แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวร้อน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวร้อน แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อชื่อเสียงของเขา แต่ดราม่าหนักๆ จนเป็นที่จดจำกันได้ดี คือ เรื่อง "เสียอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม" และกรณีข่าวทำดาราท้อง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตส่วนตัวและอาชีพของเขา




ดราม่า "เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม"
เกิดขึนกับ ฟิล์ม รัฐภูมิ เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว เซียนพระเครื่องชื่อดังนั้น โดยมีข่าวว่า "เสียอู๊ด" สิทธิกร บุญฉิม ได้ให้การช่วยเหลือครอบครัวของฟิล์ม ทั้งบ้าน รถ และเงินจำนวนมากนับสิบล้านบาท ซึ่งทางด้าน ฟิล์ม ออกมาปฏิเสธในตอนแรก แต่ในภายหลังเขายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ก่อนที่เสียอู๊ดจะจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายในโรงแรมแห่งหนึ่ง เรื่องนี้สร้างความขัดแย้งและ
ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคม

ดราม่า "ทำดาราท้อง"
ช่วงที่เขามีชื่อเสียงสูงสุดในวงการบันเทิง ข่าวลือเกี่ยวกับการทำดาราท้องทำให้ฟิล์มถูกโจมตีอย่างรุนแรง จนเจ้าตัวเครียดถึงขั้นทานยานอนหลับเกินขนาดจนเป็นข่าวดัง แต่หลังจากการตรวจสอบดีเอ็นเอแล้วก็พบว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ฟิล์ม จึงออกมาแถลงข่าวเพื่อเคลียร์ข้อสงสัยและปกป้อง ตัวเองจากข่าวลือที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ ฟิล์มตัดสินใจบวซและไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ เพื่อค้นหาความสงบ และห่างไกลจากความวุ่นวายของวงการบันเทิง


ข่าวล่าสุดเป็นเรื่องคลิปเสียง
ชื่อของ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้ถูกพูดถึงอีกครั้งหลังจากมีคลิปเสียงหลุด ที่อ้างว่าเขาไปพูดคุยกับ "บอสปัน" เจ้าของบริษัท ดีไอคอน เพื่อเรียกร้องเงินจำนวน 20 ล้าน ซึ่งเป็นข่าวที่ถูกพูดในรายการ "โหนกระแส" โดยมีการอ้างถึงชื่อ "หนุ่ม กรรชัย" ซึ่งเป็นการสร้างความขัดแย้งในสื่อ โดยต่อมาโฆษกของพรรดพลังประชารัฐได้อออกแถลงข่าวทันทีว่า ฟิล์มไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐมานานแล้ว

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พีอาร์สาว ร้องนายกฯ ถูกตำรวจเรียกเงิน-ข่มขืน แลกคดียาเสพติด

พีอาร์สาวเข้าร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ช่วยเหลือติดตามคดี อ้างถูกตำรวจ 7 นาย จับคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และถูกเรียกรับเงินกว่า 300,000 บาท และยังได้ถูก 1 ใน 7 ตำรวจได้พาไปข่มขืนที่โรงแรมย่านรังสิต


วันนี้ (12 ธ.ค.2566) หญิงสาวที่ตกเป็นผู้เสียหายพร้อมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางมานำหลักฐานใบแจ้งความ เอกสารใบส่งตัวดำเนินคดี และรายการเดินบัญชีธนาคารมามอบให้กับ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือและติดตามคดี

โดยทางผู้เสียหาย และสามี อ้างถูกตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี 7 นาย บุกค้นตัวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านคลองห้า ถนนรังสิต นครนายก เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพบเคตามีนจำนวนหนึ่ง ก่อนถูกคุมตัวแยกขึ้นรถคนละคันกับสามี จากนั้นตำรวจได้ขอดูยอดเงินในแอปพลิเคชัน ธนาคารในโทรศัพท์ พบว่าเธอมีเงินในบัญชีมากกส่า 360,000 บาท จึงพูดข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีกับเธอและสามีในข้อหาหนัก ก่อนพูดหว่านล้อมเรียกรับเงิน 300,000 บาท แลกกับการดำเนินคดีในข้อหาเสพ ซึ่งมีโทษเบากว่า เธอจึงยินยอมจะจ่ายให้

หลังจากนั้นตำรวจได้พาเธอขึ้นรถตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ตัวเมืองปทุมธานี 200,000 บาท และโอนเงินไปให้บัญชีสามีไปกดเพิ่มอีก 100,000 บาท ในพื้นที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยมีตำรวจประกบตัวอยู่ตลอดเวลา

จากนั้นตำรวจคนที่อยู่บนรถกับเธอแค่สองคน ได้ขอมีเพศสัมพันธ์ โดยอ้างว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยเหลือวิ่งเต้น เธอปฏิเสธแต่ตำรวจข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีหากไม่ยินยอม ก่อนบังคับพาเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งย่านรังสิต จนสำเร็จความใคร่ และขู่บังคับเรียกเงินเพิ่มอีก 300,000 บาท ส่วนสามีถูกส่งตัวดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดไว้เสพ (ยาบ้า 2 เม็ด )

โดยทางด้านสามีผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนถูกตรวจค้นจับกุม ได้ซื้อยาเสพติดมาจากนายกอล์ฟ ที่เคยซื้อขายยาเสพติดกันมาอยู่บ่อยครั้ง คาดว่าเป็นคนชี้เป้าให้ตำรวจเข้ามาจับจนเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น และรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ภรรยาต้องเสียเงินไปกว่า 300,000 บาท และถูกข่มขืน 

หลังรับเรื่อง ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ได้ประสานไปยังโฆษกอัยการสูงสุดและกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยทันที ให้ดำเนินคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อุ้มหายและทรมาน ซึ่งยืนยันว่าตำรวจทั้ง 7 นายนั้นเข้าข่ายการกระทำความผิดอย่างชัดเจน เพราะระหว่างการจับกุมไม่มีการบันทึกภาพวิดีโอเป็นหลักฐานตั้งแต่กระบวนการจับกุมจนถึงขั้นตอนพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ยังได้ประสานไปทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ช่วยตรวจสอบเรื่องเส้นทางยาเสพติดเพิ่มเติม โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบด้วยเพราะถือว่าเป็นการปล่อยปละละเลยทำให้ระบบการทำงานของตำรวจเสียหาย พร้อมย้ำว่าตัวเองจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

ตามรายงานได้แจ้งว่า ตำรวจชุดจับกุมมี ร้อยตำรวจตรี 1 นาย ดาบตำรวจ 3 นาย จ่าสิบตำรวจ 1 นาย สิบตำรวจเอก 2 นาย

โดยทางด้าน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบมีการกระทำความผิดตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างมีโทษทางวินัยและอาญาต่อไป

ที่มา ไทยพีบีเอส

วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

พิ้งกี้ แรงส์ วิจารณ์มิสนิการากัว ร้องไห้ปลอม ไม่มีนัำตา

การประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2023 จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย โดยมิสยูนิเวิร์สในครั้งนี้คือ สาวงามจาก ประเทศ นิการากัว Sheynnis Palacios


ล่าสุดได้มีการเเชร์คลิปของ นักเเสดงสาว พิ้งกี้ สาวิกา ที่ได้ดูการประกวดในครั้งนี้ด้วย เธอได้พูดถึงจังหวะที่ Sheynnis Palacios รู้ว่าตัวเองได้รับตำเเหน่งว่า


ตอนนิการากัวร้องไห้เหมือนเขาร้องเเบบอำลาตำเเหน่ง ไม่ได้ร้องไห้ออกมาจากความรู้สึก เขาร้องไห้เเบบปลอมๆ หรือเปล่าอันนี้เเค่คิดนะ เราไม่รู้ว่าเขารู้มาก่อนนะ เขาร้องเเบบธุรกิจเราไม่อยากเข้าข้างของเราเอง ร้องไห้เเต่ไม่มีน้ำตา เราเห็นมาตลอดว่าถ้าเราได้มงเราจะต้องร้องไห้ เเต่เราเห็นเเปปนึงว่าเเอนตัวสั่นตื่นเต้นเเละรู้สึกจริงๆ เเต่เขาจะเป็นเเบบห๊ะฉันหรอ

เเละตอนที่เขาอยู่กับเพื่อนนางงาม แล้วทุกคนมาเชียร์ ฉันก็ยังรู้สึกว่าเฮ้ยยังไม่มาวะๆ เสียใจอะ มันเหมือนดีใจปนร้องไห้ที่มันไม่ใช่อะ


ที่มา ที่นี่ดอทคอม


วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2566

"ก้าวไกล" ประชุมชี้ขาดสอง สส.ปมคุกคามทางเพศ

"ก้าวไกล" ยืนยันไม่มีวัฒนธรรมปกปิดความผิด พรุ่งนี้เตรียมให้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.ลงมติลงโทษ 2 สส.หลังกรรมการวินัยชี้กระทำเข้าข่ายคุกคาม-ล่วงละเมิดทางเพศ 

วันนี้ (31 ต.ค.2566) น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.ก้าวไกล เปิดเผยผลการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณี สส.กทม. และ สส.ปราจีนบุรี มีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ ว่า มติของกรรมการวินัยและมติของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ทั้ง 2 กรณีเป็นการกระทำที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศและล่วงละเมิดทางเพศ

ได้กล่าวยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้นิ่งนอนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยบทลงโทษการกระทำผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับของพรรค มี 2 แนวทาง คือ การตัดสิทธิ์พึงมีจากพรรค และการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งจะนำมติเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารและ สส.ในวันที่ 1 พ.ย.นี้

พร้อมย้ำว่า พรรคก้าวไกลไม่มีวัฒนธรรมปกปิดความผิด หากจะต้องเสียบุคลากรไป ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการวินิจฉัย ยืนยันตามข้อเท็จจริง ไม่มีอคติ

น.ส.เบญจา กล่าวย้ำว่า พรรคก้าวไกลมีบทลงโทษเรื่องนี้ชัดเจนและเป็นไปตามข้อบังคับพรรค ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาและดำเนินการอย่างรอบคอบก่อนตัดสินลงโทษทางวินัย ขณะเดียวกันก็ให้ความคุ้มครองผู้ร้องด้วย และยืนยันไม่ได้ห่วงเรื่องจำนวน สส. หากที่ประชุมกรรมการบริหารและ สส.มีมติเห็นว่าเป็นโทษกระทำผิดวินัยร้ายแรงสมควรขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็น้อมรับ

โดยในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เวลา 17.00 น. พรรคก้าวไกลนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค ที่รัฐสภา เพื่อลงมติลงโทษ 2 สส.ที่ถูกร้องเรียนเรื่องดังกล่าว

ที่มา ไทยพีบีเอส



วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ชูวิทย์ เดินหน้าแฉต่อ 'รถไฟฟ้าสายสีส้ม' มีเงินทอน 30,000 ล้านได้ถูกโอนไปสิงคโปร์แล้ว

กลายเป็นมหากาพย์การแฉไปแล้ว เมื่อชูวิทย์ออกโรงแฉ 'รถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่เตรียมให้เป็นทุนเตรียมเลือกตั้ง ตั้งข้อสังเกตฮั้วประมูลตั้งแต่ต้น เงินทอน 30,000 ล้าน ถูกโอนไปสิงคโปร์


กรณีการก่อสร้าง "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ที่ดูเหมือนจะยังไม่จบง่าย ๆ เพราะที่ผ่านมามีการเปิดประกวดราคาหาเอกชนเข้ามาดำเนินมากถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เป็นผู้ล้มประมูลเอง หลังจากนั้นเปิดประกวดราคาครั้งที่ 2 โดยมีการกำหนด TOR ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น 

หลายฝ่ายจับตามองขั้นตอนการประกวดราคา "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ไม่เว้นแม้แต่ นายชูวิศย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาแฉซ้ำ ถึงขั้นตอนการประกวดราคา โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าจะเกิดการทุจริตในกระบวนการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มครั้งนี้หรือไม่ 

โดย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมายังบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาลพร้อมกับนนำป้ายขนาดใหญ่ซึ่งแสดงให้เห็นข้อมูลในเปิดประกวดราคาก่อสร้าง "รถไฟฟ้าสายสีส้ม"

นายชูวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการประกวดจัดหาผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการก่อสร้าง "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ของ รฟม. โดยมีกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้ากระทรวงที่ดูแลนั้น มีความไม่ชอบมาพากลอยู่หลายจุดโดยเฉพาะในขั้นตอนการประกวดราคา การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ร่างขอบเขตการทำงาน (TOR) ภายหลังจากที่มีการเปิดซองราคาไปแล้ว

โดยมีการกำหนดคะแนนด้านเทคนิคให้สูงขึ้น จนนำไปสู่การฟ้องร้องศาลปกครอง ต่อเนื่องไปจนถึงการตั้งข้อสังเกตว่าโครงการดังกล่าวเกิดการฮั้วกับเอกชน เพื่อที่จะรับเงินทอนและนำเงินไปเป็นทุนสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่ 

ทั้งนี้นายชูวิทย์ ได้แบ่งการประกวดราคา "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ครั้งนี้ออกเป็น 5 สถานี ได้แก่ 

-สถานีโกง  การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ TOR ทั้งที่เปิดขายซองประกวดราคาไปแล้ว โดยรูปแบบเดิมเป็นการให้คะแนนค่าก่อสร้าง และเงินตอบแทนที่รฟม.จะต้องคืนให้แก่เอกชน 

-สถานีทุจริต  มีการร้องศาลปกครอง โดยในชั้นต้นไม่ให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์แต่ในชั้นสูงสุดที่ประชุมใหญ่มีมติ 27:23 ให้สามารถเปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้ 

-สถานีฮั้ว  ในกระบวนกำหนด TOR รอบใหม่หลังจากที่การประกวดราคาครั้งแรกถูกล้มไปนั้นมีการปรับ TOR ใหม่ให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บางบริษัทเข้าหลักเกณฑ์เพียงบริษัทเดียว

-สถานีเงินทอน  พบว่า 30,000 ล้านบาทเข้ากระเป๋าใคร โดยพบว่ามีการโอนเงินไปยังประเทศสิงคโปร์ผ่านธนาคารเอกชนระหว่างประเทศ 

-สถานีปลิว เปิดประมูลรอบสองกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ ต้องเคยเป็นบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปาทานกับรัฐบาลเท่านั้น ทำให้เหลือบริษัทเดียว 

"เกิดการล็อกสเปกแบบน่าเกลียด ผมโทษใครไม่ได้ แม้แต่รัฐบาลผมก็โทษไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็ต้องการลงสมัครพรรคการเมืองเพื่อหวนคืนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ยกตัวเองโครงการใหญ่ที่เขาเอาเงินพวกเราไป เงินไป 70,000 ล้านแล้วมีเงินเข้าไปจ่ายค่าคอม 30,000 ล้าน โครงการรถไฟฟ้าสายส้มเป็นตัวอย่างโครงการรับเพียงตัวอย่างเดียว แสดงให้เห็นว่าระบบการทำงานพัง ' นายชูวิทย์กล่าว

ที่มา คมชัดลึก ออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สาวแชร์เรื่องราว "ชีวิตคนเราไม่แน่นอน" กับมะเร็งปอดระยะที่สี่

เจ้าของเพจ BorTor Baitoey แชร์ประสบการณ์ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เมื่อพบว่าเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในอายุ 24 เรื่องเผยไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


มะเร็งเป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ด้วยสาเหตุต่างๆ นาๆ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง เธอจึงได้เล่าเรื่องราวผ่าน เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ BorTor Baitoey ถึงการเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในวันที่เธออายุเพียง 24 ปีว่า

“ มีคนเคยบอกว่า “ชีวิตคนเราไม่แน่นอน” แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

อายุ 24 ปี กับโรคยอดฮิตในหนังเศร้า “มะเร็งปอดระยะที่สี่” ที่ทุกคนเรียกว่า “ระยะสุดท้าย” ฝันอยากมีชีวิตแบบนางเอกซีรี่ย์ซักครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะได้พลอตนี้ 55555

อาการเริ่มตั้งแต่ปลายปี 64 เริ่มไอ เป็นๆ หายๆ ไม่ได้ไอตลอดเวลา ประมาณ 2 เดือน ตรงกับช่วง pm2.5 คิดว่าเป็นภูมิแพ้ จึงไปหาหมอแผนก หู คอ จมูก ที่ศิริราช ก็ทำการตรวจ x-ray ปอด ส่องกล้องดูทางเดินหายใจ ก็ไม่พบความผิดปกติ จบด้วยการได้ยาแก้ไอต่างๆมากิน จากนั้นก็ไปตามนัดตลอด x-ray ตลอด แต่ก็เริ่มไอมากขึ้น ไอตลอด ประมาณเดือน เมษายน ก็เป็นโควิด มีอาการไอ(ที่ไออยู่แล้ว) จาม (มีอาการนี้เลยตรวจโควิด) แค่นั้น ไม่ได้กินฟาวิ เพราะอาการไม่หนักมาก

เดือน พฤษภา เริ่มปวดสะโพกด้านขวา (คิดว่าคงนอนผิดท่า ซักพักน่าจะหายเอง) ประมาณ 2 wk ยังไม่หาย เลยไปหาหมอกระดูก ตอนนั้นหมอบอกกล้ามเนื้ออักเสบ ได้ยาแก้อักเสบมา แล้วก็ไปกายภาพ

เดือน มิถุนายน ตื่นเช้ามาไอ รู้สึกเหมือนมีเสมหะ (ปกติไอแห้งๆมาตลอด) สรุป ไอเป็นเลือด ตอนนั้นตกใจมาก  เลยปรึกษาพี่ที่รู้จัก ได้มาหาหมอที่หูคอจมูก หมอส่องกล้อง x-ray ปอด เหมือนเดิม ไม่พบความผิดปกติ หมอคิดว่า ไอจากเส้นเลือดฝอยบริเวณเพดานปากแตก จึงนัดอีกที 3 เดือน

(ระหว่างนี้ก็ไอตลอด ขาก็เดินกะเผลก ไปกายภาพบำบัดอยู่ และไปตรวจตามนัดของหู คอ จมูกเสมอ!!)

เดือนกรกฎาคม จุดเปลี่ยนของชีวิต พอพ้นวันเกิดวัย 24 ปี ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก

อาการไอยังคงเหมือนเดิม เริ่มหนักขึ้น เริ่มเหนื่อยหอบ เดินได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุดพัก ค่อยเดินต่อ น้ำหนักลด อาทิตย์ละ 2 kg ได้ คนรอบข้างเริ่มทักว่าผอมลงเยอะมาก ให้ไปตรวจได้พี่ที่รู้จัก(คนดีคนเดิม)นัดคิวตรวจอายุรศาสตร์ให้ ไปตรวจอายุรศาสตร์ครั้งแรก เจาะเลือด x-ray แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ

ผล x-ray ก็ยังคงปกติ แต่ผลเลือดค่าตับไม่ค่อยดี แต่หมอไม่ว่าไง

ยังคงมีอาการไออยู่ หมอจึงพาไปให้หมอเฉพาะทางด้านปอดดู

หมอปอด : ส่งตรวจ CT Chest ผลเจอก้อนที่ปอด(หลายก้อน ใหญ่สุด 4cm) และที่ตับ 2 ก้อน จึงนัดตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลก็คือเป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือง และกระดูก (ตอนรู้นี้อ๋อเลย นี้เองสาเหตุก็การปวดขา ) หลังจากนอนโรงพยาบาลเกือบเดือน และอยู่ห้อง RCU (คล้ายๆ icu แต่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ) เพราะตอนนั้นปอดเหลือข้างเดียว ก็นอนให้ยาฆ่าเชื้อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ (high flow) อยู่ตลอด ทรมานมาก ตอนนี้ก็ได้รับการรักษาเป็นการฉายแสง 10 ครั้ง (ครบไปแล้ว) และกินยาพุ่งเป้า (ขอบคุณอาจารย์จารุวรรณ เป็นอย่างสูง เพราะค่ายาแพงมาก ตกเดือนละ 40,000 แต่ได้อาจารย์เอาทุนโครงการมาช่วย กราบสามทีเลย) คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากการอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ เป็น second hand smoker ขอให้ทุกคนที่สูบบุหรี่อยู่ ช่วยมีความรับผิดชอบกับคนรอบข้างนิดนึง

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้…โพสยาวสุดในชีวิต อยากเล่าให้ฟัง เผื่อใครมีอาการอะไร ให้รีบๆไปตรวจ

ตรวจให้ถูกหมอ ถูกโรค รีบรักษาจะได้ไม่เป็นอะไรเยอะ มีชีวิตอยู่ไปนานๆ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นห่วง คอยมาเยี่ยม ส่งข้าวส่งน้ำ ส่งกำลังใจ พูดละจาร้อง 55555

ขอบคุณมากๆ นะ มีแรงสู้ชีวิตต่อไป….แต่ขอร้องชีวิตอย่าสู้กลับเยอะ

ทุกคนไม่ต้องตกใจรูปนะ ตอนนี้กลับมาทำงาน ใช้ชีวิต(แบบพยายาม)ปกติแล้ว แต่ก็กินยาอยู่ตลอด”


ที่มา อีจัน, BorTor Baitoey


วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

หมอลืม "ผ้าก๊อซ" ในช่องคลอด ผอ.โรงพยาบาล ยืดอกรับผิดพร้อมเยียวยา

จากกรณีญาติโวยหมอลืม "ผ้าก๊อซ" ในช่องคลอดสาววัย 20 ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ออกมายืดอกรับผิด พร้อมเยียวยาตามมาตรา 41


วันนี้(29 พ.ย.65) ผู้สื่อได้ข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ying Ying ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงในกลุ่ม "ขอนแก่น ร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่" พร้อมแคปชั่นระบุว่า "ช่วยแชร์ไปเยอะๆ โรงพยาบาลลืมผ้าก๊อซไว้ในช่องคลอด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 น้องสาวได้ไปคลอดที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดขอนแก่น ปรากฏว่าผ่านมาเกือบสองเดือนน้องสาวมีอาการปวดท้องรุนแรงและเป็นไข้ เวลาเข้าห้องน้ำก็จะมีเหมือนก้อนอะไรบางอย่างหลุดออกมาตรงปากช่องคลอด พอจับดูรู้สึกว่ามันเป็นก้อนแข็งๆ ผิดปกติ จึงให้แฟนเอาไปส่องดูให้ ปรากฏว่าด้านในที่เห็นนั้นเป็นผ้าก๊อซที่ทางโรงพยาบาลลืมเอาไว้

ตอนนี้ได้กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้โรงพยาบาลเอาผ้าก๊อซก้อนนั้นออกให้ และหลังจากที่เอาออกมีผู้ใหญ่มาคุยและบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบในเชิงว่าเอาผ้าก๊อซปิดเลือดไว้เพื่อช่วยชีวิต ฝากช่วยกันแชร์เยอะๆ ให้ได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ด้วยค่ะ

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวรุ่งนภาพร โคตรแปร อายุ 32 ปี เจ้าของเฟซบุ๊ก เล่าว่า น้องสาวตน อายุ 20 ปี มีกำหนดคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 วัน ก็กลับบ้าน อยู่บ้านเรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาน้องสาวมีอาการปวดท้อง จึงเข้าห้องน้ำ พบว่ามีก้อนแข็งๆในช่องคลอด ถ่ายรูปมาดูถึงได้รู้ว่ามีผ้าก๊อซในช่องคลอด จึงรีบมาที่โรงพยาบาลให้แพทย์เอาผ้าก๊อซออกให้

นางสาวรุ่งนภาพร เล่าต่อว่า แต่เจ้าหน้าที่กลับอ้างว่า ผ้าก๊อซที่เห็นนั้นเพื่อช่วยซับเลือด เป็นการช่วยเหลือคนป่วยไม่ให้เสียเลือดมาก ซึ่งเป็นการช่วยชีวิต แต่ฟังแล้วไม่ได้ช่วยให้สบายใจ เพราะแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ควรมีความรอบคอบ หากเกิดการติดเชื้อ หรือมีผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพของผู้ป่วยจะทำอย่างไร อยากให้มีความรับผิดชอบมากกว่าคำพูดที่พูดออกมา

จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ทราบว่า ภายหลังทราบเรื่องจากโซเชียล ก็รีบตรวจสอบทันที พบว่าขณะนี้ผู้ป่วยเข้ามาพักรักษาตัวใน รพ.ขอนแก่น ที่ห้องพิเศษ อาคาร 14 ตึกราชนครินทร์ โดยแพทย์ได้เอาผ้าก็อซออกให้เรียบร้อย ให้ยาฆ่าเชื้อ รักษาให้จนแข็งแรงจึงจะให้กลับบ้าน

"อาการโดยรวมปลอดภัยดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน ซึ่งจากการตรวจสอบรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ ทราบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในฐานะ ผอ. รพ.ขอนแก่น ขอยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษคนป่วยและญาติพี่น้องด้วย จะนำเอาความผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ" นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าว

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ ทางโรงพยาบาลไม่ได้นิ่งเฉย โดยได้ประสานไปที่ สปสช. เพื่อทำเรื่องเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรา 41 แล้ว

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ โรงพยาบาลขอนแก่น ได้โพสต์หนังสือชี้แจง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และว่าโรงพยาบาลขอนแก่นเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โรงพยาบาลยินดีปรับปรุงการให้บริการ การดูแลผู้ป่วย และพร้อมให้การดูแลเยียวยาช่วยเหลือ โดยยื่นคำร้องตามมาตรา 41 (ม.41) สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า กรณีได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นขณะรับการรักษาในโรงพยาบาล ตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งการประชุมพิจารณาของคณะกรรมการฯ จะมีขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม 2565

โดยหลังจากนี้ จะมีการทบทวนระบบการให้บริการ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

ที่มา ไทยรัฐ, เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลขอนแก่น

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เซียนพระชื่อดัง ป้อง "หลวงปู่แสง" ฟาดคนใกล้ชิดทำเสื่อมเสีย ซัดสื่อใส่สีตีไข่

เซียนพระเมืองขอนแก่น อ.ลิ้งค์  ป้อง"หลวงปู่แสง" ถาม"หมอปลา"ต้องการอะไร ฟาดคนใกล้ชิดทำเสื่อม สื่อทำเสี้ยม ทางด้านชาวโซเชียลเริ่มออกมา#saveหลวงปู่แสง


หลังจากเมื่อวานนี้ (11 พ.ค. 65) ที่ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ "หมอปลา" พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนายโสธร และสื่อมวลชน บุกไปที่พักสงฆ์ของ "หลวงปู่แสง ญาณวโร" พระเกจิชื่อดัง อายุ 98 พรรษา และป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ที่บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร โดยอ้างเหตุมีการร้องเรียนพฤติกรรมลวนลามผู้หญิง จับหน้าอก จับของสงวน และให้ดื่มน้ำปัสสาวะ อ้างว่ารักษาโรค จนเกิดข่าวเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก 

ต่อมา เซียนพระชื่อดังเมืองขอนแก่น "ชนะวุธ อุทโท"หรือ อ.ลิ้งค์ คชาวุธ ได้มีการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า 

หลวงปู่อายุ 100 ปี อายุกาลพรรษาเกือบ 80 ปีท่านก็เหมือนปู่ย่าตายายของเรา คนแก่สังขารท่านหลงๆลืมๆ ผมขอพูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ "ท่านไม่เล่นขี้ก็บุญแล้ว" ท่านเดินไม่ได้ ลุกนั่งเองไม่ได้ จำใครแทบไม่ได้ ที่ผ่านมาเกือบ 80 ปีในร่มกาสาวพัตรท่านเคยมีเรื่องพวกนี้หรือ ท่านเป็นที่เคารพสักการะของสงฆ์และฆราวาสทั้งหลายในการปฏิบัติไร้ข้อด่างพร้อย

คณะอุปฐากก็ควรจะเอาใจใส่ท่านให้มากกว่านี้ หาใช่แต่ยุยงส่งเสริม ปล่อยเลยตามเลย อาสน์สงฆ์ไม่ใช่บริเวณที่ใครก็ขึ้นไปได้ โดยเฉพาะสตรี  เรื่องเคาะหัว เป่าหัวรักษาโรคภัยเป็นแค่ความเชื่อเฉพาะตน มันรักษาใครไม่ได้หรอก แต่มันคือกำลังใจ มันมีมานานแล้ว  อีกอย่างคณะอุปฐากตอบคำถามนักข่าวก็ตอบงงๆ งูๆปลาๆ ไม่ตั้งสติก่อนตอบ มีแต่ต่อปากต่อคำนักข่าวแทน จนหาเหตุผลปกป้องหลวงปู่ ต่อมากินเยี่ยวโชว์ เพื่อแจ้งให้เห็นถึงความศรัทธาบนความเขลาเป็นช่องให้นักข่าวขยี้

นักข่าวใส่สีตีไข่ ว่าเรื่องรักษาโรคบ้างล่ะ เรื่องพระธาตุบ้างล่ะ เพื่อจะให้เป็นการอวดอุตริมนุษธรรม เพื่อจะสึกพระอายุร้อยปี แล้วคิดว่าตนเจ๋งงั้นหรือ หลวงปู่ท่านเคยพูดงั้นหรือว่าเคาะหัวจับโน่นนี่นั่นแล้วจะหายมะเร็ง ท่านเคยพูดหรือว่าท่านเป็นอรหันต์ ท่านเคยยืนยันหรือว่าที่เป็นพระธาตุนั้นคือปฏิหาริย์ของท่าน ก็ศิษย์ท่านทั้งนั่นแหละ ที่เชื่อและมันเป็นสิทธิ์ของเขา อย่าไปเสือกเรื่องของเขาเพราะเขาก็ไม่เคยเสือกเรื่องของท่าน 

สองผัวเมียรับเรื่องมา ตั้งตนเป็นมือปราบได้พิจารณาก่อนมั้ยว่าในคลิปสื่อถึงอะไร คนถ่ายคลิปต้องการอะไร หาใช่จะเอาความคิดส่วนตนมาพิพากษาท่าน ใช้ถ้อยคำยั่วยุ ผรุสวาท มันสมควรแล้วหรือ แนะนำย้อนไปพันปีไปตัดสินอรหันต์จี้กงด้วย

เวรกรรมมีจริง เรื่องสงฆ์ให้สงฆ์ตัดสิน เรื่องกฎหมายให้ศาลตัดสิน เราทุกคนไม่มีสิทธิ์ตัดสิน ขบวนการรักษาศาสนาของท่าน มันกำลังบ่อนทำลายศาสนาอย่าไม่รู้ตัว พวกคอมเมนต์กันสนุกปากก็พิจารณาเอาเถิด 

ผมขอพูดภาษาชาวบ้านอีกครั้ง ท่านได้สี้ใครหรือยัง ถึงไปตัดสินท่านแบบนี้ จะเอาอะไรกับพระมหาเถระอายุร้อยปี ท่านประคองธาตุขันธ์มาถึงร้อยปีได้ก็บุญแล้ว การแตะเนื้อต้องตัวสตรีต้องอาบัตหากไม่รู้เนื้อตัวหรือสงฆ์อาพาธเป็นสังฆาทิเสส ตามพระธรรมวินัยหากแตะเนื้อต้องตัวแต่จิตใจไม่ได้คิดกำหนัดกามรมย์ก็เป็นอาบัต สามารถปลงอาบัตได้ 

ถ้าเหตุการณ์นี้ถ้าสองผัวเมียล้มหลวงปู่แสงลงได้ ก็ไม่ต้องไปหวังพึ่งอะไรแล้วในวงกรรมฐาน





ขณะที่ชาวโซเชียลต่างกดแชร์และคอมเม้นต์จำนวนมาก ส่วนใหญ่พูดถึงไปที่ลูกศิษย์หรือคนใกล้ชิด เช่น ลูกศิษย์ทั้งนั้นหลวงปู่คงไม่ปัญญาทำอะไรใครได้หรอกดูสังขารท่านสิท่านมีบารมีทำร้ายท่านไม่ได้หรอกพวกมาร , ขอกรรมจัดการพวกสื่อเสี้ยมและหมอผีตกงานพร้อมพรรคพวก สาธุๆ , ปัญหาคือ ลูกศิษย์ลูกหา พระลูกวัด หรือคนที่ใกล้ชิดทำไมไม่ดูแลท่าน ท่านแก่มากๆๆแล้วนะ..อย่าหาแต่ผลประโยชน์จากท่าน..,ไอ้พวกลูกศิษย์ตัวดีเห็นแก่ผลประโยชน์ เป็นต้น 


วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

'อิงฟ้า' งานเข้า ต้นสังกัดจ่อดำเนินคดีผิดสัญญาห้ามรับงาน 'ณวัฒน์' ลั่นอยู่กับแกรนด์ไม่ต้องกลัว

อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2022 งานเข้าเมื่อต้นสังกัดจ่อดำเนินคดี รับงานโดยที่ติดสัญญาอยู่ ทางด้าน ‘ณวัฒน์’ คอมเมนต์ป้องไม่ต้องกลัว เดี๋ยวจัดให้


เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า เพจ Sangravee Entertainment Official ต้นสังกัดค่ายเพลงของ “นางสาวอิงฟ้า วราหะ” หรือ มุก อิงฟ้า มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2022 แถลงจะดำเนินคดีเนื่องจากทำผิดสัญญาห้ามไม่ให้รับงานแสดงต่างๆ ยกเว้นได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางบริษัท โดย อิงฟ้า ได้ร่วมแสดงคอนเสิร์ต “Miss Grand Thailand x ระเบียบวาทะศิลป์” ในวันที่ 3-5 พฤษภาคม ที่ลานจอดรถ สวนรถไฟ

พร้อมระบุว่า บริษัท แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ขอประกาศให้ทราบ โดยทั่วกันว่า “นางสาวอิงฟ้า วราหะ” หรือ มุก อิงฟ้า มีสถานะเป็นศิลปิน นักร้อง นักแสดงของบริษัทฯ ตามสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายไปจนถึงวันที่ 21 กันยายน 2568 ซึ่งในสัญญามีข้อตกลงระบุอย่างชัดแจ้งว่า

“ห้ามมิให้รับงานแสดงต่างๆ เช่น การเป็นพิธีกร แสดงละคร แสดงภาพยนตร์ ขับร้องเพลง ถ่ายแบบ เดินแบบ หรือ รับจ้างโฆษณา ให้กับบุคคลอื่น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทฯ ก่อนทุกครั้ง” และยังมีรายละเอียดอีกหลายประการ ดังนั้น การใดที่กระทำขึ้นอันเป็นการละเมิดข้อตกลงในสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินคดี กับผู้ละเมิดให้ถึงที่สุด ประกาศ ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2565

ต่อมา อิงฟ้า ออกมาโพสต์ว่า “รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก” โดยมี ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานและผู้ก่อตั้ง Miss Grand International เข้ามาคอมเมนต์ว่า “ไม่ต้องกลัวครับอยู่กับแกรนด์ เดี๋ยวจัดให้”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจอิงฟ้าเป็นจำนวนมาก และยังสังเกตด้วยว่า เพจ Sangravee Entertainment Official ไม่ได้อัปเดตหรือโพสต์อะไรมากว่า 3 ปีแล้ว โดยโพสต์ก่อนหน้าแถลงการณ์นั้นโพสต์เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019

ที่มา ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เจ้าอาวาสวัดติดป้ายต้านหมอปลา ยอมรับสั่งทำป้าย-ดื่มเหล้า-ฉันหมูกระทะ ขอเวลาเตรียมสึก

หมอปลาบุกวัดติดป้ายต้านที่พิษณุโลก พร้อมควักเงินร่วมทำบุญค่าป้ายไวนิล ขณะเจ้าอาวาสวัดยอมรับสั่งทำป้าย-ดื่มเหล้า-ฉันหมูกระทะจริง ขอเวลา3วันสึก


เช้านี้ (5 พ.ค.65) หมอปลาพร้อมด้วยป้ารัตนา และทีมงาน ได้เดินทางมาถึงวัดใหม่พรหมพิราม ตั้งอยู่เลขที่ 294/3 หมู่ 2 ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นวัดที่เป็นกระแสกรณีติดป้ายต้านหมอปลาจนโด่งดังในโลกโซเชียล และเมื่อวานตลอดทั้งวันก็มีกระแสอยู่เป็นระยะ ชาวบ้านยังคงออกมาพูดคุยกันต่อเนื่องในเรื่องที่พระนพ หรือ พระครูธีรศาส กิตจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม มีการดื่มเหล้าหงส์ทอง มีการสั่งหมูกระทะมาฉันท์ถึงในวัด และฉันท์กันทั้งวัด ซึ่งหมายความว่าพระในวัดมี 6 รูป ก็ฉันกันหมดทั้งวัด

โดยเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (4 พฤษภาคม 2565) พระครูปลัดธวัชชัย ธวชชยเมธี เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย พระครูสิทธิธรรมานุสนธิ์ เจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม และพระครูธีรศาสน์กิจจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า กรณีมีการติดป้ายไวนิลต้านหมอปลาสรุปแล้วเจ้าอาวาสเป็นคนสั่งทำป้ายไวนิลด้วยตนเองในราคา 1,800 บาท ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เพราะเห็นป้ายข้อความดังกล่าวในสื่อโซเชียล แล้ว นำส่งไปให้ร้านมาพิมพ์ติดที่วัด โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เบื้องต้นทางคณะสงฆ์ได้ว่ากล่าวตักเตือนเจ้าอาวาสว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ยังมีข้อร้องเรียนของชาวบ้านในสื่อสังคมออนไลน์เรื่องการดื่มเหล้าและฉันหมูกระทะในวัดนั้นทางคณะสงฆ์จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวต่อไป

ล่าสุด หมอปลา ป้ารัตนา พร้อมด้วยทนายความและคณะชาวบ้านในพื้นที่ ได้เดินทางมาถึงวัดก็ได้พบกับพระครูธีรศาส กิตจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม ได้ตั้งโต๊ะพูดคุยกันพร้อมกับมีการไลฟ์สดผ่านเพจ หมอปลาช่วยด้วย โดยทางหมอปลาได้ทำบุญยอด 1800 บาท บอกว่าเป็นค่าป้ายไวนิล และคณะก็ได้ร่วมทำบุญเพิ่มด้วย จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันทางเจ้าอาวาสวัดก็ได้มีการยอมรับว่าเป็นคนสั่งทำป้ายจริง ขออภัยหมอปลาและทางญาติโยมด้วย ถือว่าทำความผิดก็ได้ทำการปลงอาบัติไปแล้ว แต่ตอนทำนั้นยืนยันว่าคิดน้อยไปหน่อย พอดีมีการส่งต่อภาพป้ายกันมาในไลน์ ตนก็เลยสั่งร้านทำว่าเอาป้ายแบบนี้ ยืนยันว่าข้อความทั้งหมดไม่ได้คิดเองดูจากหลักฐานในไลน์ได้ ยอมรับผิดว่าคิดน้อยไม่หน่อยไม่ทันได้นึกถึงผลกระทบที่จะตามมา

หลังจากนั้น ทีมข่าวก็ได้สอบถามถึงกรณีที่มีการร้องเรียนเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเรื่องเจ้าอาวาสติดเหล้า ฉันเหล้าเป็นประจำ ทางด้านเจ้าอาวาสก็ยอมรับว่าฉันเหล้าจริง แต่ฉันเฉพาะเวลาเครียดไม่ได้ฉันบ่อยและยอมรับว่าเพิ่งฉันไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.65 ส่วนเรื่องหมูกระทะก็ยอมรับเช่นกันว่าเคยมีการโทรสั่งมาฉันและเลี้ยงพระลูกวัดภายในวัดจริง ทางด้านตัวแทนชาวบ้านที่มาสั่งเกตุการณ์ล้วนบอกว่า เจ้าอาวาสเคยทำแบบนี้มาแล้ว เมื่อ 3 ปีก่อนชาวบ้านก็จับได้เรื่องฉันเหล้าตัวเจ้าอาวาสก็ขอโอกาสมาแล้ว 1 ครั้ง แล้วก็มาทำอีก ส่วนครั้งนี้ชาวบ้านก็เห็นร่วมกันว่าจะไม่ขับไล่เจ้าอาวาสแต่จะให้เจ้าอาวาสพิจารณาตัวเองว่าสมควรที่จะอยู่ในสมณะเพศครองผ้าเหลืองต่อไปหรือไม่ จากนั้นได้มีการโฟนอินคุยกับผู้ใหญ่บ้านให้คุยกับเจ้าอาวาส ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็ยืนยันว่าหากเจ้าอาวาสทำผิดจริงและยอมรับความจริงก็ควรลาสิกขาไป เจ้าอาวาสเองก็ยินดีรับข้อพิจารณานี้ขอเวลาเก็บของตรวจสอบทรัพย์สินเป็นเวลา 3 วัน ก็จะสึกให้แล้วเจ้าอาวาสก็ได้ขอตัวไปพักผ่อน

ด้านหมอปลา หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว ได้บอกว่าขออธิบายว่าทีมงานหมอปลา พอลงพื้นที่วัดมีการทุบโน่นนี่นั่น ขออธิบายว่าทุกวัดตนไปกับสื่อ สื่อทุกคนจะขออนุญาตก่อน ยกเว้นวัดที่เกิดเรื่องก่อนหน้านี้เพราะวัดนั้นตัวผู้กระทำความผิดคือเจ้าอาวาส จะไปขอเขาก็ไม่ให้เข้า ตนจึงขอแค่ชาวบ้าน และอยากจะฝากพระพวกนี้ว่าไม่ต้องต่อต้านตนหรอกเพราะจะได้เจอกันแน่โดยเฉพาะเดือนนี้ทั้งเดือนมีอีกหลายแห่ง พวกผู้ใหญ่ นักการเมือง ไม่ต้องมาข่มขู่ตนหรอกเพราะตนและทีมงานทำเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา คนทำนุบำรุงศาสนามีเยอะ แต่คนที่มาปกป้องอย่างพวกตนมันมีน้อย

ด้านทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ บอกว่าเรามาเพื่อกำจัดมารศาสนาการขึ้นป้ายแบบนี้เรียกว่ามีพิรุธ เราทำทุกอย่างตามกฏหมายไปวัดไหนเราขออนุญาต ฝากไว้เจ้าอาวาสบอกบวชมา 35 ปี ชาวบ้านบอกเป็นมานานแล้ว สำนักพุทธท่านทำอะไรอยู่ ชาวบ้านเขาทนกันมาตั้ง 35 ปีแล้ว ท่านไปอยู่ไหนชาวบ้านเขาอยากเปลี่ยน เรามาเพื่อกำจัดมารศาสนากำจัดเห็บไรพวกนี้ที่มาหากินกับผ้าเหลือง

ที่มา โพสต์ทูเดย์

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565

ปิดฉากเส้นทางการเมือง "ปารีณา" ศาลพิพากษาห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต

"ปารีณา ไกรคุปต์" ให้สัมภาษณ์เสียงสั่น หลังศาลฎีกาพิพากษา ผิดจริยธรรมร้ายแรงจากกรณีรุกป่าราชบุรี สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี และห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต




วันนี้ (7 เม.ย. 65) ศาลฎีกา นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม

โดยศาลฎีกามีคำพิพากษา น.ส.ปารีณา มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง และ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 64 รวมทั้งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี เเละไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง เเละดำรงตำเเหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก คณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดว่า น.ส.ปารีณา ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นส.ส. กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม และกรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมโดยให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย

ทั้งนี้ตาม พระราชบัญัติประกอบรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ระบุว่า ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือ สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหน่งทางการเมืองใดๆตลอดชีวิต

ล่าสุด หลังจากที่ศาลพิพากษา ปารีณา ไกรคุปต์ ปรากฏว่าในไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มี ส.ส.เข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา จนกระทั่งเวลา 10.21 น. น.ส.ปารีณาได้ออกจากไลน์ของกลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อ น.ส.ปารีณา ตั้งแต่รู้ผลมติศาลชี้ออกมาก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งเวลา 13.45 น. น.ส.ปารีณา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า “ตอนนี้ยังไม่เจอใคร ยังไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ ตัวชา กำลังทำใจอย่างเดียว ไม่ต้องทำพื้นที่แล้ว เพราะเหมือนคนตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสภาให้ไป ไม่มีไก่ให้เลี้ยง ไม่เหลืออะไรแล้ว”

ที่มา โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า



วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

แม่น้ำหนึ่ง โสดเซ็กซี่ ไลฟ์ขอพ่อปู่งวดนี้ขอคักๆ แต่แฟนๆ โฟกัสงง ฟิล์ม โผล่เตียง

 

แม่น้ำหนึ่ง ภิรดา ธนโชติจินดา เน็ตไอดอลให้แนวทางเลขเด็ดชื่อดัง ล่าสุดโพสต์ชุดสุดเซ็กซี่ พร้อมแคปชั่น คิดถึงทะเลอีกแล้ว 1 มี.ค ขอคักๆเด้อปู่ ท่ามกลางแฟนๆเพื่อนๆเข้ามาคอมเมนต์ถึงความแซ่บ อาทิ แซ่บมากแม่ , แซ่บเวอร์ , สวยแซ่บมากแม่ , ทะเลร้อนก็คราวนี้ล่ะ ขอเคล็ดลับหุ่นนี้ที Please…. เป็นต้น


หลังจากที่ แม่น้ำหนึ่ง ได้หย่าสามีไปเมื่อช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ในไลฟ์ล่าสุด รุ่ง อดีตสามีก็วิดีโอคอลเข้ามา แต่ขณะที่แม่น้ำหนึ่งกำลังคุยกับแฟนเก่า กล้องแม่น้ำหนึ่งถ่ายไปข้างๆ เจอผู้ชาย คือ ฟิล์ม ลูกน้องแม่น้ำหนึ่ง ซึ่งก็เพิ่งหย่ากับภรรยา และเป็นภาพอยู่ที่เตียงข้างๆ ซึ่งทางอดีตสามีก็หัวเราะ จนคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากได้สอบถามไปทาง รุ่ง ก็ยืนยันว่าเราเลิกกันแล้วจริงๆ เลิกกันขาดแล้ว วันที่เขาไลฟ์เขาเชิญเอาเราเข้าไปคุยด้วย ก็เป็นเพื่อนกันได้ ตั้งแต่หย่ากันก็ยังไม่เคยเจอกันเลย เมื่อถามว่าฟิล์มนอนอยู่ข้างๆรู้สึกยังไง รุ่ง บอกว่า เลิกกันแล้วคือจบไม่ได้คิดอะไรแล้ว เลิกกันแล้วก็เป็นสิทธิ์ของเขา ฟิล์มเขาก็เลิกกับภรรยาแล้ว เขาน่าจะไลฟ์เล่นๆ แล้วขอขึ้นไลฟ์ด้วยก็เลยตอบกลับ เขาเชิญเรามา ก็เห็นไลฟ์สนุกๆ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว


ส่วนทางด้าน เอิร์น ดุสิตา แนมขุนทด อดีตภรรยา ฟิล์ม ก็บอกว่าจบกับฟิล์มแล้ว คุยกับฟิล์มเรื่องลูกปกติ ไม่มีอะไร ฟิล์มก็สัญญาว่าจะเลี้ยงดูครอบครัว ส่งเงินให้ลูก เขาจะไลฟ์สดก็เป็นสิทธิ์ของเขาขออย่างเดียวอย่าผิดสัญญาการเลี้ยงลูก ส่วนที่ก่อนหน้าที่โพสต์ภาพลูกขี่ควาย พร้อมเนื้อเพลง ใจนักเลง ข้อความว่า ให้เธอได้กับเขาและจงโชคดี เจ้าตัวชี้แจงว่าไม่ได้หมายถึงใคร ไปไหว้ศาลเห็นควายน่ารัก ลูกนั่งขี่ควายก็เลยโพสต์

ที่มา ข่าวสด, AmarinTV



วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

‘ประสพโชค’ ปัดรู้จักกุมาร ‘ขาว-ดำ’ คนร้ายยิงถล่มนายก อบต.บางสมบูรณ์

‘ประสพโชค’ เปิดแถลงที่พรรคพลังท้องถิ่นไท ยันไม่ใช่คนบงการคดียิงถล่มนายก อบต.บางสมบูรณ์ ไม่รู้จักฉายากุมารขาว-กุมารดำ ลั่นหากตำรวจจะจับไม่หนีไปไหน


เมื่อวานนี้ (24 ก.พ. 2565) นายประสพโชค นิ่มเรือง อดีตนายก อบต.บางสมบูรณ์ เปิดแถลงข่าวที่พรรคพลังท้องถิ่นไท กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มรถของนายญาณกร โท้ประยูร นายก อบต.บางสมบูรณ์ จ.นครนายก จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 2 คน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

นายประสพโชคกล่าวยืนยันว่า ไม่ใช่ผู้บงการเหตุดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนที่มาเปิดใจภายในที่ทำการพรรคพลังท้องถิ่นไทนั้นไม่ได้ต้องการแอบอ้าง หรืออาศัยบารมีนายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรค แต่เพราะมาประชุมเป็นประจำอยู่แล้ว เนื่องจากมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค ยอมรับว่ารู้สึกหวาดกลัวและเป็นห่วงความปลอดภัยของครอบครัว เนื่องจากหลังเกิดเหตุมักมีรถและชายฉกรรจ์วนเวียนอยู่หน้าบ้าน รวมถึงกลัวญาติของผู้เสียชีวิตจะแก้แค้น เพราะหลังเกิดเหตุตนก็ปรากฏในหน้าสื่อและตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ยืนยันในความบริสุทธิ์ หากตำรวจจะทำการจับกุมจะไม่หลบหนี และพร้อมเข้ามอบตัว ยืนยันว่าในพื้นที่ อบต.บางสมบูรณ์ ไม่มีอิทธิพลหรือมาเฟีย

นายประสพโชค ได้พูดถึงความสัมพันธ์กับ นายภูริวัฒ หรือออด นิ่มเรือง ฉายากุมารดำ ที่ถูกจับกุม และการออกหมายจับ นายรัฐพล หรือบิ๊ก ตันสุวรรณรัตน์ ฉายากุมารขาว ว่ารู้จักในฐานะญาติ และเจ้านายกับลูกน้อง เนื่องจากเป็นอดีตนายก อบต. แต่ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนตัวไม่เชื่อว่าน้องชายจะเป็นผู้ก่อเหตุ จึงเตรียมยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าฉายากุมารดำและกุมารขาวมาจากไหน ใครเป็นคนตั้ง ยืนยันว่าตนไม่ใช่พ่อกุมารดำและกุมารขาว เพราะเป็นพี่น้องจะมาเรียกพ่อได้อย่างไร

นายประสพโชคกล่าวต่อว่า สังคมอย่าเพิ่งมุ่งเป้าไปที่ประเด็นการเมืองท้องถิ่น การหาเสียงในอดีต รวมถึงความขัดแย้งเรื่องแพ ยอมรับว่ามีการนำแพไปผูกที่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจริง แต่ไม่ได้นำมาเปิดเป็นร้านหมูกระทะ มีเพียงสมาชิก อบต. หรือกำนันผู้ใหญ่บ้าน นำอาหารไปจัดเลี้ยงเพียงบางครั้ง อยากให้สื่อหรือตำรวจไปย้อนดูคดีใช้อาวุธสงครามสังหาร 5 ศพ ในพื้นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อปี 2555 และตรวจสอบประวัติของฝั่งตรงข้ามว่ามีศัตรูหรือมีความขัดแย้งกับใครบ้าง ส่วนเหตุในครั้งนี้ใครจะได้ประโยชน์ตนก็ตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการสืบสวน ขณะนี้ไม่อยากพูดคุยกับใคร และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พูดคุยกับสื่อมวลชน และจะไม่พูดคุยกับฝั่งของนายญาณกร

นายประสพโชค ยังได้เผยถึงที่ก่อนหน้านี้ที่ติดต่อไม่ได้ยืนยันว่าไม่ได้ไปไหน ทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่บ้านเนื่องจากมีคนติดต่อเข้ามาหาเยอะ หากตำรวจจะติดต่อขอให้ติดต่อผ่านทนาย ที่ผ่านมาก็มีเจ้าหน้าที่มาสอบถาม รวมถึงดูแลความปลอดภัย แต่ตนปฏิเสธเพราะไม่ทราบว่าใครเป็นตำรวจจริงหรือปลอม


ทีั่มา มติชนออนไลน์



วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ด่วน! รัสเซียระดมยิงขีปนาวุธถล่มทั่วยูเครน หลังประกาศสงครามเมื่อเช้ามืดวันนี้

หลังปูตินประกาศสงครามไม่กี่ชั่วโมง กองกำลังรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายทั่วยูเครน โดยมีรายงานว่ารัสเซียส่งทหารชุดปฏิบัติการพิเศษมาแล้ว


วันนี้เดลี่เมลรายงานว่า กองกำลังรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธ โจมตีเป้าหมายในกรุงเคียฟ เมืองหลวง และหลายเมืองทั่วประเทศยูเครน หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ประกาศสงคราม ใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ในภูมิภาคดอนบัส ทางภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ (24 ก.พ. 65) ตามเวลาท้องถิ่น  

ขณะที่ เมืองมารีอูปอล เส้นทางสู่ทะลดำของยูเครน ที่อยู่ห่างจากชายแดนรัสเซียประมาณ 50 ไมล์ได้ถูกโจมตีอย่างหนัก ขณะที่ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นทางภาคกลางของยูเครน รวมถึงเมืองโอเดสซา ทางภาคใต้ หลังจากประธานาธิบดีปูตินประกาศสงคราม ใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน

เดลี่เมลอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ใช่ทางการรัสเซียได้รายงานว่า ปฏิบัติการโจมตีของรัสเซียในช่วงเช้าวันนี้ พุ่งเป้าโจมตีเป้าหมายทางทหารและเป้าหมายยุทธศาสตร์สำคัญทั่วประเทศยูเครน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียได้ส่งทหารชุดปฏิบัติการพิเศษและเครื่องบินลำเลียงบรรทุกทหารมาลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติบอรีสปิลในกรุงเคียฟ ท่ามกลางการสู้รบปะทะกันอย่างหนักหน่วง.

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565

ปู่ ย่า ขับรถพาหลานวัยแปดเดือนติดโควิด ตระเวนหาไม่มี รพ.ไหนรับ

ปู่ ขับรถตระเวน 3 จังหวัด พาย่าและหลาน 8 เดือน ที่ติดโควิด หาโรงพยาบาลรักษา แต่ไม่มี รพ.ไหนรับ เนื่องจากเตียงเต็มและไม่มีหมอรักษาเด็ก


นายเอกภพ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กู้ชีพเข้าตรวจอาการเด็กหญิงวัย 8 เดือน ผลปรากฏว่ามีค่าออกซิเจนในเลือดที่ต่ำมากๆ วัดไข้ได้ 38 องศา เด็กมีอาการหายใจติดขัด จึงให้ทีมงานประสานไปยังโรงพยาบาลเด็ก ถนนราชวิถี ทันที พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพ่อแม่ที่มีลูกอ่อนให้ระวังเป็นพิเศษ เพราะโควิดระลอกนี้เด็กมีอาการหนักมากและทรุดลงอย่างรวดเร็ว

นายวิรัช ซึ่งเป็นปู่ของเด็ก ได้เล่าว่า เมื่อ 5 วันที่แล้ว ลูกสาวกับลูกเขยติดเชื้อโควิดและไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล โดยช่วง 12.00 น. ของวานนี้(9 ม.ค.65) ตนเองกับภรรยา และหลานสาววัย 8 เดือน ได้ไปตรวจโควิดที่ปทุมธานี จากการตรวจพบว่าย่ากับหลานสาววัย 8 เดือน ติดเชื้อโควิด ส่วนตนเองไม่ติด และโรงพยาบาลแจ้งว่าตอนนี้เตียงเต็ม ต้องรออีก 150 คิว เตียงถึงจะว่าง จึงให้กลับไปกักตัวอยู่ที่บ้าน หรือติดต่อโรงพยาบาลอื่น


จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันเดียวกัน หลานมีอาการหายใจติดขัด ตัวร้อน อาการค่อยไม่ดี แย่ลงเรื่อยๆ จึงตัดสินใจขับรถพาหลานไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่เปิดอยู่ในปทุมธานี กรุงเทพฯ และนนทบุรี โดยให้ลูกช่วยติดต่อประสานตามโรงพยาบาลต่างๆ อีกทาง แต่ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับ เนื่องจากทุกโรงพยาบาลไม่มีหมอรักษาเด็ก จึงตัดสินใจจอดรถรอริมถนนหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนนทบุรี เพื่อรอถึงตอนเช้า หมอเด็กมาทำงาน โรงพยาบาลจะได้รับรักษา โชคดีช่วงประมาณเที่ยงคืนมีเจ้าหน้าที่ของเพจ “สายไหมต้องรอด” ติดต่อเข้าให้การช่วยเหลือ

ที่มา ข่าวสดออนไลน์


วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564

สธ.เตือนห้ามประมาท โอมิครอน(Omicron) อัพเดทลามแล้ว 37 จว.

วันนี้(30 ธันวาคม 2564) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ข้อมูลล่าสุดพบการติดเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นการติดเชื้อในประเทศ 357 ราย โดยมีจังหวัดที่พบผู้ป่วยเชื้อโอมิครอนเพิ่มขึ้นมาอีก 1 จังหวัด จากเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ที่พบ 33 จังหวัด รวมเป็น 34 จังหวัด โดยจังหวัดที่เพิ่มขึ้นคือ จ.เพชรบูรณ์ 


นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อกระจายใน 37 จังหวัดครบทั้ง 13 เขตสุขภาพแล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่พบ 33 จังหวัด รวมยอดผู้ป่วยโควิด-19 โอมิครอนสะสมทั้งหมด 934 ราย ได้แก่

เขตสุขภาพที่ 1 เชียงราย 1 ราย เชียงใหม่ 7 ราย ลำปาง 1 ราย ลำพูน 4 ราย

เขตสุขภาพที่ 2 เพชรบูรณ์ 1 ราย

เขตสุขภาพที่ 3 พิจิตร 1 ราย

เขตสุขภาพที่ 4 นนทบุรี 22 ราย พระนครศรีอยุธยา 2 ราย

เขขสุขภาพที่ 5 นครปฐม 1 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 4 ราย เพชรบุรี 1 ราย สุพรรณบุรี 2 ราย

เขตสุขภาพที่ 6 ชลบุรี 18 ราย สมุทรปราการ 38 ราย สระแก้ว 1 ราย รอยืนยันข้อมูล 24 ราย

เขตสุขภาพที่ 7 กาฬสินธุ์ 121 ราย ขอนแก่น 12 ราย มหาสารคาม 42 ราย ร้อยเอ็ด 50 ราย รอยืนยันข้อมูล 84 ราย

เขตสุขภาพที่ 8 นครพนม 4 ราย เลย 3 ราย หนองคาย 4 ราย หนองบัวลำภู 1 ราย อุดรธานี 3 ราย

เขตสุภาพที่ 9 ชัยภูมิ 4 ราย นครราชสีมา 5 ราย บุรีรัมย์ 4 ราย สุรินทร์ 5 ราย

เขตสุขภาพที่ 10 มุกดาหาร 1 ราย ยโสธร 1 ราย อุบลราชธานี 4 ราย

เขตสุขภาพที่ 11 กระบี่ 4 ราย ภูเก็ต 104 ราย สุราษฎร์ธานี 20 ราย

เขตสุขภาพที่ 12 ปัตตานี 4 ราย สงขลา 1 ราย

เขตสุขภาพที่ 13 กรุงเทพมหานคร 325 ราย

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ข้อมูลในแอฟริกาใต้ว่า โอมิครอนความรุนแรงลดลง และอาจมาแทนที่เดลต้า ข้อมูลดังกล่าวจะส่งผลให้คนประมาท ไม่ป้องกันตัวหรือไม่ นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ประมาทไม่ได้ แม้ข้อมูลที่ออกมาจะไปในทางนั้น อัตราการติดเชื้อนอน รพ.น้อยกว่าเดลต้า ภาพรวมก็เห็นชัดว่า ผู้ป่วยหนักลดลง อย่างของไทยเกือบพันรายไม่มีเสียชีวิต มีอาการหนัก 2 คนแต่หายดีแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่า ข้อมูลเหล่านี้ต้องใช้เวลา ยังเร็วไป ถ้าจะบอกว่าอันตรายน้อย สิ่งสำคัญขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention ป้องกันตัวเองตลอดเวลา และฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพราะแม้โอไมครอนจะหลบภูมิคุ้มกันได้ แต่วัคซีนยังคงช่วยลดความรุนแรงได้

“ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมพร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบการรักษาต่างๆ โดยเฉพาะการจัดระบบแยกกักที่บ้าน(Home Isolation) และศูนย์พักคอยในชุมชน(Community Isolation) โดยเรามีประสบการณ์จากครั้งก่อน ครั้งนี้จะมีระบบติดตามแยกคนติดเชื้อออกจากคนป่วย ใครติดเชื้อไม่มีอาการให้อยู่ HI ถ้าไม่สามารถอยู่ได้ให้เข้า CI โดยจะมีระบบคอยมอนิเตอร์อาการ หากมีอาการมากขึ้นนำส่งรพ.ทันที” นพ.ศุภกิจ กล่าว

ที่มา มติชนออนไลน์



กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...