลูกจะรู้สึกยังไง ไม่อยากได้ลูกแล้วฟ้อง เพื่อ!แค่ไม่อยากจ่ายนี่นะ สุดท้ายศาลให้จ่าย บ่มีเงินจ่ายปานนั้นอวดรวยคักเข้าใจคำว่า-ิบหายยัง”  

พร้อมทั้งร่ายความในใจต่ออีกว่า “ศาลให้จ่ายย้อนหลังรวม 9 เดือน รวม 9 หมื่น บ่มีเงินจ่าย แทนที่จะพูดกับเราดีๆ ด่าเราต่อหน้าลูกอีก จะให้เห็นใจยุเบาะคนแบบนี้ อย่าหวังว่าจะได้มาใกล้ลูกฉันอีก พ่อ ที่แปลว่า พ่-ตาย!!”

นอกจากนี้ยังได้บอกต่ออีกว่า “คดีสิ้นสุดวันนี้เลย ชนะจ้า หาเงินเลี้ยงลูกต่อไป เพราะเราคือมนุษย์แม่ จบแบบเท่ๆ” ท่ามกลางคอมเมนต์ส่งกำลังใจให้อย่างมากมาย

ที่มา PPTV Online

วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566

มาแล้ว ฉายารัฐบาลปี 66 สุดจี๊ด แกง​ส้ม​ "ผลัก" รวม - เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน"

ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ได้มีการตั้งฉายารัฐบาลปี 66 ตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยได้ให้ฉายา รัฐบาลว่า แกง​ส้ม​ "ผลัก" รวม, นายกฯว่า "เศรษฐา" เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน" โดยมีวาทะแห่งปี "ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย​"


เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และ รัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ได้มีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และ วาทะแห่งปี ประจำปี 2566 ดังนี้

รัฐบาล ได้ฉายา แกง​ส้ม​ "ผลัก" รวม

"แกง" คือ คำสแลงที่ใช้แทนความหมายว่า แกล้ง "ส้ม" คือ สีของพรรคก้าวไกล ส่วนคำว่า "ผลักรวม" ล้อมาจากคำว่า "ผักรวม" เมนูแกงส้มยอดนิยมประเภทหนึ่ง เมื่อรวมกันแล้ว นิยามความหมายในทางการเมือง สะท้อนกระแสสังคม มองพรรคก้าวไกลถูกกลั่นแกล้ง MOU ถูกฉีก และ ถูกผลักออกจากการร่วมรัฐบาล ด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย และ ข้ออ้างทางการเมือง ส้มจึงหล่นใส่พรรคอันดับรอง กลืนน้ำลายจัดตั้งรัฐบาล "มีลุง" ก็ไม่เป็นไร โดยให้เหตุผลเพื่อความสมานฉันท์ ทำเอาแฟนคลับผู้รักประชาธิปไตยถึงกับหัวใจสลาย ก่อเกิดวาทกรรม "ตระบัดสัตย์"

ดังนั้น แกง​ส้ม​"ผลัก"รวม จึงใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมือง ของการจัดตั้งรัฐบาลที่ว่า "ชนะเลือกตั้ง แต่แพ้จัดตั้ง" ได้เป็นอย่างดี


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ฉายา เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน"

นับแต่เศรษฐีที่ชื่อ "เศรษฐา" เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าทำงานทันที โดยเฉพาะการหารายได้เข้าประเทศ ต้องยอมรับในความมุ่งมั่นตั้งใจ คิดเร็วทำไว เดินสายพกประเทศไทยใส่กระเป๋า ไปโรดโชว์จีบนักลงทุนทั่วโลก ประกาศตัวเป็นเซลล์แมนเต็มรูปแบบ

แต่ในทางการเมือง ยังถูกมองว่า ไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง เงาของคนในตระกูล "ชินวัตร" ยังปกคลุม เปรียบเสมือนตัวแสดงแทน หรือ สแตนด์อิน เพราะเคยหลุดปากขณะออกงานพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รักของนายใหญ่ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยเช่นกัน ว่า "นายกฯ คนไหน มีนายกฯ 2 คน” อีกทั้งหลายนโยบาย ก็ถูกวิจารณ์ว่า ต่อยอดมาจากนโยบายเดิม ของรัฐบาลนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นายภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​พาณิชย์ ได้ฉายา รองกอง

รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 คนที่นายกรัฐมนตรีต้องเชื่อใจ และ ปล่อยให้ดูแลทุกอย่าง เมื่อต้องออกไปเดินสายขายของในต่างประเทศ ต้องรับเละทุกงานในมิติการเมือง และ ถูกโยนให้รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักหลายเรื่อง ที่นายกฯ หลายยุคหลายสมัยต้องนั่งหัวโต๊ะ

กลับกลายเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐบาลนี้ รองนายกฯ ที่ชื่อ "ภูมิธรรม" ต้องทำหน้าที่แทน นับตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาประมง กลุ่มพีมูฟ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ EEC หรือแม้แต่ช่วงวิกฤตนาทีชีวิตแรงงานไทยในอิสราเอล ประชุมนัดแรก ก็ยังเป็น "ท่านรอง ภูมิธรรม" ไหนจะงานหลักในกระทรวง ปัญหาของแพง ราคาอ้อย น้ำตาล อีรุงตุงนัง กองสุมอยู่รอบตัว เหมือนลองกอง ผลดก พวงยาว กิ่งใหญ่

นายสุทิน คลังแสง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​  ได้ฉายา พลิกทินสู่ดาว

ได้ยินแทบไม่เชื่อหู ใครเห็นเป็นต้องขยี้ตา เมื่อพลเมืองเต็มขั้น เคยรับเงินเดือนครู หลงใหลในดนตรีหมอลำ ผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมือง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกองทัพ นอกจากนามสกุล "คลังแสง" ขนาดเจ้าตัวยังไม่เคยนึกฝัน ว่าชีวิตนี้จะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แต่ด้วยบุคลิกสุภาพ ใจเย็น มืออ่อน และ ลีลาร้องรำน่าเอ็นดู จึงเข้าได้กับทหารทุกกรมกอง พลิกชีวิตลูกอีสาน สู่ดาวเจิดจรัสเฉิดฉาย ท่ามกลางเหล่าทัพได้อย่างแนบเนียน

พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงยุติธรรม ได้ฉายา ทวี สอดไส้

ยิ่งกว่านอนมา สำหรับตำแหน่งเจ้ากระทรวงยุติธรรม เต็งหนึ่งชื่อเดียว แบบไร้คู่แข่งมาตั้งแต่ต้น สะท้อนความไว้วางใจจากนายใหญ่แค่ไหน คงไม่ต้องพูดถึง

แม้จะไม่โดดเด่นในการบริหารราชการช่วง 3 เดือนแรก แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็น เอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเดินทางกลับมารับโทษ ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียว เผือกร้อนแค่ไหนคงไม่ต้องถาม มือพองแค่ไหนก็ต้องถือ กว่านายทักษิณจะออกจากคุก ต้องถูกจ้องถล่มอีกมากแค่ไหน คงไม่ต้องเดา

นายชาดา ไทย​เศรษฐ์​ รัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​  ได้ฉายา มาเฟียละเหี่ยใจ

นักการเมืองชื่อดังแห่งจังหวัดอุทัยธานี ประวัติโลดโผน ภาพจำพัวพันวงการนักเลง ถูกประทับตรามาเฟีย ผู้คนยกสถานะให้เป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธมาโดยตลอด พร้อมให้คำจำกัดความตัวเองไว้ว่า “ ความดีพอสมควร ความชั่วพอประมาณ สันดานพอคบได้”

หน้าที่การงานในตำแหน่งรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ เป็นโต้โผปราบปราม "ผู้มีอิทธิพล" จนฮือฮากันทั้งประเทศ แต่ยังไม่ทันได้สร้างผลงาน "ลูกเขย" ก็สร้างเรื่องก่อน ถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) จับกุม ในข้อหาเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล 2 โครงการ งานนี้เก้าอี้รัฐมนตรีร้อนระอุ เปิดแถลงข่าวภายใน 24 ชั่วโมง สั่ง "ลูกเขย" ยื่นใบลาออกทันที ไม่ต้องรอสอบสวน ลั่นเป็นลูกเขยชาดา สปิริตต้องมากกว่าคนอื่น

โดยได้ให้ "ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย" เป็นวาทะแห่งปี

​นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 หลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย

โดยขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเท ทำงานหนัก รับฟังเสียงของประชาชน นำความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ แต่ทำงานยังไม่ถึง 4 เดือน กลับขอลาพักผ่อนกับครอบครัวเป็นเวลา 4 วัน จนชาวโซเชียล อดแซวไม่ได้

หากถามนักข่าวหลายคนที่คุ้นเคย และ ตามติดภารกิจนายเศรษฐา ต่างรู้ซึ้งเป็นอย่างดี ถึงคำว่า "ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย" แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ตามนายกฯ 3 เดือนเหมือน 3 ปี ให้สัมภาษณ์ทุกที่ ที่มีโอกาส ถึงไม่เห็นหน้าก็มาทางโซเชียล ค่ำคืนไม่พักไม่ผ่อน

โพสต์ประเด็นร้อนทันใจ "ภูเก็ตก็แค่ปากซอย" นักข่าวพิสูจน์แล้ว นายกฯ ทำได้จริง พร้อมสะท้อนปัญหาหลักของนายกฯ ที่มักบอกว่าเป็นคนพูดตรง คือ การสื่อสาร หลายครั้งนำภัยมาสู่ตน เมื่อขึ้นศักราชใหม่แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร คงต้องรอติดตามกันต่อไป 

ที่มา ไทยพีบีเอส

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พีอาร์สาว ร้องนายกฯ ถูกตำรวจเรียกเงิน-ข่มขืน แลกคดียาเสพติด

พีอาร์สาวเข้าร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ช่วยเหลือติดตามคดี อ้างถูกตำรวจ 7 นาย จับคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และถูกเรียกรับเงินกว่า 300,000 บาท และยังได้ถูก 1 ใน 7 ตำรวจได้พาไปข่มขืนที่โรงแรมย่านรังสิต


วันนี้ (12 ธ.ค.2566) หญิงสาวที่ตกเป็นผู้เสียหายพร้อมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางมานำหลักฐานใบแจ้งความ เอกสารใบส่งตัวดำเนินคดี และรายการเดินบัญชีธนาคารมามอบให้กับ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือและติดตามคดี

โดยทางผู้เสียหาย และสามี อ้างถูกตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี 7 นาย บุกค้นตัวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านคลองห้า ถนนรังสิต นครนายก เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพบเคตามีนจำนวนหนึ่ง ก่อนถูกคุมตัวแยกขึ้นรถคนละคันกับสามี จากนั้นตำรวจได้ขอดูยอดเงินในแอปพลิเคชัน ธนาคารในโทรศัพท์ พบว่าเธอมีเงินในบัญชีมากกส่า 360,000 บาท จึงพูดข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีกับเธอและสามีในข้อหาหนัก ก่อนพูดหว่านล้อมเรียกรับเงิน 300,000 บาท แลกกับการดำเนินคดีในข้อหาเสพ ซึ่งมีโทษเบากว่า เธอจึงยินยอมจะจ่ายให้

หลังจากนั้นตำรวจได้พาเธอขึ้นรถตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ตัวเมืองปทุมธานี 200,000 บาท และโอนเงินไปให้บัญชีสามีไปกดเพิ่มอีก 100,000 บาท ในพื้นที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยมีตำรวจประกบตัวอยู่ตลอดเวลา

จากนั้นตำรวจคนที่อยู่บนรถกับเธอแค่สองคน ได้ขอมีเพศสัมพันธ์ โดยอ้างว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยเหลือวิ่งเต้น เธอปฏิเสธแต่ตำรวจข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีหากไม่ยินยอม ก่อนบังคับพาเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งย่านรังสิต จนสำเร็จความใคร่ และขู่บังคับเรียกเงินเพิ่มอีก 300,000 บาท ส่วนสามีถูกส่งตัวดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดไว้เสพ (ยาบ้า 2 เม็ด )

โดยทางด้านสามีผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนถูกตรวจค้นจับกุม ได้ซื้อยาเสพติดมาจากนายกอล์ฟ ที่เคยซื้อขายยาเสพติดกันมาอยู่บ่อยครั้ง คาดว่าเป็นคนชี้เป้าให้ตำรวจเข้ามาจับจนเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น และรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ภรรยาต้องเสียเงินไปกว่า 300,000 บาท และถูกข่มขืน 

หลังรับเรื่อง ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ได้ประสานไปยังโฆษกอัยการสูงสุดและกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยทันที ให้ดำเนินคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อุ้มหายและทรมาน ซึ่งยืนยันว่าตำรวจทั้ง 7 นายนั้นเข้าข่ายการกระทำความผิดอย่างชัดเจน เพราะระหว่างการจับกุมไม่มีการบันทึกภาพวิดีโอเป็นหลักฐานตั้งแต่กระบวนการจับกุมจนถึงขั้นตอนพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ยังได้ประสานไปทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ช่วยตรวจสอบเรื่องเส้นทางยาเสพติดเพิ่มเติม โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบด้วยเพราะถือว่าเป็นการปล่อยปละละเลยทำให้ระบบการทำงานของตำรวจเสียหาย พร้อมย้ำว่าตัวเองจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

ตามรายงานได้แจ้งว่า ตำรวจชุดจับกุมมี ร้อยตำรวจตรี 1 นาย ดาบตำรวจ 3 นาย จ่าสิบตำรวจ 1 นาย สิบตำรวจเอก 2 นาย

โดยทางด้าน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบมีการกระทำความผิดตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างมีโทษทางวินัยและอาญาต่อไป

ที่มา ไทยพีบีเอส

วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

“จุลพันธ์” มั่นใจไร้อุปสรรค ได้เงินดิจิทัลเร็วสุด พ.ค. ปีหน้า

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง มั่นใจเงินดิจิทัล จะผ่านสภาและพรรคร่วมรัฐบาล คาดเริ่มใช้ เม.ย. ไม่ทัน เพราะยึดตามกรอบของกฎหมาย เร็วสุด พ.ค.67 พร้อมโต้ “ศิริกัญญา” มองมิติต่างกัน รัฐบาลเห็นความเดือดร้อนประชาชน และการเจริญเติบโตของประเทศมีปัญหา


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ถึงการยื่นกฤษฎีกาตีความนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า ขั้นแรกจะต้องรอกระบวนการของทางกฤษฎีกาก่อน ในส่วนของการปรับหลักเกณฑ์เพื่อให้เงื่อนไขครอบคลุมมากขึ้น ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการปรึกษาในส่วนของกฎหมายให้เรียบร้อย

ต่อคำถามที่ว่ากระแสของสังคมที่ออกมาคัดค้านโครงนี้ รมช คลัง ระบุว่า ย่อมมีเสียงที่เห็นด้วยและเสียงที่เห็นต่า งซึ่งเป็นเรื่องปกติ เราก็มีหน้าที่ทำตามให้เป็นตามขั้นตอนของกฎหมายครบถ้วน และรับฟังเสียงสะท้อนทุกรูปแบบจากที่ดำเนินการมาตั้งแต่แรกก็จะเห็นได้ว่าก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางส่วนเพื่อให้เป็นไปตามเสียงที่ได้รับฟังมา ซึ่งพยามทำให้โครงการนี้เป็นประโยชน์ที่สุด และเป็นไปตามกรอบของกฎหมายทุกประการ

สำหรับกรณีที่มีการเรียกร้องให้มีการเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการชุดใหญ่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ถ้าถามมาก็ตอบได้หมด ไม่ได้มีอะไรเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน โดยในที่ประชุมมีควาเห็นที่แตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ ส่วนการเปิดเผยบันทึกประชุม ตนไม่แน่ใจข้อกฎหมาย เพียงแค่ให้คำตอบได้ในแต่ละประเด็น


เมื่อถามถึงกรณีที่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล วิพากษ์จารณ์การดำเนินโครงการนี้ จะอ้างว่าเศรษฐกิจโตไม่ทันไม่ได้ นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มิติต่างกัน คุณศิริกัญญา อาจเห็นถึงความจำเป็น และความหนักหน่วงของสถานการณ์ที่แตกต่างกัน  ความเดือดร้อนของประชาชนมาถึงจุดแล้ว เห็นการเจริญเติบโตของประเทศมีปัญหา ในมุมของรัฐบาล จะต้องนำเสนอขั้นตอนทุกอย่างให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย แล้วต้องบอกเหตุผลและความจำเป็นในมุมของรัฐบาล ส่วนความคิดเห็นต่างก็สามารถหารือร่วมกันได้

กับเรียกร้องของประชาชนที่ขอให้เริ่มใช้เงินดิจิทัลช่วงเดือน เม.ย. 67 ได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ ยืนยันว่าไม่ทัน ปัญหาคือเราคำนวณเรื่องของกรอบเวลา ในเรื่องของ พ.ร.บ. จะมีขั้นตอนตามกฎหมายที่จะต้องดำเนินการ หากไม่มีอุปสรรคใด ๆ เร็วสุดก็คือเดือน พ.ค.67

เมื่อถามถึงความมั่นใจที่ พ.ร.บ.เงินกู้ จะผ่านสภาได้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่ามีความมั่นใจ จากที่ได้รับฟังทุกคนทางพรรคร่วมรัฐบาล ก็เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน รวมถึงความจำเป็นของนโยบายที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ และเชื่อว่าเสียงของสมาชิกวุฒิสภาจะไม่เป็นอุปสรรค

ที่มา PPTV Online


วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

แม่ใจจะขาด เจอคลิปสุดท้าย ก่อนลูกสาวจมน้ำตายร้องให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองหัวเราะกันคิกคัก

แม่ใจจะขาด เห็นคลิปสุดท้ายก่อนลูกสาวจมน้ำตาย ร้องขอให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองบอกปล่อยให้มันตายไปเลย


เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้สูญหายในน้ำ บริเวณบ้านห้วยตาสี หมู่ที่ 6 ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นคลองชลประทานลึกประมาณ 3 เมตร ชุดค้นหาใต้น้ำอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูชัยนาท ได้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงลงค้นหาจนพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.สุรัตวดี อายุ 32 ปี ที่อยู่ตำบลเนินขาม อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท จากนั้นนำร่างส่งมอบญาติดำเนินการทางศาสนา ณ ที่พักสงฆ์ละหานใหญ่เจริญศรี (วัดห้วยตาสี)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นางสุรินทร์ อายุ 52 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต หลังมีคลิปหญิงสาวกำลังจมน้ำแต่ไม่มีใครลงไปช่วยและได้จมน้ำเสียชีวิตต่อหน้าของทุกคน จึงได้มีการแจ้งกู้ภัยช่วยเหลือ โดยผู้เป็นแม่ร่ำไห้สงสัยทำไมคนถ่ายคลิปและคนยืนดูอีกหลายคนไม่ช่วยเหลือ

นางสุรินทร์ เปิดเผยว่า มีความรู้สึกคาใจว่าลูกเราตกน้ำมีคนเห็นเขาน่าจะช่วย วันนั้นเขาไปเล่นน้ำตอนมืดแล้วประมาณ 2 ทุ่ม มีคนเล่าว่าลงเล่นน้ำฝั่งนี้แล้วลื่นไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วไปกอดต้นโสน จากนั้นหลุดจากต้นโสนลอยน้ำไป เขาร้องโอยๆ อยากให้ช่วย แต่มีคนบอกว่าลูกโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่คลิปหลุดมาไม่ใช่การฆ่าตัวตายเพราะลูกร้องให้ช่วย ซึ่งวันเกิดเหตุลูกดื่มเหล้าก่อนที่จะลงเล่นน้ำ

นางสุรินทร์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าลูกจะเป็นผู้ป่วยจิตเวช แต่ตอนเราได้ยินเสียงลูกร้องในคลิปแล้วรู้สึกเจ็บปวด ไม่มีใครช่วยเลย หมาตกน้ำเรายังช่วยเลย นี่คนทั้งคน จะบ้า จะบอ จะดีอะไรก็ตาม เมื่อก่อนเขาเป็นคนดีมาก หลังๆเขาไม่ค่อยสบายเขาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครกินแต่เหล้า ตรงที่เจ็บปวดคือคำว่า “ปล่อยไปเลย ให้มันจมน้ำตายไปเลย มันเรียกร้องความสนใจ ให้มันจมน้ำไปก่อนแล้วค่อยโทรหาปอเต็กตึ๊ง”

ได้ยินเสียงลูกร้อนโอยๆ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ลูกเขาก็ร้องไห้ทำไมเป็นแบบนี้ไม่มีใครช่วยเลย อยากรู้ว่าคนถ่ายคลิปเอาหัวใจอะไรมาใส่ ทำไมไม่ช่วยคนทั้งคน อยู่กันตั้งหลายคน ตอนที่ยังไม่ห่างตลิ่ง หรือโทรหาคนมาช่วยก็ได้หรือตามคนที่บ้านไปช่วยก็ได้

ที่มา สนุกดอทคอม

วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2566

"ก้าวไกล" ประชุมชี้ขาดสอง สส.ปมคุกคามทางเพศ

"ก้าวไกล" ยืนยันไม่มีวัฒนธรรมปกปิดความผิด พรุ่งนี้เตรียมให้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.ลงมติลงโทษ 2 สส.หลังกรรมการวินัยชี้กระทำเข้าข่ายคุกคาม-ล่วงละเมิดทางเพศ 

วันนี้ (31 ต.ค.2566) น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.ก้าวไกล เปิดเผยผลการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณี สส.กทม. และ สส.ปราจีนบุรี มีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ ว่า มติของกรรมการวินัยและมติของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ทั้ง 2 กรณีเป็นการกระทำที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศและล่วงละเมิดทางเพศ

ได้กล่าวยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้นิ่งนอนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยบทลงโทษการกระทำผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับของพรรค มี 2 แนวทาง คือ การตัดสิทธิ์พึงมีจากพรรค และการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งจะนำมติเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารและ สส.ในวันที่ 1 พ.ย.นี้

พร้อมย้ำว่า พรรคก้าวไกลไม่มีวัฒนธรรมปกปิดความผิด หากจะต้องเสียบุคลากรไป ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการวินิจฉัย ยืนยันตามข้อเท็จจริง ไม่มีอคติ

น.ส.เบญจา กล่าวย้ำว่า พรรคก้าวไกลมีบทลงโทษเรื่องนี้ชัดเจนและเป็นไปตามข้อบังคับพรรค ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาและดำเนินการอย่างรอบคอบก่อนตัดสินลงโทษทางวินัย ขณะเดียวกันก็ให้ความคุ้มครองผู้ร้องด้วย และยืนยันไม่ได้ห่วงเรื่องจำนวน สส. หากที่ประชุมกรรมการบริหารและ สส.มีมติเห็นว่าเป็นโทษกระทำผิดวินัยร้ายแรงสมควรขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็น้อมรับ

โดยในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เวลา 17.00 น. พรรคก้าวไกลนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค ที่รัฐสภา เพื่อลงมติลงโทษ 2 สส.ที่ถูกร้องเรียนเรื่องดังกล่าว

ที่มา ไทยพีบีเอส



วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

แร็พเปอร์-เน็ตไอดอลดัง ร้องเพลงโปรโมตมาเก๊า 888 ถูกคุมตัวค้นห้องเจอยาเสพติด

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้น 3 จุดใน 2 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. และสกลนครคุมตัวแร็พเปอร์-เน็ตไอดอลดัง ร้องเพลงโปรโมตมาเก๊า 888 เบื้องต้นค้นห้องเจอยาเสพติด 


เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (21 ก.พ.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เปิดปฏิบัติการมาเก๊า888 Ep-6 ปิดล้อมตรวจค้น 3 จุดใน 2 จังหวัด ประกอบไปด้วย กทม. และสกลนคร เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงเครือข่ายพนันออนไลน์มาเก๊า888

โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจุดแรกที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน พบมีผู้อาศัย 3 คน หนึ่งในนั้นมีน.ส.ธันยกานต์ โรจิณ หรือเมย์ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ และเน็ตไอดอลที่อยู่ในโฆษณาเว็บมาเก๊า 888 จากการตรวจค้นพบยาเคตามีน 5 กรัม ซึ่งเป็นของนายพีรวัส โรจิณ น้องชายของน.ส.เมย์ และพบน.ส.พลอย อยู่ในห้องพักด้วย

จากการสอบถามเบื้องต้นได้ให้การว่า เมื่อราวปี 2562 มีคนชื่อ “บิ๊ก” ติดต่อมาว่าจ้างเ พื่อให้โปรโมตเว็บพนันออนไลน์มาเก๊า 888 เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบสวนที่บช.สอท. ในส่วนของยาเสพติดที่พบ นายพีรวัสให้การว่าซื้อมาในราคา 500 บาท จากสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดี

นอกจากนี้ระหว่างการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบรถลัมโบร์กีนีจอดอยู่ที่อาคารจอดรถภายในคอนโดดังกล่าว เมื่อตรวจสอบพบสวมทะเบียนเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเชิญตัวเจ้าของรถมาทำการตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายพนันออนไลน์หรือไม่

จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเข้าตรวจค้นบ้านพัก ซ.ประชาอุทิศ33 แยก10 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร โดยอาศัยอำนาจตามหมายค้นของศาลอาญาที่ 201/2566 ลงวันที่ 20 ก.พ.66 ก่อนเชิญตัวน.ส.มิรา ดุรงคชยานุรักษ์ อายุ 32 ปี มาให้ปากคำ พร้อมตรวจยึดคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือมาตรวจสอบ

จุดที่ 3 ที่จ.สกลนคร เจ้าหน้าที่ตรวจค้นบ้านพัก ต.แร่ อ.พังโคน จ.สกลนคร ซึ่งเป็นบ้านของนายอนุวัฒน์ คำยา หรือเกียร์ แร็พเปอร์หนุ่มที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ AKA “MC KING” จากการตรวจค้นพบนายอนุวัฒน์อยู่ในบ้านดังกล่าว จากการสอบถามเบื้องต้นให้การว่า เป็นผู้แต่งและร้องเพลงประกอบโฆษณาของเว็บไซต์พนันออนไลน์ดังกล่าวจริง จึงนำตัวมาสอบถามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงเครือข่ายพนันออนไลน์มาเก๊า 888

พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้เป็นการขยายผลหาความเชื่อมโยงในคดีของมาเก๊า 888 โดยการตรวจค้นวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้น 3 จุด ในกรุงเทพมหานครและสกลนคร ซึ่งเป็นแร็พเปอร์และอินฟลูเอนเซอร์ที่โฆษณาเว็บพนันออนไลน์ โดยจะทำการสอบปากคำและ แถลงข้อเท็จจริงต่อไป

ทีมา ข่าวสด


วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2566

ทนายดังเผยสงสารดีเจมะตูม น่าจะโดนหลายข้อหา ด้านต้นหอมประกาศอยู่ทีมผู้เสียหาย

ทำเอาชาวโซเชียลเสียงแตก หลังจากที่ทนายดังโพสต์ข้อความน่าสงสารดีเจมะตูม น่าจะหลายข้อหาที่โดน หลังจัดฉากรวบหญิงสาวแอบอ้างชื่อหลอกลวงลงทุน ทางด้านต้นหอมประกาศชัดทีมผู้เสียหาย 


จากกรณี ดีเจมะตูม เตชินท์ จัดฉากรวบหญิงสาวใส่กำไลอีเอ็มแอบอ้างสนิทสนมดีเจมะตูมและชักชวนคนมาร่วมลงทุนโดยบอกว่าดีเจมะตูมทำอยู่ด้วย คาร้านอาหารดัง พร้อมได้โพสต์ชี้แจงเหตุการณ์ในคลิปดังกล่าวว่า

“สำหรับกรณีคลิปใน Tiktok ที่มีการเผยแพร่อย่างแพร่หลาย ในการจับกุมมิจฉาชีพในร้านนัวร์เนีย bar อารีย์ (ร้านของมะตูมเอง) ก่อนอื่นมะตูมต้องขอกราบขออภัยในการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ และการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้น ทางมะตูมยินดีให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอยืนยันตรงนี้ว่า มะตูมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพ (ผู้หญิงในคลิป) มะตูมเพียงแค่ถูกมิจฉาชีพท่านนี้แอบอ้างชื่อ เพื่อไปหลอกเงินคนอื่นมาลงทุน และถ้ามีผู้เสียหาย จากการเอาชื่อมะตูมไปแอบอ้างในการทำธุรกิจเพิ่มเติม รบกวนติดต่อมะตูมด่วนเลยนะครับ สุดท้าย ความจริงคือความจริง มะตูมขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะอยู่เคียงข้างผู้เสียหาย เพื่อตามเงินคืนให้ได้มากที่สุดครับ ดีเจมะตูม”

โดยทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า “น่าสงสารดีเจมะตูมนะครับ น่าจะหลายข้อหาเลยที่โดนนะ มะตูมนะครับ” หลังจากทนายดังโพสต์ข้อความดังกล่าวไป ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับความเห็นของทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์

ในจำนวนนี้รวมถึงพี่สาวคนสนิท อย่าง ต้นหอม ศกุนตลา ที่มาคอมเมนต์แสดงความเห็นโพสต์ของทนายรณณรงค์ที่พาดพิงถึงดีเจมะตูมด้วยว่า “ทีมผู้เสียหายค่ะ”


ขณะที่ ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ต่อว่า “จะจับโจรแอบอ้างฉ้อโกงมันต้องใจถึง ไม่งั้นโจรมันก็ได้ใจหนีรอดไปหลอกคนอื่นได้ ประชาชนเดือดร้อนใครกล้าลงมาช่วยได้บ้าง มั่วแต่มานั่งเข้าข้างโจรอยู่ได้ มันหลอกคนไปทั่วมีใครแจ้งเป่าประกาศให้ประชาชนระวังตัวไว้บ้าง มันมาในรูปร่างไหนบ้าง กว่าจะตามหาจนเจอมันไม่ง่ายนะคะตำรวจก็ยืนดูอยู่” ก่อนที่ดีเจต้นหอมจะมาคอมเมนต์ตอบว่า “+1”

ที่มา ข่าวสด


วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2566

ศิลปิน K-POP ขนทัพบุกไทยร่วมงานโกลเดน ดิสก์ อวอร์ดส์(Golden Disc Awards 2023)

ทำเอาสนามบินแตก เมื่อบรรดาศิลปินเกาหลี ร่วมพลยกทัพร่วมงาน "GDA 2023" ประเทศไทย ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่จะถึงนี้


งานประกาศรางวัล "Golden Disc Awards 2023"หรือ "GDA 2023" ปีที่ 37 ของเกาหลีใต้ ที่จะจัดขึ้นกลางกรุงเทพเป็นครั้งแรก รายชื่อบรรดาศิลปินเกาหลีแน่นเอียด ที่จ่อบินลัดฟ้า มาลงไทยแล้ว โดยมี มินนี่ (G)-IDLE , ซงจุงกิ , PSY นำทัพแรก

ต้อนรับต้นปีกระต่าย อย่างฮือฮา เมื่อกองทัพ ศิลปินเกาหลี เตรียมขนทัพมากรุงเทพ เข้าร่วมงาน "Golden Disc Awards 2023" (โกลเดน ดิสก์ อวอร์ดส์) หรือ "GDA 2023" งาน ประกาศรางวัล ครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี ย่างเข้าสู่ ปีที่ 37 แล้ว และครั้งแรกที่จัดขึ้นในประเทศไทย วันที่ 7 มกราคม 2023 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพมหานคร

เปิดไลน์อัพแรกเรียกเสียงว้าวไปพอสมควร ยกศิลปินเกือบทุกเจน ระดับเบอร์ต้นๆ มากองไว้ที่ไทย ตบเท้าก้าวเข้างาน "GDA 2023" ได้แก่ ENHYPEN , LESSERAFIM , NewJeans , StrayKids , TREASURE , SEVENTEEN , Jhope , IVE , GIDLE , PSY , BIGNaughty , BEO , YOUNHA , KimMinSeok , Moonbyul , JayPark , LIMYOUNGWOONG พร้อมเปิดโฉม MC ระดับตัวแม่ และพ่อแห่งวงการเกาหลี ได้แก่ SungSiKyung , LeeDaHee , Nichkhun , ParkSoDam

ประเดิมที่สาวไทย ดังไกลถึงเกาหลี มินนี่ (G)-IDLE บินลัดฟ้า กลับบ้านเกิด ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ม.ค.  ซึ่งเจ้าตัวมีรายชื่อในไลน์อัพ ส่วนเพื่อนร่วมวงกำลังเตรียมเดินทางตามมาในเร็วๆนี้  

ตามมาติดๆด้วยเหล่าศิลเกาหลีที่พร้อมใจเตรียมลัดฟ้าจากสนามบินอินชอนมาแลนดิ้งที่ประเทศไทย ได้แก่ พัคโซดัม ยุนฮา และ PSY ที่สร้างเซอร์ไพรส์สุดๆ คือ ซงจุงกิ พระเอกเบอร์ต้นของเกาหลี ทะลุไลน์อัพ บินตรงถึงไทย 


นอกจากนี้แล้ว ตลอดทั้งวันนี้จวบจนถึงวันที่ 7 ม.ค. แฟนคลับ สาวกติ่งเกาหลีจ่อเฝ้ารอศินปินที่กำลังเดินทางมางานนี้ทำเอาสนามบินแทบแตก เพราะศิลปินต่างทยอยมาไทยไม่พัก อาทิ StrayKids , TREASURE

ที่มา คมชัดลึก, NEWSEN

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566

'ประยุทธ์' ปูทางยุบสภา เรียกหน่วยงานเศรษฐกิจ เร่งจัดงบปี67

'ผอ.สำนักงบประมาณ' เฉลิมพล เผยนายกฯ เรียก 4 หน่วยงานเศรษฐกิจวางกรอบงบปี 2567 เสนอ ครม.10 ม.ค.นี้ วงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท ขาดดุล 5.93 แสนล้าน 


ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ได้เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567  ร่วมกับ 4 หน่วยงานเศรษฐกิจประกอบไปด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

นายเฉลิมพล เผยกรอบการจัดทำงบประมาณปี 2567 ว่าจะเป็นไปตามที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2565 ที่เห็นชอบกรอบการจัดทำงบประมาณระยะปานกลาง 2567-2570 โดยงบประมาณ 2567 มีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายรวม 3.35 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2566 ที่มีวงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.65 แสนล้านบาท โดยจัดทำงบประมาณขาดดุล 5.93 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณ 3% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางกรอบการคลังระยะปานกลางที่ต้องการทำให้งบประมาณไปสู่สมดุลในที่สุด ประกอบไปด้วยรายได้ของรัฐบาล 2.757 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลรวม 3.357 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% และมีหนี้สาธารณะคงค้าง 1.18 ล้านล้านบาท คิดเป็น 61.35% ต่อจีดีพี

คาดว่าเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปี 2567 ยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 1-2% ชะลอลงจากปี 2566 ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และประมาณการเศรษฐกิจปี 2567 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.3-4.3% (ค่ากลาง 3.8%) โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวดีขึ้นของการลงทุนภายในประเทศ สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชน และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว

นายเฉลิมพล กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณปี 2567 สำนักงบประมาณทำแผนรองรับปัจจัยการเลือกตั้ง ซึ่งการจัดทำงบประมาณอาจล่าช้าออกไปจากที่กำหนดไว้ โดยมีการทำแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ไปพลางก่อน ไว้เป็นเวลา 6 เดือน และหากล่าช้าออกไปก็ขยายระยะเวลาการใช้งบไปพลางก่อนออกไปได้

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ครม.อาจต้องอนุมัติกรอบงบประมาณปี 2567 ก่อนที่จะมีการยุบสภา เพื่อให้สำนักงบประมาณนำกรอบไปหารือกับส่วนราชการเพื่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ โดยจะทำให้ส่วนราชการสามารถทำงบประมาณในระหว่างที่มีการเลือกตั้งได้ และเมื่อได้ ครม.ชุดใหม่เข้ามาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณได้เลยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่

รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2566 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รายงานกรอบเวลาการจัดการเลือกตั้ง โดยเริ่มนับจากวันที่ 23 มี.ค.2566 ที่อายุสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง และ กกต.ประกาศกำหนดวันรับสมัครวันที่ 3-7 เม.ย.

ส่วนวันที่ 30 เม.ย.เป็นวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้งและนอกเขตเลือกตั้ง และวันที่ 7 พ.ค.เป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไป โดยหลังจาก กกต.รับรองผลเลือกตั้ง ส.ส. 95% แล้ว ภายใน 15 วัน ให้เรียกประชุมรัฐสภา (รัฐพิธี) คาดว่าอยู่ระหว่างวันที่ 22-25 พ.ค. จากนั้นไม่เกิน 10 วัน (ไม่เกิน 5 มิ.ย.) ต้องเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ โดยหลังโปรดเกล้าฯ ผู้ดำรงตำแหน่งประธาน และรองประธานสภาฯ แล้วให้เรียกประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ กกต.ไม่ได้กำหนดระยะเวลาเลือกนายกรัฐมนตรีว่าต้องดำเนินการภายในกี่วัน ซึ่งในปี 2562 ใช้เวลาเพียง 10 วัน โดยมีประชุมสภา วันที่ 25 พ.ค.2562 และวันที่ 5 มิ.ย.2562 มีการเลือกนายกรัฐมนตรี จึงคาดว่าครั้งนี้จะได้นายกรัฐมนตรีและ ครม.ชุดใหม่ภายในเดือน มิ.ย.2566

ที่มา โพสต์ทูเดย์ 

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ลูกค้าประกาศเลิกกิน "จ้อปูไส้ทะลัก"ทันที หลังเห็นสิ่งที่ใช้รัด

คดีพลิก เมื่อลูกประกาศเลิกกิน "จ้อปูไส้ทะลัก" ที่แม่ค้าใช้เชือกฟางรัด โดย "อ.เจษฎ์" ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ "อาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติก ควรเปลี่ยนเป็นเชือกธรรมดาครับ" 


หลังจากที่ "อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ข้อมูลทางเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง by อาจารย์เจษฎ์ หลังพบอาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติกมีสารเคมีอันตราย โดยระบุข้อความว่า 

"อาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติก ควรเปลี่ยนเป็นเชือกธรรมดาครับ"

ไปเจอคลิปติ๊กต๊อกอันนี้มา นับว่าเป็นเรื่องดีเลยครับ คือเป็นของร้านที่ทำ "จ้อปูไส้ทะลัก" ขาย ซึ่งก่อนนี้เค้าใช้เชือกฟาง (ซึ่งก็ทำจากพลาสติกย้อมสี) มามัดจ้อปูก่อนเอาไปนึ่ง และลูกค้าก็มาคอมเม้นต์ว่า "เจอ เชือกฟาง เลิกอยากกินทันที" .... ทางแม่ค้าที่ร้านเลยเปลี่ยนไปใช้เชือกธรรมดา ฝึกผูกแทน ได้รับเสียงชืนชมจากลูกค้าอย่างมากเลยครับ

ซึ่งการเอาเชือกพลาสติก มารัดอาหารก่อนไปให้ความร้อนนั้น ผมเคยเตือนเอาไว้แล้วว่าไม่ควรทำ ตอนที่โพสต์เกี่ยวกับเรื่อง "ไม่ควรเอาหนังยางวง มารัดผักต้ม" ครับ .... ดังนั้น ก็หวังว่าร้านอาหารอื่นๆ น่าจะเอามาเป็นแบบอย่างนะครับ

เอาบทความเก่าเรื่อง หนังยางวงรัดผักต้ม มารีโพสต์ให้อ่านกันครับ

บทความเก่าที่ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้โพสต์เตือนเกี่ยวกับการใช้หนังยางรัดผักต้ม แล้วลงไปต้ม ลงไปลวก อันตรายอาจจะเกิดโรคร้าย ระบุว่า...

ไม่ควรเอาหนังยางวง มารัดอาหารลงไปต้ม ได้รับคำถามมาจากนักข่าวช่อง PPTV ว่า ที่มีคำเตือนเกี่ยวกับการห้ามเอา "หนังยางวง" มารัดผัก รัดอาหาร ลงไปต้มในน้ำเดือด เช่น พวกผักต้มขายคู่กับน้ำพริกตามตลาดนัด เนี่ย มันอันตรายจริงใช่มั้ย ?

คำตอบก็คือ "จริง" ครับ ในหนังยางวง มีสารเคมีอันตรายที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้อยู่หลายชนิด จึงไม่ควรเอาไปต้มให้โดนความร้อนโดยตรง แม้ว่าจะมีปริมาณน้อยก็ตามครับ

ซึ่งตรงกับ อาจารย์อ๊อด รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เคยอธิบายไว้ในรายการข่าวเที่ยงช่องวันว่า หนังยางวงนั้น ทำจากยางพารา แล้วบดอัดผสมกับสารเคมีหลายชนิด เช่น พวกซัลเฟอร์ (กำมะถัน) เพื่อทำให้หนังยางมีความเหนียวและทนทาน แต่เมื่อถูกความร้อนมากกว่า 100 องศาเซลเซียส (เช่น ในน้ำต้มเดือด) จะทำให้สารเคมีในหนังยางปนเปื้อนมากับอาหารได้ หากกินเข้าไปจำนวนมาก หรือมีการสะสมอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน จะเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

นอกจากนี้เพจ "เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว" ได้เคยอธิบายไว้โดยละเอียด สรุปได้ดังนี้

- หนังยางทำจากยางพาราธรรมชาติ แต่ก็มีสารเติมแต่ง ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถ้าสัมผัสกับอาหารที่ได้รับความร้อนโดยตรง

- ในกระบวนการผลิตนั้น จะมียางก้อนที่ได้จากต้นยางพารา แล้วใช้สารเคมีอื่น มาทำการเชื่อมขวาง (ครอสลิงค์ crosslink) เพื่อให้ใช้งานได้ในอุณหภูมิที่กว้างมากขึ้น และมีสมบัติเชิงกล (mechanical properties) ที่ดีขึ้น

- การครอสลิงค์ยางพารา หรือที่มีชื่อเฉพาะว่า “การวัลคาไนซ์” (vulcanization) มักใช้กำมะถัน (ซัลเฟอร์) เป็นตัวเชื่อมขวาง ทำให้มีความยืดหยุ่นที่ดี จากพันธะไดฟอสไฟด์ (disulfide bond (ในรูปของ -S-S-) หรือพันธะโพลีฟอสไฟด์ (polysulfide bond)

- นอกจากจะใช้กำมะถันแล้ว ยังมีการใช้สารกระตุ้นและสารเร่งปฏิกิริยา ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์ (ZnO) /สารประกอบไดไธโอคาร์บาเมต (dithiocarbamate)/ ไธอาโซล (thiazole) /และไทยูแรม (thiuram)

- ไขมันในอาหารและความร้อนจากการประกอบอาหาร สามารถทำละลายสารต่างๆ เหล่านี้ ให้ออกมาปนเปื้อนในอาหารได้ง่าย จึงควรต้องแกะหนังยางออกจากอาหารก่อน ที่จะนำไปประกอบอาหาร ไม่ให้หนังยางสัมผัสกับอาหารที่มีความร้อนโดยตรง

ปล. พวกเชือกฟาง จริงๆ ทำจากพลาสติกผสมสีครับ สารเคมีต่างๆ ก็มีสิทธิที่จะละลายออกมาด้วยน้ำและไขมันร้อนๆ ได้ จึงไม่ควรเอามารัดอาหารลงไปต้มไปทอดเช่นกันครับ

ที่มา www.thainewsonline.co, Tnews

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565

เริ่มใช้ อัตราค่าปรับกฎหมายจราจรใหม่ เพิ่มโทษปรับ-จำคุก

กฎหมายจราจรใหม่ 2565 ได้เริ่มบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 โดยอัตราค่าปรับฝ่าฝืนกฎจราจรล่าสุด มีโทษปรับ จำคุก หนักกว่าเดิมหลายเท่า มีรายละเอียดอย่างไรอ่านได้ที่นี่


พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ได้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากยังเป็นช่วงเริ่มต้นเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัวกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่นี้ ล่าสุด พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) ระบุว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยบังคับใช้กฎหมายจราจรฉบับใหม่ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ

โดยเฉพาะประเด็นเรื่องโทษปรับที่กฎหมายใหม่เพิ่มอัตราโทษสูงขึ้น เพื่อบังคับใช้ให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้รถใช้ถนน บางความผิดมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 4,000 บาท แต่ในช่วง 3 เดือนแรกนี้ ตร.จะยังใช้เกณฑ์ค่าปรับใบสั่งจราจรตามกฎหมายเดิมไปพลางก่อน (ตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องเกณฑ์ค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ พ.ศ.2563) เพื่อให้เวลาประชาชนได้ปรับตัวและปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง 

ตัวอย่างเช่น 

ข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

โทษสูงสุดตามกฎหมายใหม่มีโทษปรับสูงถึง 4,000 บาท แต่ค่าปรับตามใบสั่งจะกำหนดไว้ที่ 500 บาท

ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจะปรับปรุงเกณฑ์ค่าปรับตามใบสั่งให้สอดคล้องกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่  

ข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือปัจจัยเกิดความสูญเสียต่อผู้ขับขี่

ฝ่าฝืนเครื่องหมายทางม้าลาย ขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ตร.จะพิจารณากำหนดอัตราโทษปรับเป็นขั้นบันได ตามจำนวนครั้งและประวัติการกระทำผิดด้วย เช่น ทำผิดครั้งที่ 1 โทษปรับตามใบสั่ง 500 บาท 

หากทำผิดข้อหาเดิมเป็นครั้งที่ 2 โทษปรับตามใบสั่งเป็น 1,000 บาท เป็นต้น 

ทั้งนี้ ใบสั่งทุกใบจะถูกกำกับโดยระบบฐานข้อมูลใบสั่งที่เรียกว่า PTM (Police Ticket Management) ซึ่งจะระบุจำนวนค่าปรับตามเกณฑ์ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ในใบสั่งทุกใบ ดังนั้น ค่าปรับจึงเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

นอกจากนี้กรณีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ตร.ได้พิจารณาตามหลักกฎหมายแล้ว จะไม่นำประวัติการกระทำผิดที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 5 กันยายน 2565 มาประกอบการพิจารณาเพิ่มโทษ แต่จะเริ่มบันทึกประวัติการทำผิดครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.2565 เป็นต้นไป

สำหรับการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามมาตรฐาน SOP การตั้งจุดตรวจงานจราจร ตามที่ ตร. ได้กำหนดไว้แล้วอย่างเคร่งครัด 

สำหรับกฎหมายฉบับใหม่ได้เพิ่มอัตราโทษปรับที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยงในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทางไว้ ดังนี้ 

ขับรถเร็วเกินกำหนด

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถย้อนศร

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่สวมหมวกนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น จากอัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เมาแล้วขับ

ทำผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ทำความผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท (ศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ)

การรัดเข็มขัดนิรภัย

รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้ 

รถกระบะ

ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า กรณีเป็นรถกระบะสองตอนผู้โดยสารตอนหลัง ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยด้วย หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัดดังกล่าวข้างต้นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

การนั่งบริเวณแคป หรือนั่งท้ายกระบะ

สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยแต่ต้องนั่งไม่เกินจำนวนที่กำหนดในลักษณะที่ปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศกำหนดซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธ.ค. 2565 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ


วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2565

เช็คด่วน! บัตรคนจนรอบใหม่ใครมีสิทธิบ้าง? รีบลงทะเบียนเลย

วิธีลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 “บัตรคนจน” รอบใหม่ ที่ได้เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. – 19 ต.ค.65 ใครมีสิทธิบ้าง? เช็คสิทธิแล้วรีบลงทะเบียนเลย


เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 65 ที่ผ่านมานี้ กระทรวงการคลัง ได้เปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 “บัตรคนจน” โดยเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 5 ก.ย. 65 - 19 ต.ค.65 สามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. - 11 พ.ย. 65 โดยผลการลงทะเบียนจะประกาศทุกวันศุกร์

สำหรับการลงทะเบียน มี 2 ช่องทาง

ช่องทางแรก ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มี 6 ขั้นตอนง่ายๆ

1.เข้าเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th

2.กรอกข้อมูลบัตรประชาชน และเลข Laser หลังบัตรบัตรประชาชน

3.กรอกข้อมูล 4 ส่วน

-ข้อมูลส่วนตัวของผู้ลงทะเบียน

-การประกอบอาชีพ

-รายได้และหนี้สินของผู้ลงทะเบียน

-ความต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ

4.ผู้ลงทะเบียนที่จดทะเบียนสมรส

หรือมีบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

เลือกหน่วยรับลงทะเบียนที่จะไปยื่นเอกสาร

5. ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง แล้วกดยืนยัน

6.ไม่มีครอบครัว รอผลการตรวจสอบ

สถานะบุคคล

-มีครอบครัว ไปแสดงตัวคนและยื่นเอกสารยังหน่วยรับลงทะเบียนที่เลือกไว้


ช่องทางที่ 2. ลงทะเบียนผ่านหน่วยรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

1.ธนาคารกรุงไทย

2.ธนาคารออมสิน

3.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

4.สำนักงานคลังจังหวัด (ไม่รวมกทม.)

5.สำนักงานเขต กทม.

6.ที่ว่าการอำเภอ

7.สำนักงานเมืองพัทยา

สำหรับผู้ลงทะเบียนที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือ ผู้พิการ ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่ได้ก็สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ซึ่งหนังสือมอบอำนาจนั้นสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย

ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 รอบใหม่ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1.สัญชาติไทย

2.อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

3.ไม่เป็น ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขังบุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ฯ ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือนผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง ส.ส. , ส.ว.

4.รายได้ผู้มีสิทธิลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน รอบใหม่ 2565

-รายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท บุคคล

-ครอบครัวรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท

-ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตรและตราสารหนี้ภาครัฐ

-ทรัพย์สินทางการเงินต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาทต่อบุคคล

-ครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท

5.ไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์

-วงเงินกู้บ้านไม่เกิน 1.5 ล้านบาท

-วงเงินกู้รถไม่เกิน 1 ล้านบาท

-ต้องไม่มีบัตรเครดิต

-ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือ มีกรรมสิทธิ์ ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้

ผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว

-ห้องชุดขนาด ไม่เกิน 35 ตารางเมตร

-ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่

-ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)

-บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และ ตึกแถว ไม่เกิน 25 ตารางเมตร

-ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่

-ใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่จะต้องมีขนาดขึ้น

ที่รวมกันทั้งหมด เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ และ ไม่ใช่เพื่อการเกษตรไม่เกิน 1 ไร่

ผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว

-ห้องชุดขนาดไม่เกิน 35 ตารางเมตร ต่อคน

-กรณีเป็นเจ้าของร่วมกันไม่เกิน 35 ตารางเมตร

-ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)

-บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และตึกแถว

-กรณีเป็นจ้าของแยกจากกัน ไม่เกิน 25 ตร.ว.ต่อคน

-กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่เกิน 25 ตร.ว.

-ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ หรือใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

-จะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด เพื่อการเกษตรไม่เกิน 20 ไร่

-ไม่ใช้เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

โดยมีเวลาให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2565 ถึง 19 ต.ค.65 นี้เท่านั้น


ที่มา www.ejan.co


วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2565

เตือนผู้ร่วมโครงการ "คนละครึ่งเฟส 5" รายเก่า-รายใหม่ ระวังถูกตัดสิทธิ

หลังการเปิดให้ลงทะเบียน ยืนยันสิทธิผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" หรือ www.คนละครึ่ง.com กับประชาชนกว่า 26.5 ล้านคน ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดี


ล่าสุดขออัปเดตโครงการ "คนละครึ่งเฟส 5" ผู้ร่วมโครงการรายเก่า-รายใหม่ ที่ได้รับเงิน 800 บาท โดยโอนเข้าแอปฯ เป๋าตัง ในวันที่ 1 กันยายน 2565 (ทั้งรายเก่า และรายใหม่) เพื่อให้เริ่มสิทธิรัฐช่วยจ่าย 50% ไม่เกินวันละ 150 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่ 1 ก.ย. - 31 ต.ค.2565

สำหรับ "คนละครึ่งเฟส 5" รายใหม่ ที่ลงทะเบียนผ่านแอป "เป๋าตัง" หรือ www.คนละครึ่ง.com เรียบร้อย จะต้องดำเนินการยืนยันตัวตนก่อนการใช้สิทธิ โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ 3 รูปแบบ ดังนี้

1.ยืนยันตัวตนผ่านแอป "เป๋าตัง"

เลือก "สมัครใช้และบริการ"

ยินยอม การจัดการข้อมูล ยืนยันตัวตน

เตรียมถ่ายบัตรประชาชน

ถ่ายบัตรประชาชน

กรอกข้อมูลบัตรประชาชน

กรอกข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม

กรอกข้อมูล CDD

เลือกวิธีการยืนยันตัวตนด้วยแอป Krungthai NEXT หรือสแกนใบหน้า


2.ยืนยันตัวตนด้วย Krungthai NEXT

เข้าสู่ Krungthai NEXT

ระบุ PIN Krungthai NEXT

กดปุ่มดำเนินการบนแอปเป๋าตัง

กรอกรหัส OTP (OTP จะถูกส่งไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับ Krungthai NEXT)

ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล

เมื่อสมัครสำเร็จ การ์ดวอลเล็ตจะค้างหน้า "กำลังตรวจสอบข้อมูล" เลือก "ตรวจสอบสถานะล่าสุด" เพื่อดูผลการสมัคร

หน้าจอเมื่อสมัคร G-Wallet สำเร็จกดไปที่หน้าหลัก

หน้าจอใช้สิทธิโครงการภาครัฐ


3.ยืนยันตัวตนด้วยการ สแกนใบหน้า

ยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า

ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล

เมื่อสมัครสำเร็จ การ์ดวอลเล็ตจะค้างหน้า "กำลังตรวจสอบข้อมูล" เลือก "ตรวจสอบสถานะล่าสุด" เพื่อดูผลการสมัคร

หน้าจอเมื่อสมัคร G-Wallet สำเร็จกดไปที่หน้าหลัก

หน้าจอใช้สิทธิโครงการภาครัฐ

ส่วน รายเก่า ที่เคยร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 4 สามารถตรวจสอบ ยืนยันสิทธิคนละครึ่งเฟส 5 ผ่าน คนละครึ่ง.com ตามขั้นตอนดังนี้ 

เข้าสู่เว็บไซต์ 

กดปุ่ม "ลงทะเบียนรับสิทธิ" เลือก "สำหรับผู้เคยใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 4"

กดรับทราบ หลักเกณฑ์เงื่อนไขและยินยอมโครงการฯ 

กรอกรายละเอียดต่างๆและกดปุ่ม ยืนยัน 

ตรวจสอบข้อมูลและกดปุ่ม ยืนยัน 

ระบบแสดงผลตรวจสอบสิทธิ

ข้อควรระวัง! ถูกตัดสิทธิ

สำหรับรายเก่า หรือ ผู้ที่เคยร่วมโครงการฯ ต้องใช้สิทธิใช้จ่ายครั้งแรกภายในวันที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. จึงจะสามารถใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาโครงการ ซึ่งหากไม่ใช้สิทธิตามระยะเวลาดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิทันที

รายใหม่ ผู้ที่ไม่เคยร่วมโครงการฯ ต้องใช้สิทธิใช้จ่ายครั้งแรก ต้องเริ่มใช้จ่ายครั้งแรกภายใน 14 วันหลังจากที่ได้รับ SMS ยืนยันเข้าร่วมโครงการหลังวันที่ 1 กันยายน 2565  จึงจะสามารถใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาโครงการ ซึ่งหากไม่ใช้สิทธิตามระยะเวลาดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิทันทีเช่นกัน

ที่มา กรุงเทพธุระกิจคนละครึ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สปาเกตตี้-ชาไข่มุก พาทัวร์ลง ฮีบี เถียน (Hebe Tien)

ดาราสาวชื่อดังชาวไต้หวัน ฮีบี เถียน (Hebe Tien) โดนทัวร์จีนลง หลังจากโพสต์รูป กินสปาเกตตี้-ชาไข่มุกช่วงที่กำลังมีประเด็น แนนซี เพโลซี ประธานสภาสหรัฐไปไต้หวัน


ด้วยความทีประเด็นดราม่า ระหว่าง จีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ ค่อนข้างดุเดือดในโลกออนไลน์ และมีความอ่อนไหว ส่งผลต่อทิศทางในบริบทโลก  ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเองก็มีส่วนที่ถูกดึงไปเกี่ยวข้องกับดราม่านี้ รวมถึงบรรดาศิลปิน-ดารา ที่มีชื่อเสียงเองก็เช่นกัน 

ล่าสุดดาราสาวชาวไต้หวัน อย่าง ฮีบี เถียน (Hebe Tien) หนึ่งในสมาชิกวง S.H.E. ซึ่งเคยโด่งดังมากในยุค 2000 ที่มี เซลิน่า เหริน และ เอลล่า เฉิน นางเอกซีรี่ส์ดัง ปิ๊งรัก สลับขั้ว ก็โดนพิษจากดราม่านี้เช่นกัน

หลังจากที่ ฮีบี เถียน โพสต์รูปของตัวเอง ขณะกำลังเอร็ดอร่อยกับ สปาเกตตี้ และชานมไข่มุก ทำให้ชาวเน็ตจีนหลายคนไม่พอใจ และไปโจมตีเธอ ตีความว่าเธอกำลังสนับสนุนเรื่องที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาสหรัฐ เดินทางไปเยือนไต้หวัน เพราะตีความว่า สปาเกตตี้ = อเมริกา และ ชานมไข่มุก = ไต้หวัน

ซึ่งประเด็นที่ดูเล็กน้อยจากการถูกตีความนี้ ทำให้จากเดิมที่อินสตาแกรมของ ฮีบีมีคนติดตามถึง 1.4 ล้าน ลดเหลือ 1.2 ล้าน คาดว่าเกิดจากการที่แฟนคลับชาวจีนหลายคนไม่พอใจและกดยกเลิกการติดตามเธอ 

อย่างไรก็ตาม ฮีบี เถียน ก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไรถึงประเด็นที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจาณ์ขึ้น เพียงแต่ได้ลบรูปที่เป็นปัญหาออกไปจากบัญชีเท่านั้น  โดย ฮีบี เถียน เป็นดาราชาวไต้หวัน ที่มีผู้ติดตามใน weibo สูงถึง 13 ล้านคน

ที่มา: MSNappledaily

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

"อัจฉริยะ" หอบหลักฐานเด็ดพึ่ง DSI ลุยเต็มสูบหวังพลิกคดีแตงโม

อัจฉริยะ เปิดใจ มั่นใจดาราสาวถูกฆาตกรรมอำพราง นำหลักฐานชุดใหญ่มอบให้ DSI เพื่อพิจารณารับคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษ 


เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(18 พ.ค. 2565) นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาเผยข้อมูลเพิ่มเติมของคดีดาราสาว "แตงโม นิดา" ตกเรือ ผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ใจความว่า 

จากกรณีที่ไปร้องขอผบ.ตร. ให้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษ เพื่อมาสืบสวนคดีนี้ให้ชัดเจน ล่าสุดได้มีหนังสือตอบกลับโดยเขียนชัดเจนเลยว่ามีการตั้งคณะกรรมการพิเศษมาสืบสวนแล้ว ซึ่งประธานคณะกรรมการคือ พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม และท่านได้นัดไปคุยกับตนในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เพื่อสอบปากคำ เกี่ยวกับกรณีที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ทุจริตไหม มีคนช่วยผู้ต้องหาให้พ้นผิดหรือเปล่า ทาง ดีเอสไอ จึงนัดตนสอบปากคำปากแรก ในสำนวนคดีที่ นายแซน กับ พวก ฆาตกรรมอำพราง แตงโม วันอังคารที่จะถึงนี้ จะสอบปากคำอีก 2 ปาก รวมทั้งบริษัทฯ Garmin ด้วย เป็น 3 ปาก ซึ่งบริษัทฯ Garmin เจ้าของคือ คุณอาร์ต ไม่ใช่ คุณอู๊ด โดยวันที่ 24 พ.ค. ดีเอสไอนัดสอบปากคำในประเด็นที่ว่า GPS สามารถแก้ได้ไหม แต่ตนเชื่อว่ามีการแก้ได้ เพราะข้อมูลไม่ได้ออกมาจาก SD Card มันสามารถแก้ไขได้ ซึ่งก็มีคนทำตัวอย่างให้ดูแล้ว อย่างตอนที่ตำรวจแถลงเมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมาตำรวจได้ปักหมุดจุดตกไว้ แต่ตอนจอดปั๊มเติมน้ำมันทำไมไม่ปักหมุด ดังนั้นเราก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมตำรวจถึงเลือกได้ว่าจะเอาจุดไหนมาแถลง ทำไมไม่แถลงทั้งหมด ทั้งนี้ทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวกับบริษัทฯ Garmin เพราะเรือสปีดโบ๊ทใช้ GPS ของบริษัทฯ Garmin เท่านั้นเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เขามีความน่าเชื่อถือระดับโลก 

ส่วนเรื่องที่แซนไม่ได้ตรวจสารเสพติด ได้มีการสอบถามไปทางตำรวจภูธรภาค 1 ว่า แซนได้อภิสิทธิ์อะไรถึงไม่ได้ตรวจสารเสพติด ซึ่ง มาตรา 131/1 ถ้าหากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธการตรวจสารเสพติด ให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้ และสันนิษฐานได้เลยว่าคนนั้นมีสารเสพติด หรือแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด  ต้องใช้มาตรา 131/1 แต่ทางผบ.ตร.แถลงว่าเป็นมาตรา 131 มันแตกต่างกัน ประเด็นที่โฆษก ตร. ได้ออกมาโต้ว่าตนยุยงให้ประชาชนปฏิเสธการตรวจแอลกอฮอล์ และสารเสพติด จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะถ้าที่ ผบ.ตร. พูดมีคนนำไปใช้ มันจะส่งผลให้ข้อกฎหมายมีปัญหา ผิดเพี้ยน เพียงแค่ต้องการอธิบายว่า ผบ.ตร.พูดมาตราผิด จริงๆแล้วมันคือ 131/1 

ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ไปแม่น้ำเจ้าพระยา และให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำไปด้วย เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยว่าทำไมในปอดของแตงโมมีโคลน จึงได้ตรวจสอบจากบริเวณจุดตกที่ทางตำรวจกล่าวอ้าง ทีนี้พอลงไปตรวจพบว่าบริเวณนั้นไม่มีโคลน มีแต่ทราย และทรายมีความหนากว่า 30 ซม. อีกที่หนึ่งที่ไปตรวจสอบ คือบริเวณที่พบศพ ทำแบบเดียวกันกับจุดแรก ก็พบแต่ทรายไม่มีโคลนเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงยืนยันได้เลยว่าจุดนี้ไม่เป็นไปตามที่ตำรวจและแซนกล่าวอ้างมา ส่วนจุดที่สามเป็นจุดที่เราสงสัยว่าเป็นจุดตก เป็นบริเวณท่าทราย แต่กลับพบโคลนไม่พบทราย และความลึกจุดแรก 15 เมตร จุดที่สอง 17 เมตร จุดที่สาม 7 เมตร ซึ่งจากที่คุณหมอพรทิพย์ยืนยันมาว่า แตงโม เสียชีวิตบริเวณน้ำตื้น  จากประเด็นนี้เลยชี้ชัดได้ว่าที่แซนพูดเรื่องจุดตกไม่เป็นความจริง 

อีกประเด็นหนึ่ง ที่ในมือของแตงโมกำทรายไว้แน่น ซึ่งมันจะตรงกับจุดตกที่สามที่ทีมงานสงสัย เพราะเป็นบริเวณท่าทราย และทรายในมือตรงกับทรายในบางกระบะ และวันที่เกิดเหตุก็มีเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำมาบริเวณนี้โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจับไว้ได้ แต่ไม่สามารถระบุยี่ห้อรุ่นได้ เลยเกิดการตั้งข้อสงสัยขึ้นทำไมถึงมากันบริเวณนี้ เพราะเขาบอกว่าจุดตกคือ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา จากหลักฐานทั้งหมดทำให้คิดได้ว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรมอำพราง เพราะข้อแรก จุดตกก็ไม่ใช่แล้ว จากบริเวณที่แซนบอกว่าเป็นจุดตกไม่มีอะไรรองรับได้เลยว่าเป็นบริเวณนี้ แถมท้ายเรือก็ไม่มีDNA หรือลายนิ้วมือแฝงเลย กราบเรือด้านซ้ายขวาที่ตำรวจแถลงว่าน้ำท่วม แต่ทำไมแซนถึงไม่เปียก และประเด็นที่แต๊ง พงศกร บอกว่าแตงโมเป็นคนขี้กลัวจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปปัสสาวะท้ายเรือ 

สำหรับประเด็นเรื่องมีด ที่คนบนเรือมีการพกไว้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับไว้ได้ โดยพบว่าเป็นมีด K2 จึงได้ไปหาซื้อให้หมอธวัชชัย นำไปจำลองกับเนื้อหมู โดยใช้จำลองด้วยโจทย์ความลึกของแผลแบบเดียวกับตำรวจแถลง ซึ่งบาดแผลคล้ายคลึงกับบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม ลักษณะของขอบแผลจะเรียบคล้ายกัน จึงสันนิษฐานได้ว่าไม่เกิดจากใบพัดเรือ เพราะถ้าหากเกิดจากใบพัดเรือ บาดแผลมันจะยุ่ย จะมีรอยช้ำและไม่เป็นขอบเรียบ ทั้งนี้หมอธวัชชัยก็ได้ท้าให้ตำรวจ หรือใครก็ได้นำใบพัดเรือมาจำลองให้แผลได้เหมือนแบบนี้ ตอนนี้ทุกคนได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม เกิดจากของมีคมมากกว่า จึงทำให้เห็นว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง 

เรื่องของหลักฐานของมีดนี้ว่ามีอยู่จริงไหม ทางตำรวจแถลงว่าไม่พบมีดของกลาง แต่ไม่ถามให้สิ้นข้อสงสัยว่ามันหายไปไหน อยู่ที่ มันมีแต่ไม่รู้อยู่ไหน ถ้าเอาไปทิ้งน้ำ จะได้งมหามาตรวจ DNA ส่วนเรื่องแรงจูงใจ คิดว่ามีการดื่มสุรา พอเมาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ แต่แตงโมขัดขืน จึงเกิดการทำร้ายกัน 


ทางด้าน ประธานสมาคมกู้ภัยทางน้ำ กาญจนบุรี (ภาค 7) เฉลิมพนธ์ หงษ์ยนต์ เล่าว่า ลงดำน้ำจุดแรกที่เป็นจุดที่คาดว่าเป็นจุดตกของทางตำรวจ ก็ได้ใช้แท่งพีวีซีความยาว 50 ซม. กดลงไปเพื่อเก็บตัวอย่าง แต่จุดนี้เจอเพียงทราย และจุดที่สอง ก็ทำเหมือนกัน และเจอแต่ทรายเหมือนกัน ส่วนจุดที่สามที่ทางทีมงานตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจุดตก ความลึกประมาณ6-7 ม. ตรงบริเวณนี้กับพบแต่เลน ไม่เจอทราย และทุกจุดก็ได้ตรวจสอบหาอาวุธเพิ่มเติมด้วย แต่ยังไม่พบ ขณะที่วิสัยทัศน์ใต้น้ำมองเห็นได้ประมาณ 1 ฟุต เพราะว่ากระแสน้ำค่อนข้างแรง 

ขณะเดียวกัน กิตติภัฎ ธนาสนธิราช (อู๊ด) ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ กล่าวว่า Garmin เขาขายหลายอย่าง ต้องค้นหาคำว่าGARMIN Marine ถึงจะเจอ ซึ่งตนเป็น GARMIN Marine ของประเทศไทย มันจะแยกจาก GARMIN THAILAND เพราะอันนั้นเขาจะขายพวกนาฬิกา และยังบอกอีกว่า ตนขายของด้วย และก็เป็นเจ้าของบริษัทฯ Pattaya Water Sports Club ซึ่งต้องไปอธิบาย เป็นวิทยากร เรื่องระบบ การก่อสร้างต่างๆของเรือ ต้องตอบลูกค้าให้ได้ จึงมีความรู้เรื่องพวกนี้

สำหรับ GPS ของเรือ เขาใช้เดินทางทางน้ำ จะบันทึกข้อมูลไม่ต่างจากเครื่องบิน ที่จะบันทึกการเข้าออกตลอด และขอยืนยันว่าไปเปิดที่เรือตอนนี้ข้อมูลก็ยังขึ้นอยู่ สามารถดึงข้อมูลได้ โดยข้อมูล GPS จะอยู่ในเครื่อง ไม่ใช่ SD Card ซึ่งมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าจะให้สิ้นข้อสงสัยข้อนี้ตรงไปเอาข้อมูลสดๆจากที่เรือเลย

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com หรือติดตามทางยูทูปได้ทาง https://youtu.be/i2spqz7zwoo 

ที่มา คมชัดลึก


วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เซียนพระชื่อดัง ป้อง "หลวงปู่แสง" ฟาดคนใกล้ชิดทำเสื่อมเสีย ซัดสื่อใส่สีตีไข่

เซียนพระเมืองขอนแก่น อ.ลิ้งค์  ป้อง"หลวงปู่แสง" ถาม"หมอปลา"ต้องการอะไร ฟาดคนใกล้ชิดทำเสื่อม สื่อทำเสี้ยม ทางด้านชาวโซเชียลเริ่มออกมา#saveหลวงปู่แสง


หลังจากเมื่อวานนี้ (11 พ.ค. 65) ที่ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ "หมอปลา" พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนายโสธร และสื่อมวลชน บุกไปที่พักสงฆ์ของ "หลวงปู่แสง ญาณวโร" พระเกจิชื่อดัง อายุ 98 พรรษา และป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ที่บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร โดยอ้างเหตุมีการร้องเรียนพฤติกรรมลวนลามผู้หญิง จับหน้าอก จับของสงวน และให้ดื่มน้ำปัสสาวะ อ้างว่ารักษาโรค จนเกิดข่าวเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก 

ต่อมา เซียนพระชื่อดังเมืองขอนแก่น "ชนะวุธ อุทโท"หรือ อ.ลิ้งค์ คชาวุธ ได้มีการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า 

หลวงปู่อายุ 100 ปี อายุกาลพรรษาเกือบ 80 ปีท่านก็เหมือนปู่ย่าตายายของเรา คนแก่สังขารท่านหลงๆลืมๆ ผมขอพูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ "ท่านไม่เล่นขี้ก็บุญแล้ว" ท่านเดินไม่ได้ ลุกนั่งเองไม่ได้ จำใครแทบไม่ได้ ที่ผ่านมาเกือบ 80 ปีในร่มกาสาวพัตรท่านเคยมีเรื่องพวกนี้หรือ ท่านเป็นที่เคารพสักการะของสงฆ์และฆราวาสทั้งหลายในการปฏิบัติไร้ข้อด่างพร้อย

คณะอุปฐากก็ควรจะเอาใจใส่ท่านให้มากกว่านี้ หาใช่แต่ยุยงส่งเสริม ปล่อยเลยตามเลย อาสน์สงฆ์ไม่ใช่บริเวณที่ใครก็ขึ้นไปได้ โดยเฉพาะสตรี  เรื่องเคาะหัว เป่าหัวรักษาโรคภัยเป็นแค่ความเชื่อเฉพาะตน มันรักษาใครไม่ได้หรอก แต่มันคือกำลังใจ มันมีมานานแล้ว  อีกอย่างคณะอุปฐากตอบคำถามนักข่าวก็ตอบงงๆ งูๆปลาๆ ไม่ตั้งสติก่อนตอบ มีแต่ต่อปากต่อคำนักข่าวแทน จนหาเหตุผลปกป้องหลวงปู่ ต่อมากินเยี่ยวโชว์ เพื่อแจ้งให้เห็นถึงความศรัทธาบนความเขลาเป็นช่องให้นักข่าวขยี้

นักข่าวใส่สีตีไข่ ว่าเรื่องรักษาโรคบ้างล่ะ เรื่องพระธาตุบ้างล่ะ เพื่อจะให้เป็นการอวดอุตริมนุษธรรม เพื่อจะสึกพระอายุร้อยปี แล้วคิดว่าตนเจ๋งงั้นหรือ หลวงปู่ท่านเคยพูดงั้นหรือว่าเคาะหัวจับโน่นนี่นั่นแล้วจะหายมะเร็ง ท่านเคยพูดหรือว่าท่านเป็นอรหันต์ ท่านเคยยืนยันหรือว่าที่เป็นพระธาตุนั้นคือปฏิหาริย์ของท่าน ก็ศิษย์ท่านทั้งนั่นแหละ ที่เชื่อและมันเป็นสิทธิ์ของเขา อย่าไปเสือกเรื่องของเขาเพราะเขาก็ไม่เคยเสือกเรื่องของท่าน 

สองผัวเมียรับเรื่องมา ตั้งตนเป็นมือปราบได้พิจารณาก่อนมั้ยว่าในคลิปสื่อถึงอะไร คนถ่ายคลิปต้องการอะไร หาใช่จะเอาความคิดส่วนตนมาพิพากษาท่าน ใช้ถ้อยคำยั่วยุ ผรุสวาท มันสมควรแล้วหรือ แนะนำย้อนไปพันปีไปตัดสินอรหันต์จี้กงด้วย

เวรกรรมมีจริง เรื่องสงฆ์ให้สงฆ์ตัดสิน เรื่องกฎหมายให้ศาลตัดสิน เราทุกคนไม่มีสิทธิ์ตัดสิน ขบวนการรักษาศาสนาของท่าน มันกำลังบ่อนทำลายศาสนาอย่าไม่รู้ตัว พวกคอมเมนต์กันสนุกปากก็พิจารณาเอาเถิด 

ผมขอพูดภาษาชาวบ้านอีกครั้ง ท่านได้สี้ใครหรือยัง ถึงไปตัดสินท่านแบบนี้ จะเอาอะไรกับพระมหาเถระอายุร้อยปี ท่านประคองธาตุขันธ์มาถึงร้อยปีได้ก็บุญแล้ว การแตะเนื้อต้องตัวสตรีต้องอาบัตหากไม่รู้เนื้อตัวหรือสงฆ์อาพาธเป็นสังฆาทิเสส ตามพระธรรมวินัยหากแตะเนื้อต้องตัวแต่จิตใจไม่ได้คิดกำหนัดกามรมย์ก็เป็นอาบัต สามารถปลงอาบัตได้ 

ถ้าเหตุการณ์นี้ถ้าสองผัวเมียล้มหลวงปู่แสงลงได้ ก็ไม่ต้องไปหวังพึ่งอะไรแล้วในวงกรรมฐาน





ขณะที่ชาวโซเชียลต่างกดแชร์และคอมเม้นต์จำนวนมาก ส่วนใหญ่พูดถึงไปที่ลูกศิษย์หรือคนใกล้ชิด เช่น ลูกศิษย์ทั้งนั้นหลวงปู่คงไม่ปัญญาทำอะไรใครได้หรอกดูสังขารท่านสิท่านมีบารมีทำร้ายท่านไม่ได้หรอกพวกมาร , ขอกรรมจัดการพวกสื่อเสี้ยมและหมอผีตกงานพร้อมพรรคพวก สาธุๆ , ปัญหาคือ ลูกศิษย์ลูกหา พระลูกวัด หรือคนที่ใกล้ชิดทำไมไม่ดูแลท่าน ท่านแก่มากๆๆแล้วนะ..อย่าหาแต่ผลประโยชน์จากท่าน..,ไอ้พวกลูกศิษย์ตัวดีเห็นแก่ผลประโยชน์ เป็นต้น 


กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...