แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวด่วน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวด่วน แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พีอาร์สาว ร้องนายกฯ ถูกตำรวจเรียกเงิน-ข่มขืน แลกคดียาเสพติด

พีอาร์สาวเข้าร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ช่วยเหลือติดตามคดี อ้างถูกตำรวจ 7 นาย จับคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และถูกเรียกรับเงินกว่า 300,000 บาท และยังได้ถูก 1 ใน 7 ตำรวจได้พาไปข่มขืนที่โรงแรมย่านรังสิต


วันนี้ (12 ธ.ค.2566) หญิงสาวที่ตกเป็นผู้เสียหายพร้อมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางมานำหลักฐานใบแจ้งความ เอกสารใบส่งตัวดำเนินคดี และรายการเดินบัญชีธนาคารมามอบให้กับ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือและติดตามคดี

โดยทางผู้เสียหาย และสามี อ้างถูกตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี 7 นาย บุกค้นตัวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านคลองห้า ถนนรังสิต นครนายก เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพบเคตามีนจำนวนหนึ่ง ก่อนถูกคุมตัวแยกขึ้นรถคนละคันกับสามี จากนั้นตำรวจได้ขอดูยอดเงินในแอปพลิเคชัน ธนาคารในโทรศัพท์ พบว่าเธอมีเงินในบัญชีมากกส่า 360,000 บาท จึงพูดข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีกับเธอและสามีในข้อหาหนัก ก่อนพูดหว่านล้อมเรียกรับเงิน 300,000 บาท แลกกับการดำเนินคดีในข้อหาเสพ ซึ่งมีโทษเบากว่า เธอจึงยินยอมจะจ่ายให้

หลังจากนั้นตำรวจได้พาเธอขึ้นรถตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ตัวเมืองปทุมธานี 200,000 บาท และโอนเงินไปให้บัญชีสามีไปกดเพิ่มอีก 100,000 บาท ในพื้นที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยมีตำรวจประกบตัวอยู่ตลอดเวลา

จากนั้นตำรวจคนที่อยู่บนรถกับเธอแค่สองคน ได้ขอมีเพศสัมพันธ์ โดยอ้างว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยเหลือวิ่งเต้น เธอปฏิเสธแต่ตำรวจข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีหากไม่ยินยอม ก่อนบังคับพาเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งย่านรังสิต จนสำเร็จความใคร่ และขู่บังคับเรียกเงินเพิ่มอีก 300,000 บาท ส่วนสามีถูกส่งตัวดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดไว้เสพ (ยาบ้า 2 เม็ด )

โดยทางด้านสามีผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนถูกตรวจค้นจับกุม ได้ซื้อยาเสพติดมาจากนายกอล์ฟ ที่เคยซื้อขายยาเสพติดกันมาอยู่บ่อยครั้ง คาดว่าเป็นคนชี้เป้าให้ตำรวจเข้ามาจับจนเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น และรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ภรรยาต้องเสียเงินไปกว่า 300,000 บาท และถูกข่มขืน 

หลังรับเรื่อง ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ได้ประสานไปยังโฆษกอัยการสูงสุดและกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยทันที ให้ดำเนินคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อุ้มหายและทรมาน ซึ่งยืนยันว่าตำรวจทั้ง 7 นายนั้นเข้าข่ายการกระทำความผิดอย่างชัดเจน เพราะระหว่างการจับกุมไม่มีการบันทึกภาพวิดีโอเป็นหลักฐานตั้งแต่กระบวนการจับกุมจนถึงขั้นตอนพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ยังได้ประสานไปทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ช่วยตรวจสอบเรื่องเส้นทางยาเสพติดเพิ่มเติม โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบด้วยเพราะถือว่าเป็นการปล่อยปละละเลยทำให้ระบบการทำงานของตำรวจเสียหาย พร้อมย้ำว่าตัวเองจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

ตามรายงานได้แจ้งว่า ตำรวจชุดจับกุมมี ร้อยตำรวจตรี 1 นาย ดาบตำรวจ 3 นาย จ่าสิบตำรวจ 1 นาย สิบตำรวจเอก 2 นาย

โดยทางด้าน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบมีการกระทำความผิดตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างมีโทษทางวินัยและอาญาต่อไป

ที่มา ไทยพีบีเอส

วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

แม่ใจจะขาด เจอคลิปสุดท้าย ก่อนลูกสาวจมน้ำตายร้องให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองหัวเราะกันคิกคัก

แม่ใจจะขาด เห็นคลิปสุดท้ายก่อนลูกสาวจมน้ำตาย ร้องขอให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองบอกปล่อยให้มันตายไปเลย


เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้สูญหายในน้ำ บริเวณบ้านห้วยตาสี หมู่ที่ 6 ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นคลองชลประทานลึกประมาณ 3 เมตร ชุดค้นหาใต้น้ำอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูชัยนาท ได้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงลงค้นหาจนพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.สุรัตวดี อายุ 32 ปี ที่อยู่ตำบลเนินขาม อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท จากนั้นนำร่างส่งมอบญาติดำเนินการทางศาสนา ณ ที่พักสงฆ์ละหานใหญ่เจริญศรี (วัดห้วยตาสี)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นางสุรินทร์ อายุ 52 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต หลังมีคลิปหญิงสาวกำลังจมน้ำแต่ไม่มีใครลงไปช่วยและได้จมน้ำเสียชีวิตต่อหน้าของทุกคน จึงได้มีการแจ้งกู้ภัยช่วยเหลือ โดยผู้เป็นแม่ร่ำไห้สงสัยทำไมคนถ่ายคลิปและคนยืนดูอีกหลายคนไม่ช่วยเหลือ

นางสุรินทร์ เปิดเผยว่า มีความรู้สึกคาใจว่าลูกเราตกน้ำมีคนเห็นเขาน่าจะช่วย วันนั้นเขาไปเล่นน้ำตอนมืดแล้วประมาณ 2 ทุ่ม มีคนเล่าว่าลงเล่นน้ำฝั่งนี้แล้วลื่นไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วไปกอดต้นโสน จากนั้นหลุดจากต้นโสนลอยน้ำไป เขาร้องโอยๆ อยากให้ช่วย แต่มีคนบอกว่าลูกโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่คลิปหลุดมาไม่ใช่การฆ่าตัวตายเพราะลูกร้องให้ช่วย ซึ่งวันเกิดเหตุลูกดื่มเหล้าก่อนที่จะลงเล่นน้ำ

นางสุรินทร์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าลูกจะเป็นผู้ป่วยจิตเวช แต่ตอนเราได้ยินเสียงลูกร้องในคลิปแล้วรู้สึกเจ็บปวด ไม่มีใครช่วยเลย หมาตกน้ำเรายังช่วยเลย นี่คนทั้งคน จะบ้า จะบอ จะดีอะไรก็ตาม เมื่อก่อนเขาเป็นคนดีมาก หลังๆเขาไม่ค่อยสบายเขาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครกินแต่เหล้า ตรงที่เจ็บปวดคือคำว่า “ปล่อยไปเลย ให้มันจมน้ำตายไปเลย มันเรียกร้องความสนใจ ให้มันจมน้ำไปก่อนแล้วค่อยโทรหาปอเต็กตึ๊ง”

ได้ยินเสียงลูกร้อนโอยๆ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ลูกเขาก็ร้องไห้ทำไมเป็นแบบนี้ไม่มีใครช่วยเลย อยากรู้ว่าคนถ่ายคลิปเอาหัวใจอะไรมาใส่ ทำไมไม่ช่วยคนทั้งคน อยู่กันตั้งหลายคน ตอนที่ยังไม่ห่างตลิ่ง หรือโทรหาคนมาช่วยก็ได้หรือตามคนที่บ้านไปช่วยก็ได้

ที่มา สนุกดอทคอม

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565

เริ่มใช้ อัตราค่าปรับกฎหมายจราจรใหม่ เพิ่มโทษปรับ-จำคุก

กฎหมายจราจรใหม่ 2565 ได้เริ่มบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 โดยอัตราค่าปรับฝ่าฝืนกฎจราจรล่าสุด มีโทษปรับ จำคุก หนักกว่าเดิมหลายเท่า มีรายละเอียดอย่างไรอ่านได้ที่นี่


พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ได้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากยังเป็นช่วงเริ่มต้นเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัวกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่นี้ ล่าสุด พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) ระบุว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยบังคับใช้กฎหมายจราจรฉบับใหม่ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ

โดยเฉพาะประเด็นเรื่องโทษปรับที่กฎหมายใหม่เพิ่มอัตราโทษสูงขึ้น เพื่อบังคับใช้ให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้รถใช้ถนน บางความผิดมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 4,000 บาท แต่ในช่วง 3 เดือนแรกนี้ ตร.จะยังใช้เกณฑ์ค่าปรับใบสั่งจราจรตามกฎหมายเดิมไปพลางก่อน (ตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องเกณฑ์ค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ พ.ศ.2563) เพื่อให้เวลาประชาชนได้ปรับตัวและปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง 

ตัวอย่างเช่น 

ข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

โทษสูงสุดตามกฎหมายใหม่มีโทษปรับสูงถึง 4,000 บาท แต่ค่าปรับตามใบสั่งจะกำหนดไว้ที่ 500 บาท

ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจะปรับปรุงเกณฑ์ค่าปรับตามใบสั่งให้สอดคล้องกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่  

ข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือปัจจัยเกิดความสูญเสียต่อผู้ขับขี่

ฝ่าฝืนเครื่องหมายทางม้าลาย ขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ตร.จะพิจารณากำหนดอัตราโทษปรับเป็นขั้นบันได ตามจำนวนครั้งและประวัติการกระทำผิดด้วย เช่น ทำผิดครั้งที่ 1 โทษปรับตามใบสั่ง 500 บาท 

หากทำผิดข้อหาเดิมเป็นครั้งที่ 2 โทษปรับตามใบสั่งเป็น 1,000 บาท เป็นต้น 

ทั้งนี้ ใบสั่งทุกใบจะถูกกำกับโดยระบบฐานข้อมูลใบสั่งที่เรียกว่า PTM (Police Ticket Management) ซึ่งจะระบุจำนวนค่าปรับตามเกณฑ์ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ในใบสั่งทุกใบ ดังนั้น ค่าปรับจึงเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

นอกจากนี้กรณีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ตร.ได้พิจารณาตามหลักกฎหมายแล้ว จะไม่นำประวัติการกระทำผิดที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 5 กันยายน 2565 มาประกอบการพิจารณาเพิ่มโทษ แต่จะเริ่มบันทึกประวัติการทำผิดครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.2565 เป็นต้นไป

สำหรับการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามมาตรฐาน SOP การตั้งจุดตรวจงานจราจร ตามที่ ตร. ได้กำหนดไว้แล้วอย่างเคร่งครัด 

สำหรับกฎหมายฉบับใหม่ได้เพิ่มอัตราโทษปรับที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยงในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทางไว้ ดังนี้ 

ขับรถเร็วเกินกำหนด

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถย้อนศร

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่สวมหมวกนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น จากอัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เมาแล้วขับ

ทำผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ทำความผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท (ศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ)

การรัดเข็มขัดนิรภัย

รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้ 

รถกระบะ

ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า กรณีเป็นรถกระบะสองตอนผู้โดยสารตอนหลัง ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยด้วย หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัดดังกล่าวข้างต้นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

การนั่งบริเวณแคป หรือนั่งท้ายกระบะ

สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยแต่ต้องนั่งไม่เกินจำนวนที่กำหนดในลักษณะที่ปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศกำหนดซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธ.ค. 2565 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ


วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สปาเกตตี้-ชาไข่มุก พาทัวร์ลง ฮีบี เถียน (Hebe Tien)

ดาราสาวชื่อดังชาวไต้หวัน ฮีบี เถียน (Hebe Tien) โดนทัวร์จีนลง หลังจากโพสต์รูป กินสปาเกตตี้-ชาไข่มุกช่วงที่กำลังมีประเด็น แนนซี เพโลซี ประธานสภาสหรัฐไปไต้หวัน


ด้วยความทีประเด็นดราม่า ระหว่าง จีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ ค่อนข้างดุเดือดในโลกออนไลน์ และมีความอ่อนไหว ส่งผลต่อทิศทางในบริบทโลก  ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเองก็มีส่วนที่ถูกดึงไปเกี่ยวข้องกับดราม่านี้ รวมถึงบรรดาศิลปิน-ดารา ที่มีชื่อเสียงเองก็เช่นกัน 

ล่าสุดดาราสาวชาวไต้หวัน อย่าง ฮีบี เถียน (Hebe Tien) หนึ่งในสมาชิกวง S.H.E. ซึ่งเคยโด่งดังมากในยุค 2000 ที่มี เซลิน่า เหริน และ เอลล่า เฉิน นางเอกซีรี่ส์ดัง ปิ๊งรัก สลับขั้ว ก็โดนพิษจากดราม่านี้เช่นกัน

หลังจากที่ ฮีบี เถียน โพสต์รูปของตัวเอง ขณะกำลังเอร็ดอร่อยกับ สปาเกตตี้ และชานมไข่มุก ทำให้ชาวเน็ตจีนหลายคนไม่พอใจ และไปโจมตีเธอ ตีความว่าเธอกำลังสนับสนุนเรื่องที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาสหรัฐ เดินทางไปเยือนไต้หวัน เพราะตีความว่า สปาเกตตี้ = อเมริกา และ ชานมไข่มุก = ไต้หวัน

ซึ่งประเด็นที่ดูเล็กน้อยจากการถูกตีความนี้ ทำให้จากเดิมที่อินสตาแกรมของ ฮีบีมีคนติดตามถึง 1.4 ล้าน ลดเหลือ 1.2 ล้าน คาดว่าเกิดจากการที่แฟนคลับชาวจีนหลายคนไม่พอใจและกดยกเลิกการติดตามเธอ 

อย่างไรก็ตาม ฮีบี เถียน ก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไรถึงประเด็นที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจาณ์ขึ้น เพียงแต่ได้ลบรูปที่เป็นปัญหาออกไปจากบัญชีเท่านั้น  โดย ฮีบี เถียน เป็นดาราชาวไต้หวัน ที่มีผู้ติดตามใน weibo สูงถึง 13 ล้านคน

ที่มา: MSNappledaily

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2565

'ขุน'เคลียร์ค่าเสียหายสาว อึ้งต่อกลางรายการเหลือสองหมื่น 'กรรชัย' จ่ายให้อีกหมื่น

‘ขุน ชานนท์’เคลียร์ขับรถชนวัยรุ่นสาว อ้างมองไม่เห็น-ไม่ได้หนี แม่ผู้เสียหายอยากให้มาชดใช้ อึ้งต่อค่าเสียหายเหลือ 2 หมื่น ‘กรรชัย’ ควักจ่ายให้อีกหมื่น 


จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก ‘หมอแล็บแพนด้า’ โพสต์เรื่องราว ดาราชายขับรถชนจยย.วัยรุ่น จนแขนผิดรูป ตอนแรกบอกจะชดใช้ทุกอย่าง แต่ติดต่อไปขอจ่ายค่าทำขวัญ 10,000 บาท จบเรื่องและท้าผู้เสียหายไปแจ้งความ ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.65) รายการโหนกระแส ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย ได้โทรฯ หาดาราหนุุ่ม ขุน ชานนท์ ที่เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เพิ่งทราบเรื่องว่ามีการตามหาตัวอยู่ ตอนนี้ไปถ่ายรายการที่แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และไม่มีสัญญาณมือถือ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 25 เม.ย. วันนั้นตนจะไปเอารถอีกคัน เพื่อขึ้นเขา จุดเกิดเหตุได้ทำถนนและเป็นทางแยก จึงเลี้ยวซ้าย ก่อนน้องมาชนรถของตน จึงจอดรถไปดูและยกรถจักรยานยนต์ของน้องขึ้นมา ก่อนให้แฟนของตนคุย จากนั้นขับรถตามไปส่งที่คอนโด

“วันนั้นยังไม่ได้คุยเรื่องค่าเสียหาย แต่ให้เบอร์และถ่ายบัตรประชาชนของขุนไปด้วย ส่วนเรื่องค่าเสียหายตามจริง ถ้าผมผิดจริงก็พร้อมรับผิดชอบ ยอมรับจุดเกิดเหตุเป็นทางเบี่ยง เพื่อจะเข้าทางตรง ที่สำคัญเป็นจุดบอดด้วย ถ้าขุนผิดก็พร้อมรับผิดชอบ ส่วนตัวก็เพิ่งเห็นคลิปวันเกิดเหตุเช่นนั้น

ด้านแม่ผู้เสียหาย กล่าวว่า แม่ไม่ได้ติดใจขุน เพราะลงมาช่วยและไม่ได้หนี แต่อยากให้มาชดใช้ค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะน้องผู้หญิงขอให้พูดดีๆ หน่อย เบื้องต้นแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น ยังไม่ได้แจ้งความ โดยขอแค่ 2 หมื่นและจบเรื่องเลย ทั้งที่ค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถรวมแล้วเกือบ 3 หมื่นบาท แต่น้องผู้หญิงบอกไหวแค่ 1 หมื่นบาท

“ตอนนี้อยากไกล่เกลี่ยและคุยกันดีๆ ส่วนตัวไม่อยากขึ้นศาล โดยนัดที่สน.หัวหมาก เพื่อพูดคุยกัน ซึ่งยังไม่ได้แจ้งความ แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น โดยอยากให้หนุ่ม กรรชัย เป็นพยานว่าจะให้ขุนมาพูดคุยตกลงเจรจากันวันหลัง”

หลังจาก พิธีกรดังตกลงยอมเป็นพยานในเรื่องนี้ให้ พร้อมถามและเจรจาชดใช้กับดาราหนุ่มขุน ชานนท์ ที่ค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถรวมแล้วเกือบ 3 หมื่นบาทจะจ่ายทั้งหมดเลยหรือไม่

ก่อนขุน ชานนท์ กล่าวว่า ขอต่อเหลือ 2 หมื่นละกัน โดยแม่ผู้เสียหายก็ตกลง ส่วนอีก 1 หมื่นแม่ผู้เสียหายจะหาเงินมาเอง ทำให้หนุ่ม กรรชัยบอกว่า อีก 1 หมื่นบาทเดี๋ยวตนจ่ายให้เอง

ขณะที่ ขุน ชานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนขอโทษแม่ที่ทำให้ไม่สบายใจ ขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจและมองไม่เห็น ขอให้หายไวๆ โดยจะลงจากเขาในวันที่ 30 เม.ย.

ที่มา ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565

"อดีตผู้พิพากษา" เดือดประกาศท้า "ทนายเดชา" ช่วยฟ้องหน่อยอยากดังกับเขาบ้าง

"อดีตผู้พิพากษา" เดือดจัดประกาศท้าชน "ทนายเดชา" ฟ้องเลย อยากพิสูจน์ความจริง เพราะคาใจคดีแตงโมเรื่องนี้เรื่องเดียว


ภายหลังการแถลงข่าวการสรุปสำนวนการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ดูเหมือนว่าจะมีปฏิกิริยาออกมาจากหลายฝ่าย ทั้งพอใจและไม่พอใจ จากการเปิดคลิปข้อเท็จจริงบางส่วน และเผยไทม์ไลน์การเสียชีวิต โดยระบุว่า แตงโมเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ ส่วนแผลเข้ากันได้กับใบพัดเรือ พร้อมสั่งฟ้องผู้ต้องหา 6 ราย 


ล่าสุด นายชนบท ศุภศรี "อดีตผู้พิพากษา" โพสต์เฟซบุ๊ค กฎหมายชนบท ประกาศท้าฟ้องผมเลยครับ ระบุว่า ผมคาใจเรื่องบาดแผลที่เกิดขึ้นประมาณ 22-23 จุด ของน้องแตงโม (คนอื่นเขาไม่กล้าพูดถึงเพราะเขากลัวโดนฟ้อง) ทนายเดชาและคุณแม่ กรุณาฟ้องผมได้เลยครับ ผมยินดีตกเป็นจำเลย ผมยินดีติดคุก เพราะผมไม่มีอะไรที่จะต้องสูญเสียอีกต่อไป ผมท้าให้ "ทนายเดชา" ฟ้องผม ผมไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ในอดีตผมเคยใช้ปากกาเขียนสั่งให้คนติดคุกติดตารางมาเป็นร้อย ๆ คน คราวนี้ผมโดนเสียบ้างก็ดี กล้า ๆ หน่อย 



"อดีตผู้พิพากษา" ระบุว่า ทั้งพี่ไทด์ และคุณหญิงหมอพรทิพย์ อาจกลัวว่าจะถูกฟ้อง และครอบครัวจะเดือดร้อน แต่ผมไม่กล้ว ผมอายุ 73 แล้ว ชีวิตผมผ่านมาเยอะแล้ว ครับ หลายคนที่ผมรักและรักผม เตือนผมว่า อย่าเข้าไปยุ่ง มันไม่คุ้ม แต่ผมคิดว่าคุ้ม อย่างน้อยผมก็จะได้เอาไปสอนลูกศิษย์ของผมว่า ผมมีประสบการณ์ตรง ผมไม่เคยหิวแสง ไม่เคยหาผลประโยชน์กับการเสียชีวิตของน้อง แตงโม การที่ผมโพสต์ว่า ผมยินดีจะว่าความให้คุณแม่โดยขอคิดค่าว่าความเพียง 100 บาท ก็เพื่อไม่ให้ผิดมารยาททนายความ ไม่ใช่ว่าคุณแม่ไม่จ้างผม


คุณ "ทนายเดชา" คุณรู้ไหมมีการติดต่อให้ผมว่าความให้น้องแตงโมก่อนทนายกฤษณะเสียอีก ผมมีพยานหลักฐานและคลิปที่คุณพูดถึงผม คุณรู้ไหมผมมีวิธีที่จะทำให้คุณแม่ได้เงิน 30 ล้านบาท และผู้ต้องหาทั้ง 6 คน รอดคุก ทุกอย่างวินวิน แต่ผมเลือกจะไม่ทำ เพราะผมกระดากใจ

รีบฟ้องผมเถอะครับ ผมยินดีไปรับสำเนาคำฟ้อง และหมายเรียกที่ศาลด้วยตนเอง เรามาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและพิสูจน์กันไหมครับว่า บาดแผลของน้องทั้ง 22-26 จุด เกิดจากอะไร ผมจะได้ดังเสียที...ครับ

ที่มา คมชัดลึก

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565

ทนายตั้ม ขอเสี่ยงเผยนักการเมืองลวนลามนศ.สาว นับสิบราย

“ทนายตั้ม” โพสต์เฟสบุ๊กระบุมีเหยื่อนศ.สาว ร้องต่อตนว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดัง ลวนลาม มีเหยื่อติดต่อเข้ามาเพิ่มเกือบ10ราย ลั่นหลักฐานแน่น ยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทเผยความจริง 


วันนี้ (14 เม.ย.) เวลา 12.50 น. นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยข้อความทางเพจเฟซบุ๊ก ถึงกรณีนักศึกษาสาว ถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดังอนาจาร โดยข้อความระบุว่า “อัพเดทข่าวเบื้องต้น รองหัวหน้าพรรคดัง มีพฤติกรรมชอบลวนลามเด็กสาววัย 18 เหยื่อติดต่อเข้ามาในไลน์ษิทราลอส์เฟิร์มนับสิบราย นอกจากนั้นในเพจข่าวยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในขณะเรียนอยู่ลอนดอน ประเทศอังกฤษก็มีพฤติกรรม Sexual Harrasment [ในกระทู้ข่าวเขียนถึง Rape ซึ่งแปลว่าข่มขืน] สำหรับผมมองว่าในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นอันตรายกับเด็กผู้หญิงหลายคน เท่าที่ดูคือชอบเรียกเด็กเข้ามาฝึกงาน แล้วจบด้วยการแต๊ะอั๋ง บางคนถึงขนาดกระทำชำเราและกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า เหยื่อแต่ละคนไม่กล้าดำเนินคดี เพราะพ่อของผู้กระทำความผิดมีตำแหน่งใหญ่โต แบ็คดี

วันนี้ผมเลยขอเสี่ยงเปิดเผยความเป็นจริงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ยังไงผมขอให้ทางพรรคทำการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยครับ ส่วนเจ้าตัวไม่ต้องมาชี้แจงอะไรกับผมหรอก ไปตามหมายเรียกก็พอ เพราะเหยื่อเริ่มทยอยไปให้การกับเจ้าหน้าที่แล้ว ตัวผมยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทครับ ถ้ากล้าก็มา เพราะหลักฐานผมแน่นจริงๆ

#นักการเมืองภัยสังคม #เหยื่อที่เคยถูกบุคคลนี้กระทำติดต่อมาได้ตลอดนะครับ”

ต่อมานายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่ใช่ตนเอง พร้อมเตรียมแถลงข่าวด่วนวันนี้ 15.00 น. ที่ลานแม่พระธรณี พรรคประชาธิปัตย์

ล่าสุดเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (14 เมษายน 2565) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย และผอ.ศูนย์การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า ตนรู้สึกช็อก และตกใจกับเรื่องที่เกิดทางโซเชียลมีเดีย ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ หลายข้อกล่าวหาเกิดขึ้น ตนขอปฏิเสธ และไม่ใช่เรื่องจริง หลายคนที่รู้จักตนก็รู้ดีว่าตนไม่ใช่คนแบบนั้น แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวโดยตรงของตนแต่ก็กระทบกับการทำงานในหน้าที่ภารกิจของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนมีตำแหน่งอยู่

“ผมรู้สึกรับผิดชอบในงานของผมที่กระทบกับภาพลักษณ์การทำงานของผม ผมจึงตัดสินใจที่จะลาออกจากทุกตำแหน่งของพรรคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะให้พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่ให้กระทบกับงานของพรรค” นายปริญญ์ กล่าว


วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565

ปิดฉากเส้นทางการเมือง "ปารีณา" ศาลพิพากษาห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต

"ปารีณา ไกรคุปต์" ให้สัมภาษณ์เสียงสั่น หลังศาลฎีกาพิพากษา ผิดจริยธรรมร้ายแรงจากกรณีรุกป่าราชบุรี สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี และห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต




วันนี้ (7 เม.ย. 65) ศาลฎีกา นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม

โดยศาลฎีกามีคำพิพากษา น.ส.ปารีณา มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง และ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 64 รวมทั้งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี เเละไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง เเละดำรงตำเเหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก คณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดว่า น.ส.ปารีณา ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นส.ส. กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม และกรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมโดยให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย

ทั้งนี้ตาม พระราชบัญัติประกอบรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ระบุว่า ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือ สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหน่งทางการเมืองใดๆตลอดชีวิต

ล่าสุด หลังจากที่ศาลพิพากษา ปารีณา ไกรคุปต์ ปรากฏว่าในไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มี ส.ส.เข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา จนกระทั่งเวลา 10.21 น. น.ส.ปารีณาได้ออกจากไลน์ของกลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อ น.ส.ปารีณา ตั้งแต่รู้ผลมติศาลชี้ออกมาก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งเวลา 13.45 น. น.ส.ปารีณา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า “ตอนนี้ยังไม่เจอใคร ยังไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ ตัวชา กำลังทำใจอย่างเดียว ไม่ต้องทำพื้นที่แล้ว เพราะเหมือนคนตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสภาให้ไป ไม่มีไก่ให้เลี้ยง ไม่เหลืออะไรแล้ว”

ที่มา โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า



วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2565

ช็อก! ‘บีม ปภังกร’ พระเอกซีรีส์ ‘เคว้ง’ เสียชีวิตกระทันหัน

เกิดเหตุช็อกวงการบันเทิงอีกครั้ง เมื่อนักแสดงหนุ่ม “บีม ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์” จากไปอย่างกระทันหัน หลังผู้ใกล้ชิดพบพระเอกหนุ่มนอนหลับปลุกไม่ตื่น จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลหมอพยายามกู้ชีพแต่ไม่เป็นผล


เมื่อวานนี้(23 มี.ค.2565) ผู้สื่อข่าวได้รายงานข่าวช็อกวงการบันเทิงอีกครั้งว่า นักแสดงหนุ่ม”บีม ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์” ได้เสียชีวิตแล้ว โดยมีรายงานเบื้องต้นว่า อย่าได้พบนักแสดงหนุ่มนอนหลับอยู่ จึงพยายามปลุกแต่ไม่รู้สึกตัวตื่น จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล พยายามกู้ชีพแต่ไม่เป็นผลทำให้นักแสดงหนุ่มจากไปอย่างสงบ

”บีม ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์” เกิดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2539 มีผลงานมากมาย ทั้งเรื่องบนเตียง (Sleepless Society: Bedtime Wishes), น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์, สัมผัสพิศวง ตอน โจ๋ผู้กล้า, เรื่องลับหลัง, Mister Merman แฟนฉันเป็นเงือก, Project S The Series ตอน Spike, บางระจัน, Blue Wave และล่าสุด บีม ได้เป็นพระเอกในซีรีส์ เรื่อง “เคว้ง” ที่ฉายทางเน็ตฟลิกซ์ 


ขณะที่กำลังรอการแถลงอย่างเป็นทางการจากต้นสังกัด และทางครอบครัวของพระเอกหนุ่ม ผู้จัดการส่วนตัวของดาราหนุ่ม ได้เปิดเผยว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากคุณแม่กับน้องอยู่คนละที่กันวันนี้คุณแม่ไม่สามารถติดต่อน้องได้ทั้งวันเลยเดินทางไปหาที่คอนโดฯ ตอนเย็นแล้วพบว่าน้องหลับไปเฉยๆ ตอนนี้ก็ต้องรอทางคุณหมอชันสูตร ส่วนการจัดพิธีนั้นตอนนี้ยังไม่ทราบอะไรเลยเพราะทุกคนยังช็อกกันหมด เพราะเพิ่งจะทราบเรื่องกันเมื่อตอนเย็น เบื้องต้นน้องเป็นคนสุขภาพแข็งแรง เลยต้องรอผลชันสูตรจากทางคุณหมอและเจ้าหน้าที่ก่อน หลังจากนั้นจะแจ้งให้ทราบอีกที”

ขณะที่นักแสดงสาวและผู้จัดละครมากฝีมือ โดนัท มนัสนันท์ ได้โพสต์ภาพคู่ บีม ปภังกร พร้อมข้อความสุดอาลัยถึงพระเอกหนุ่มด้วยว่า "ถึงน้องบีม..พี่ไม่คิดว่ารูปนี้จะเป็นรูปเดียวและรูปสุดท้ายที่เราถ่ายด้วยกัน วันนี้พี่เสียใจมาก ซีรีส์เรายังไม่ทันฉายเลย วันนี้น้องไม่อยู่แล้ว มันยากมากสำหรับพวกเราทุกคนจริงๆ พี่อยากให้ตอนจบคือเหมือนในหนังได้มั้ย พี่พูดไม่ออกเลย ไม่ว่าบีมจะไปอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ขอให้น้องรู้ว่าน้องอยู่ในใจพี่เสมอ พี่ดีใจมากๆที่เราได้ทำงานด้วยกันแล้วก็รู้จักกัน พี่รักและคิดถึงบีมนะ จากพี่โดนัท"

โดยมี จ๋า ยศสินี ผู้จัดละครดัง เข้ามาคอมเมนต์สุดเศร้าในการสูญเสียพระเอกบีมกะทันหันด้วยว่า 

"ฮืออออ น้องกำลังจะลงละครจ๋าด้วย ซึ่งสาวโดนัท ก็ได้ตอบคอมเมนต์อิโมจิน้ำตาไหลหนัก พร้อมข้อความด้วยว่า @yossiebistro น้องเป็นเด็กตั้งใจมากๆ"

ขณะที่ ดีเจอ๋อง ก็เข้ามาคอมเมนต์ร่วมแสดงความเสียใจด้วยว่า 

"พี่โด..เราช็อคมากกกกกก เสียใจมากกก"

นอกจากนี้ ยังมีคนบันเทิงได้เข้ามาคอมเมนต์แสดงความอาลัยต่อการเสียชีวิตพระเอก ”บีม ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์” เป็นจำนวนมาก

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้(24 มี.ค.65) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการสอบถามข้อมูลพ.ต.อ.กันตภณ โพธิ์อ๊ะ ผกก.สน.วังทองหลาง ยืนยันข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายเล่นฟุตบอลช่วงเวลาประมาณ 20.00 – 22.00 น. จากนั้นไปรับประทานอาหารที่ร้านข้าวต้ม เวลา 23.30 น. เข้าที่พักและเสียชีวิตอีกวันหนึ่ง ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการก่อเหตุ ทั้งนี้ รอผลชันสูตรแพทย์นิติเวชชันสูตรพลิกศพยืนยันการเสียชีวิตโดยละเอียดต่อไป

ที่มา ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2565

ด่วน "สรพงษ์ ชาตรี" เสียชีวิตแล้ววันนี้

สุดอาลัย "สรพงษ์ ชาตรี" ปิดตํานานพระเอกดังในวัย 71 ปี ด้วยโรคมะเร็งปอด หลังจากเคยเข้าห้องไอซียูจากการที่กินกล้วยน้ำว้าแล้วสำลัก และรักษาจนมีอาการดีขึ้น




วงการบันเทิงไทยที่เพิ่งจะสูญเสียนักแสดงสาว "แตงโม นิดา" ไปไม่นาน ล่าสุดพระเอกระดับตำนานอย่าง "สรพงษ์ ชาตรี" ก็มาจากไปอีก ด้วยโรคมะเร็งปอดในวัย 71 ปี เรียกว่าเป็นอีกข่าวช็อกวงการบันเทิงไทย

โดยวันนี้ (10 มีนาคม 2565) เวลา 15.51 น. "สรพงษ์ ชาตรี" ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ในปี พ.ศ. 2551 ที่ได้เข้ารับการรักษาตัวจากโรคมะเร็งปอดมาหลายปี ได้จากไปอย่างสงบที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยทางครอบครัวจะนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร 

เมื่อไม่นานมานี้ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" และ "เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" เคยออกมาชี้แจงแทนครอบครัวว่า "สรพงศ์ ชาตรี" ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด มาประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว โดยที่เชื้อมะเร็งมีการลุกลามไปที่อื่นจริงและรักษาตัวตามอาการมาเรื่อยๆ ส่วนที่ต้องเข้าห้องไอซียู เนื่องจากกินกล้วยน้ำว้าแล้วสำลัก 

นอกจากนี้ "ขวัญ พิมพ์อัปสร เทียมเศวต" ลูกสาวพระเอกดังก็ได้ออกมาอัปเดทอาการของคุณพ่อผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กว่า "ขอบคุณทุกความห่วงใยล้นหลามที่ส่งมาให้คุณพ่อนะคะ คุณพ่อกำลังใจดีมาก หน้าตาสดใส แรงเยอะเหมือนเคย ชอบกินกับข้าวสมัยเด็กที่คุณป้าทำไปให้ และกระยาสารทของโปรดที่ขวัญเอาไป ฝากส่งกำลังใจให้คุณพ่อหายไวๆ ด้วยนะคะ ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ และขอโทษที่ไม่ได้บอกใคร ตามความประสงค์ของคุณพ่อที่ไม่อยากให้ใครเป็นห่วงนะคะ ขวัญยุ่งมากไม่ได้รับสายใครเลย ต้องขออภัยด้วยค่า"

ล่าสุด อดีตพระเอก นักแสดงรุ่นใหญ่ชื่อดัง "สรพงศ์ ชาตรี" หรือ "เอก สรพงศ์" วัย 71 ปี เสียชีวิตลง ด้วยโรคมะเร็งปอด วันนี้ เวลา 15.51 น. ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว เพื่อนในวงการ และแฟนละคร

"สรพงศ์ ชาตรี" เริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางบันเทิงในปี 2512 ได้ชิมลางเป็นนักแสดงตัวประกอบในละครโทรทัศน์ ก่อนที่จะมีโอกาสมาแสดงภาพยนตร์เรื่อง "สอยดาว สาวเดือน" โดยรับบทเป็น "ลูกน้อง" ของนักเลงที่มีชื่อเสียงในเรื่อง ตอนนั้นออกมาเล่นเพียงแค่ฉากเดียวโดยไม่มีบทพูดอะไรเลย จากนั้นเจ้าตัวก็มีผลงานหลายเรื่องต่อเนื่อง และสามารถก้าวมาเป็นพระเอกชื่อดังที่อยู่ในวงการมายาวนานกว่า 50 ปี

หลังต้องเข้ารักษาโรคมะเร็งปอด ทำให้"สรพงศ์ ชาตรี"ต้องหายหน้าจากวงการไปหลายปี ก่อนทิ้งผลงานภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายให้แฟนๆได้ชมกันเรื่อง "เปรต อาบัติ" ปี 2560 และภาพยนตร์เรื่อง "เรื่อง ผี เล่า" ในแพลตฟอร์มดังอย่าง "เน็ตฟลิกซ์" นอกจากนี้ยังละครมากมาย อาทิ มือปราบข้าวสารเสก (ช่อง 3) , อุ้มรักเกมลวง (ช่องวัน) , สัญญารักสัญญาณลวง (ช่อง 3) ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เดอะซีรีส์ ภาคศึกล้างแผ่นดิน (ช่องโมโน 29) , เพลิงภริยา (ช่อง 8) , เสียดาย (รับเชิญ)

กรีพงษ์ เทียมเศวต, ชื่อเล่น เอก หรือ ชื่อในการการแสดง สรพงศ์ ชาตรี เป็นนักแสดงชายชาวไทยที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในช่วงปลายยุค 70 ถึงกลางยุค 80 เขาได้รับเลือกเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ในปี พ.ศ. 2551 

สรพงศ์ ชาตรี เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2493, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เสียชีวิตเมื่อ: 10 มีนาคม 2565 

ที่มา www.komchadluek.net, วิกิพีเดีย


วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ด่วน! รัสเซียระดมยิงขีปนาวุธถล่มทั่วยูเครน หลังประกาศสงครามเมื่อเช้ามืดวันนี้

หลังปูตินประกาศสงครามไม่กี่ชั่วโมง กองกำลังรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายทั่วยูเครน โดยมีรายงานว่ารัสเซียส่งทหารชุดปฏิบัติการพิเศษมาแล้ว


วันนี้เดลี่เมลรายงานว่า กองกำลังรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธ โจมตีเป้าหมายในกรุงเคียฟ เมืองหลวง และหลายเมืองทั่วประเทศยูเครน หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ประกาศสงคราม ใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ในภูมิภาคดอนบัส ทางภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ (24 ก.พ. 65) ตามเวลาท้องถิ่น  

ขณะที่ เมืองมารีอูปอล เส้นทางสู่ทะลดำของยูเครน ที่อยู่ห่างจากชายแดนรัสเซียประมาณ 50 ไมล์ได้ถูกโจมตีอย่างหนัก ขณะที่ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นทางภาคกลางของยูเครน รวมถึงเมืองโอเดสซา ทางภาคใต้ หลังจากประธานาธิบดีปูตินประกาศสงคราม ใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน

เดลี่เมลอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ใช่ทางการรัสเซียได้รายงานว่า ปฏิบัติการโจมตีของรัสเซียในช่วงเช้าวันนี้ พุ่งเป้าโจมตีเป้าหมายทางทหารและเป้าหมายยุทธศาสตร์สำคัญทั่วประเทศยูเครน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียได้ส่งทหารชุดปฏิบัติการพิเศษและเครื่องบินลำเลียงบรรทุกทหารมาลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติบอรีสปิลในกรุงเคียฟ ท่ามกลางการสู้รบปะทะกันอย่างหนักหน่วง.

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2565

เช็กด่วน "คนละครึ่งเฟส 4" ใครต้องลงทะเบียนรอบใหม่


"คนละครึ่งเฟส 4" เปิดรับเพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ์ เช็กคุณสมบัติก่อนเข้าร่วมโครงการ คนที่เคยได้รับสิทธิ์คนละครึ่งเฟส 3 ต้องยืนยันรับสิทธิ์ ใช้สิทธิ์ตามกำหนด ไม่เช่นนั้นอาจชวดเงิน 1,200 บาท


หลังจากที่ คณะรัฐมนตรี ได้มีมติอนุมัติกรอบวงเงิน 34,800 ล้านบาท สำหรับโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 หรือ คนละครึ่งเฟส 4 โดยมีระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 30 เม.ย. 65 หรือการดำเนินการ 3 เดือน จำนวน 29 ล้านสิทธิ์ โดยสนับสนุนวงเงินค่าอาหาร, เครื่องดื่ม, สินค้าทั่วไป, บริการนวดสปา, ทำผม, ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะ ยกเว้น สลากกินแบ่ง, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ยาสูบ และสินค้าหรือบริการ

สำหรับโครงการคนละครึ่งเฟส 4 จะมีการรับผู้เข้าร่วมโครงเพิ่ม 1 ล้านสิทธิ์ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาก่อน และผู้ที่เคยร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะต้องทำการการยืนยันสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ มีรายละเอียด ดังนี้

วิธียืนยันสิทธิ์ร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 4

สำหรับผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 มาแล้ว จำนวน 27.98 ล้านคน จะต้องยืนยันสิทธิ์เพื่อเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป จากนั้นเงินจะถูกโอนเข้าแอปฯ เป๋าตัง จำนวน 1,200 บาท ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายได้ทันทีในร้านที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ทั้งนี้ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน โดยมีข้อกำหนดดังนี้

1. ประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 27.98 ล้านคน จะต้องยืนยันสิทธิ์เพื่อเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

2. จะต้องเริ่มใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่งเฟส 4 ภายในวันที่ 28 ก.พ. 65 เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ์ โดยสิทธิ์ที่เหลืออาจจะนำมาพิจารณาเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง ซึ่งหากยังประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องลงทะเบียนเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป

3. หากยืนยันสิทธิ์และใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ครั้งแรกในระยะที่กำหนดสามารถใช้สิทธิ์ดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2565

สำหรับผู้ไม่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาก่อน ต้องมีคุณสมบัติ และ วิธีลงทะเบียน ดังนี้

ประชาชนที่มีสัญชาติไทย

อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

มีบัตรประจำตัวประชาชน

ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 25 ม.ค. 2565

ไม่เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิ์โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2

ทั้งนี้ ประชาชนที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือ "แอปฯ เป๋าตัง" ได้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 จนกว่าจะครบจำนวนประมาณ 1 ล้านสิทธิ์ โดยหลังการตรวจสอบสิทธิ์แล้ว เงินจะถูกโอนเข้าแอปฯ เป๋าตัง จำนวน 1,200 บาท ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 และสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ทันที ทั้งนี้ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน.

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2565

คนละครึ่งเฟส 4 เคาะแล้ว!! ลงทะเบียน 14 ก.พ. เริ่มใช้ 21 ก.พ. นี้

นายกฯ สั่งเร่งออก คนละครึ่งเฟส 4 เร็วขึ้น ลงทะเบียน 14 ก.พ. ใช้เงินได้ 21 ก.พ. 65 ช่วยลดค่าครองชีพ-กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ


วันนี้(15 มกราคม 2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกระแสข่าวที่ว่า จะมีการให้ประชาชนกลุ่มเก่าที่เคยได้รับสิทธิกดยืนยันสิทธิ และให้ประชาชนกลุ่มใหม่จำนวน 5 ล้านคนลงทะเบียนเข้าร่วมจะมีการเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ในวันที่ 16 มกราคม 2565 นี้ ไม่เป็นความจริง ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ

พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังได้กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ห่วงใยประชาชนทุกกลุ่มทุกสาขาอาชีพ สั่งเร่งบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ยังส่งกระทบภาพรวมกับเศรษฐกิจไทย

โดยมอบหมายกระทรวงการคลังเร่งรัดโครงการฯ ให้เร็วขึ้นจากเดิมที่ได้กำหนดระยะเวลาการออกมาตรการไว้ประมาณช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2565 ความคืบหน้า

นายธนกรกล่าวต่อว่า 

ทั้งนี้ ความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 4 หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 เห็นชอบโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นกำลังซื้อประชาชน

โดยล่าสุด ทางกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ได้นำเสนอเรื่องดังกล่าว ให้แก่คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดการดำเนินโครงการ เช่น จำนวนสิทธิที่จะเข้าร่วมโครงการ วันแรกที่จะเปิดรับลงทะเบียนซึ่งเบื้องต้นจะสามารถเปิดลงทะเบียนวันที่ 14 ก.พ. 2565 และเริ่มใช้จ่ายได้ในวันที่ 21 ก.พ. 2565

นายธนกรกล่าวว่า สำหรับเงื่อนไข และรายละเอียดว่าจะได้รับตัววงเงินสิทธิ์เท่าใดนั้น ต้องให้คณะกรรมการกลั่นกรองเคาะอนุมัติวงเงินก่อน จากนั้นก็จะจัดทำแนวทางแล้วนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง จึงสามารถเปิดลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 4 ให้กับพี่น้องประชาชนได้ต่อไป

โดยวงเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จะนำมาจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฉุกเฉิน 5 แสนล้านบาท ที่ถูกจัดไว้เพื่อใช้ในการดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และวงเงินที่ส่งคืนรัฐอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ที่มีผู้ใช้จ่ายไม่เต็มจำนวน

“โครงการคนละครึ่งเฟส 4 นี้ ครอบคลุมกลุ่มคนที่มีแอปเป๋าตัง และผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการใหม่ รวมทั้งโครงการอื่นที่ดูแลกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษควบคู่ไปพร้อมกัน”

นายธนกรทิ้งท้ายว่า โดยจะมีส่วนในการลดภาระของประชาชน ช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการเปิดให้ยืนยันสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ในวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. 2565 เพื่อเป็นของขวัญในวันแห่งความรัก โดยวงเงินที่ให้จะอยู่ที่ 1,000-1,500 บาท มีระยะเวลาการใช้จ่ายประมาณ 2-3 เดือน โดยจะไม่มีการจำกัดจำนวนสิทธิ แต่ผู้ที่เคยได้รับสิทธิแล้วจะต้องกดเพื่อยืนยันรับสิทธิ ไม่ใช่การรับสิทธิโดยอัตโนมัติ ส่วนเงินช่วยค่าครองชีพสำหรับบัตรคนจน และกลุ่มเปราะบางน่าจะมีการช่วยเหลือใกล้เคียงกับคนละครึ่ง 500-1,000 บาท

ที่มา ประชาชาติ, TNNthailand.com

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565

ปู่ ย่า ขับรถพาหลานวัยแปดเดือนติดโควิด ตระเวนหาไม่มี รพ.ไหนรับ

ปู่ ขับรถตระเวน 3 จังหวัด พาย่าและหลาน 8 เดือน ที่ติดโควิด หาโรงพยาบาลรักษา แต่ไม่มี รพ.ไหนรับ เนื่องจากเตียงเต็มและไม่มีหมอรักษาเด็ก


นายเอกภพ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กู้ชีพเข้าตรวจอาการเด็กหญิงวัย 8 เดือน ผลปรากฏว่ามีค่าออกซิเจนในเลือดที่ต่ำมากๆ วัดไข้ได้ 38 องศา เด็กมีอาการหายใจติดขัด จึงให้ทีมงานประสานไปยังโรงพยาบาลเด็ก ถนนราชวิถี ทันที พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพ่อแม่ที่มีลูกอ่อนให้ระวังเป็นพิเศษ เพราะโควิดระลอกนี้เด็กมีอาการหนักมากและทรุดลงอย่างรวดเร็ว

นายวิรัช ซึ่งเป็นปู่ของเด็ก ได้เล่าว่า เมื่อ 5 วันที่แล้ว ลูกสาวกับลูกเขยติดเชื้อโควิดและไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล โดยช่วง 12.00 น. ของวานนี้(9 ม.ค.65) ตนเองกับภรรยา และหลานสาววัย 8 เดือน ได้ไปตรวจโควิดที่ปทุมธานี จากการตรวจพบว่าย่ากับหลานสาววัย 8 เดือน ติดเชื้อโควิด ส่วนตนเองไม่ติด และโรงพยาบาลแจ้งว่าตอนนี้เตียงเต็ม ต้องรออีก 150 คิว เตียงถึงจะว่าง จึงให้กลับไปกักตัวอยู่ที่บ้าน หรือติดต่อโรงพยาบาลอื่น


จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันเดียวกัน หลานมีอาการหายใจติดขัด ตัวร้อน อาการค่อยไม่ดี แย่ลงเรื่อยๆ จึงตัดสินใจขับรถพาหลานไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่เปิดอยู่ในปทุมธานี กรุงเทพฯ และนนทบุรี โดยให้ลูกช่วยติดต่อประสานตามโรงพยาบาลต่างๆ อีกทาง แต่ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับ เนื่องจากทุกโรงพยาบาลไม่มีหมอรักษาเด็ก จึงตัดสินใจจอดรถรอริมถนนหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนนทบุรี เพื่อรอถึงตอนเช้า หมอเด็กมาทำงาน โรงพยาบาลจะได้รับรักษา โชคดีช่วงประมาณเที่ยงคืนมีเจ้าหน้าที่ของเพจ “สายไหมต้องรอด” ติดต่อเข้าให้การช่วยเหลือ

ที่มา ข่าวสดออนไลน์


วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2565

คนละครึ่งเฟส 4 เริ่มมีนาคมนี้ คนที่ได้สิทธิเฟส 3 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่

เงื่อนไขรายละเอียด คนละครึ่งเฟส 4 เริ่มลงทะเบียน 1 มี.ค. 65 คนที่ได้สิทธิเฟส 3 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ กระทรวงการคลัง ยังไม่เคาะวงเงิน คนที่ใช้สิทธิ์ช้อปดีมีคืนก็เข้าร่วมได้


นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 ม.ค.65 ว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการคนละครึ่งเฟส 4 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค.2565 เบื้องต้นผู้ได้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จำนวน 27.98 ล้านราย ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ เพียงกดยืนยันตนอีกครั้งผ่านแอพลิเคชันเป๋าตัง เหมือนการลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3 ที่ผ่านมา โดยผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนจะต้องสมัครผ่านทางเว็บไซต์คนละครึ่ง ส่วนของวงเงินคนละครึ่งเฟส 4 ยังไม่ได้สรุปว่าจะให้เท่าใด เพราะอยู่ระหว่างรองบประมาณที่จะมาใช้ในโครงการนี้

นายพรชัย ย้ำว่า ผู้ที่ใช้สิทธิช้อปดีมีคืน 2565 ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ม.ค.2565 ถึงวันที่ 15 ก.พ. 2565 โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและค่าบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หนังสือ e-Book และสินค้า OTOP ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2565 ซึ่งจะยื่นแบบและชำระภาษีในช่วงต้นปี ยังสามารถเข้าสมัครเข้าร่วมคนละครึ่งเฟส 4 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค.- 30 เม.ย. 2565 ได้ เพราะช่วงเวลาไม่ทับซ้อนกัน


นายพรชัย กล่าวสรุปว่า “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2563 ทุกมาตรการจบไปแล้ว สำหรับมาตรการปี 2564 คือ ช้อปดีมีคืน และมาตรการคนละครึ่งเฟส 4 มีช่วงเวลาที่ไม่ได้ทับซ้อนกัน ประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิทั้ง 2 มาตราการสามารถทำได้ เพราะว่ามาตรการช้อปดีมีคืนให้สิทธิกับคนที่มีภาระภาษีต้องจ่ายถึงได้ประโยชน์จากมาตรการ ซึ่งมีคนอยู่จำนวนไม่กี่ล้านคน ต่างจากมาตรการคนละครึ่งที่มีคนได้สิทธิ์ในเฟส 3 ประมาณ 28 ล้านคน และจะได้รับข้อความให้ยืนยันคนละครึ่งเฟส 4 ต่อไป” 

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์


วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

WHO ให้ชื่อโควิดพันธุ์ใหม่ "โอไมครอน(Omicron)" ทั่วโลกขานรับปิดน่านฟ้าสกัดแล้ว

องค์การอนามัยโลก WHO ประกาศให้เชื้อโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ที่พบใน บอตสวานา แอฟริกาใต้ เป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล ตั้งชื่อให้ว่า “โอไมครอน” 


เกิดความตื่นตระหนกให้แก่คนทั่วโลกอีกครั้ง หลังจากได้มีการค้นพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ในแอฟริกาใต้ ทำให้มีหลายประเทศระงับการเดินทางเข้าประเทศของนักเดินทางที่มาจากทวีปแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ ความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เชื้อกลายพันธุ์นี้ ฉุดตลาดหุ้นดิ่งลงต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งปี  


โดยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก WHO ได้รับรายงานการพบไวรัสสายพันธุ์นี้ครั้งแรกในแอฟริกาใต้ จึงได้มีการเรียกประชุมด่วนคณะที่ปรึกษาทางเทคนิคด้านวิวัฒนาการเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพื่อประเมินสถานการณ์การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ B.1.1.529 ซึ่งล่าสุดองค์การอนามัยโลกได้ตั้งชื่อเชื้อกลายพันธุ์นี้ว่า โควิดสายพันธุ์โอไมครอน จัดเป็นเชื้อกลายพันธุ์ชนิดที่ 5 ที่ WHO จัดให้เป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล ต่อจากอัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา ขณะที่อีก 2 สายพันธุ์ ได้แก่ แลมบ์ดาและมิว ที่สร้างความกังวลก่อนหน้านี้ ยังเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในความสนใจ แต่มีความร้ายแรงต่ำกว่า

ทั้งนี้ WHO ได้ขอให้ประเทศต่างๆ ดำเนินการเฝ้าระวังและลำดับเหตุการณ์ เพื่อให้เข้าใจถึงการแพร่กระจายของไวรัสสายพันธุ์นี้ พร้อมทั้งให้รายงานเคสผู้ติดเชื้อ คลัสเตอร์แรกเริ่ม ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวลไปยัง WHO เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นของไวรัสสายพันธุ์นี้ ซึ่งคาดว่าภายในไม่กี่สัปดาห์ น่าจะสามารถประเมินความรุนแรงของโรค ความรวดเร็วในการแพร่กระจายเชื้อ และประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ว่าจะรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์ได้มากน้อยเพียงใด

สำหรับประเทศที่เริ่มมีการดำเนินการคุมเข้มหรือระงับการเดินทางจากนักเดินทางจากทวีปแอฟริกาเพื่อสกัดการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ใหม่ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร แคนาดา สหภาพยุโรป อินเดีย ญี่ปุ่น ตุรกี อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้งสิงคโปร์.

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศใหญ่ล่าสุดที่ใช้มาตรการคุมเข้มการเดินทางจากนักเดินทางจากทวีปแอฟริกาและไม่รับผู้เดินทางจากภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ ตามรอยสหภาพยุโรปแล้ว

• สหรัฐอเมริกา บราซิล แคนาดา และซาอุดีอาระเบีย กลายเป็นประเทศล่าสุดที่จำกัดการเดินทางจากแอฟริกาใต้ ซึ่งพบเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ระบุว่าเป็น "สายพันธุ์ที่มีความน่ากังวล" ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของโลกที่จะยุติการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่า

• สหราชอาณาจักรเป็นคนแรกที่มีคำสั่งห้ามบินจากประเทศต่างๆ ในแอฟริกาใต้ตอนใต้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่แอฟริกาใต้เปิดเผยว่าตรวจพบสายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์หลายครั้ง

• ในส่วนของสหรัฐ รัฐบาลเผยว่าจะจำกัดการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศอื่นๆ อีก 7 ประเทศ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์นี้ ในแถลงการณ์ ไบเดนเรียกการตัดสินใจดังกล่าวว่าเป็น “มาตรการป้องกันไว้ก่อนจนกว่าเราจะมีข้อมูลเพิ่มเติม”

• Bloomberg รายงานว่านอกจากแอฟริกาใต้แล้ว ข้อจำกัดดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อบอตสวานา ซิมบับเว นามิเบีย เลโซโท เอสวาตินี โมซัมบิก และมาลาวี นโยบายนี้จะไม่ใช้กับพลเมืองอเมริกันและผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่พวกเขาจะต้องมีผลตรวจเป็นลบก่อนเดินทางไปสหรัฐอเมริกา

• ส่วนแคนาดา ฌอง อีฟ ดือโคลส์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกล่าวกับผู้สื่อข่าวในออตตาวา แคนาดากำลัง “ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของชาวแคนาดา” และกล่าวว่า “เรากำลังห้ามชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านแอฟริกาใต้ตอนใต้ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา เข้ามาในแคนาดา”

• รัฐบาลบราซิลจะสั่งห้ามการเดินทางเข้าประเทศจาก 6 ประเทศทางตอนใต้ของแอฟริกา เนื่องจากการเกิดขึ้นของไวรัส Omicron รัฐบาลกล่าวในแถลงการณ์เมื่อคืนวันศุกร์ การแบนดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ เอสวาตินี เลโซโท นามิเบีย ซิมบับเว และบอตสวานา 

• ชาติอาหรับก็รีบประกาศมาตรการเดียวกันในชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา คือซาอุดีาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, บาห์เรน, จอร์แดน, อียิปต์ รวมถึงอิหร่านและโมร็อคโก ที่ระบุว่าประเทศในแอฟริกาถูกห้ามไม่ให้เข้า คือแอฟริกาใต้ นามิเบีย บอตสวานา ซิมบับเว โมซัมบิก เลโซโท และเอสวาตินี (บางประเทศมีรายชื่อต่างไปจากนี้เล็กน้อย)

• รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมประกาศข้อจำกัดการเดินทางใหม่ในช่วงเย็นวันเสาร์นี้ สถานีโทรทัศน์ Channel 7 ของประเทศรายงานว่า "#7NEWS เข้าใจดีว่าในวันนี้รัฐบาลสหพันธรัฐจะประกาศการเปลี่ยนแปลงการเดินทาง เพื่อตอบสนองต่อสายพันธุ์ใหม่ ใครก็ตามที่อยู่ในแอฟริกาใต้ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาอาจต้องเผชิญกับการกักกันหรือแยกตัว" รายงานระบุบน Twitter เมื่อวันเสาร์โดยไม่ระบุแหล่งข่าว

• ต่อมาข่าวนี้ได้รับการยืนยัน เมื่อ เกรก ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกล่าวกับสื่อมวลชน การบรรยายสรุปว่า ออสเตรเลียจะทำการกักกัน 14 วันสำหรับพลเมืองและผู้ติดตามของพวกเขาที่เดินทางจาก 9 ประเทศในแอฟริกาใต้ตอนใต้ อันเนื่องมาจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่  “ใครก็ตามที่ไม่ใช่พลเมืองของออสเตรเลียหรือผู้ที่อยู่ในความอุปการะ และอยู่ในประเทศแอฟริกาที่ตรวจพบและแพร่เชื้อ Omicron ภายใน 14 วันที่ผ่านมา จะไม่สามารถเข้าออสเตรเลียได้” 

• ส่วนยุโรป ออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ เข้าร่วมสหราชอาณาจักรในการจำกัดเที่ยวบินจากภูมิภาคนี้ และคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ยังเสนอให้ระงับเที่ยวบินไปและกลับจากแอฟริกาใต้โดยสมบูรณ์ จนกว่าจะมี "ความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับอันตราย" ที่เกิดจากสายพันธุ์ใหม่นี้

ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขของแอฟริกาใต้โจมตีประเทศทั่วโลกที่เร่งรีบกำหนดคำสั่งห้ามการเดินทางเพื่อชะลอการแพร่กระจายของเชื้อโควิดชนิดใหม่ โดยมองว่าเป็น "กฎที่เข้มงวดจนผิดธรรมชาติ" ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ และขัดต่อคำแนะนำของ WHO

“เราเชื่อว่าปฏิกิริยาบางอย่างไม่ยุติธรรม” โจ ฟาห์ลา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขแอฟริกาใต้ กล่าวในการแถลงข่าว โดยกล่าวหาผู้นำบางคนที่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่าพยายามที่จะหา “แพะรับบาป”

ทางด้าน อดีตกรรมาธิการขององค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ดร.สก็อตต์ กอตต์เลบ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการจำกัดการเดินทางอันเนื่องมาจากเชื้อโควิด-19 ล่าสุด โดยโพสต์บน Twitter ว่า "การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความพยายามในการกักกันในปัจจุบันและกีดกันการแบ่งปันในอนาคต"

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ฮือฮา เจ้าของร้านบุฟเฟ่ต์ดัง เปิดรับคนล้างจานเดือนละ 90,000 บาท

จากการที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ประกาศ “จ้างเหมาล้างจานร้านเอเชียบุฟเฟ่ต์ เดือนละ 90,000 บาท” ทำให้คนที่เห็นโพสต์นี้ มีความสนใจเพราะถือเป็นรายได้ที่สูงมากหากเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ได้พากันเข้าไปสอบถามรายละเอียดเพราะอยากจะสมัครเป็นคนล้างจานกับอีกส่วนที่เกิดความสงสัยว่าจะเป็นจริงหรือไม่?


เพื่อความกระจ่าง ทางผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริงที่ร้านบุฟเฟ่ต์ดังกล่าว ที่เป็นร้านอาหารสไตล์บุฟเฟ่ต์ตั้งอยู่บริเวณสามแยกกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยได้พูดคุยกับนายอนุวัตร สกุลเนรมิต และ นายไพโรจน์ รุจิวงศ์ สองหนุ่มใหญ่ผู้บริหารร้านเอเชีย บุฟเฟ่ต์ ได้ยืนยันว่าการประกาศรับสมัคร “จ้างเหมาล้างจานร้านเอเชียบุฟเฟ่ต์ เดือนละ 90,000 บาท” ที่เห็นนั้นเป็นเรื่องจริง ค่าตอบแทนเท่านั้นจริงๆ ซึ่งบางคนพอเห็นตัวเลขแล้วจะบอกว่าเป็นรายได้ที่สูงมาก และมีคำถามกลับมาว่าทางร้านกล้าจ้างเหมาคนล้างจานด้วยเงินจำนวนมากแบบนี้ได้อย่างไร

“เรื่องนี้ก็อยากจะบอกว่า ในความเป็นจริงแล้ว ที่ผ่านมาทางร้านก็จ้างคนล้างจานที่เป็นแบบลูกจ้างประจำประมาณ 7 – 8 คน หากคิดเป็นรายจ่ายโดยรวมก็จะอยู่ในเงินจำนวนนี้อยู่แล้ว แต่เนื่องจากลูกจ้างประจำที่เคยจ้างนั้นบางคนขาดความรับผิดชอบ เมื่อเงินออกก็จะหยุดพร้อมๆ กัน ทำให้งานล้างจานไม่เป็นระบบ และสุดท้ายลูกจ้างเหล่านั้นก็ลาออกไปหลายคน ปัจจุบันคงเหลืออยู่แค่ 3 คนเท่านั้น เป็นคนเก่าคนแก่ที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เปิดร้าน จนตอนนี้ทางร้านประสบปัญหาในเรื่องคนงานแผนกล้างจานเป็นอย่างมาก

ดังนั้นทางร้านจึงคิดแก้ปัญหาด้วยการ ประกาศหาคนล้างจานแบบจ้างเหมาในวงเงิน 90,000 บาทต่อเดือน แทนการจ้างลูกจ้างประจำ ส่วนผู้ที่จะมารับจ้างเหมานั้นอยากได้ในรูปแบบบริษัทฯ ที่รับจ้างทำงานด้านนี้ หรือรวมกันเป็นกลุ่มเป็นครอบครัว เพื่อให้การทำงานล้างจานไม่เกิดปัญหาการทิ้งงานตามมาภายหลังและ สามารถล้างจานให้ทันต่อการบริหารจัดการด้านอาหารภายในร้าน ส่วนการจัดคนมาล้างจานจะจัดกี่คนก็ได้ ภายใต้เงินจำนวน 90,000 บาท”

นายไพโรจน์ รุจิวงศ์ บอกอีกว่า สำหรับลักษณะของงานนั้น ก็จะทำเฉพาะแค่ส่วนของการล้างจานเท่านั้น คือ รับจานที่ใช้แล้วเข้ามา จัดการกวาดเศษอาหารออก ล้างน้ำชำระสิ่งสกปรก 1 รอบ จัดภาชนะเข้าเครื่องล้างจานอัตโนมัติ 2 เครื่อง ที่ทั้งล้างทำความสะอาดพร้อมฆ่าเชื้อด้วย เสร็จแล้วก็นำจาน ภาชนะ ชาม ถ้วย ช้อน ส้อม แก้วน้ำ ฯลฯ ที่ล้างสะอาดแล้วออกมาจัดเรียงแยกประเภท พร้อมส่งให้แผนกจัดวางอาหารต่อไป โดยงานนั้นอาจจะหนักในช่วงวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่จะต้องใช้จาน และภาชนะต่างๆ กว่า 10,000 ใบ ส่วนวันธรรมดาลูกค้าน้อยลง งานล้างจานก็จะน้อยตามไปด้วย ดังนั้นทีมที่จะมารับจ้างเหมาล้างจานสามารถบริหารคนให้ตรงกับสภาพงานได้เอง ส่วนรายได้ 90,00 บาท ก็นำไปเฉลี่ยกันตามความเหมาะสมของการทำงานในแต่ละคน

นายไพโรจน์ ยังกล่าวอีกว่า งานนี้แม้ไม่ได้ยากจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ง่ายนัก เพราะช่วงที่ปริมาณภาชนะมากๆ ก็ต้องอาศัยคนล้างจานไม่ต่ำกว่า 7 – 8 คนช่วยกัน ส่วนวันที่ลูกค้าน้อยคนล้างจานก็อาจจะเหลือแค่ 4 – 5 คน ด้านการเข้างาน เลิกงานผู้รับเหมาล้างจานสามารถบริหารจัดการเองได้ แต่ต้องไม่เสียระบบ งานไม่สะดุด มีภาชนะให้ทางร้านหมุนเวียนได้อย่างไม่ขาด ซึ่งการที่ทางร้านประกาศรับสมัครครั้งนี้ เพราะต้องการทีมงานที่ทำงานแบบเป็นระบบ มีความรับผิดชอบสูง โดยใครที่สนใจก็สามารถเข้ามาสอบถามรายละเอียด ศึกษารูปแบบการทำงาน รวมถึงหลักเกณฑ์สัญญาว่าจ้าง และการวางเงินประกันการทำงานได้ที่ร้าน ซึ่งจากที่ลงประกาศทางโซเชียลไป ก็มีการสอบถามเข้ามากันหลายคนแล้ว อาจเป็นเพราะค่าตอบแทนที่ลงไว้สูง แต่นั่นก็เหมาะสมกับงานเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ทางร้านก็ยังคงเปิดรับสมัครอยู่เพื่อให้ได้ทีมงานที่ทำงานได้ตรงตามลักษณะงานและหลักเกณฑ์ของทางร้าน

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ประเด็นร้อน พระมหาไพรวัลย์ ตอบจะไม่อยู่วัดสร้อยทองจริงหรือไม่?

พระมหาไพรวัลย์ เผยอาจจะไม่อยู่วัดสร้อยทองแล้ว ขณะได้พูดคุยกับ พระมหาสมปอง ในไลฟ์ซึ่งมีตอนหนึ่ง พระมหาสมปอง ได้ถามคำถามพระมหาไพรวัลย์ ถึงประเด็นหนึ่ง เกี่ยวกับการลาสิกขาบท


โดยช่วงหนึ่งของการไลฟ์ พระมหาสมปอง ได้กล่าวว่า ขอถามแรง คำตอบของท่านมหาไพรวัลย์ จะเป็นหลักฐานอยู่ในเฟซบุ๊ก ไม่รู้ว่าจะเสียมารยาทหรือไม่ ก่อนจะถามว่า ถ้าท่านเจ้าคุณอุทัยไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส พระมหาไพรวัลย์ จะไม่อยู่วัดสร้อยทองจริงหรือไม่

ทางด้าน พระมหาไพรวัลย์ ตอบว่า ไม่อยู่ครับ โดยระบุว่า ถ้าไม่อยู่เป็นพระก็อยู่เป็นฆารวาส เมื่อพระมหาสมปอง ถามย้ำว่า หมายถึงถ้าไม่อยู่เป็นพระก็คือสีกเลยใช่หรือไม่ พระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่า ก็อาจจะครับพระอาจารย์​ เมื่อถูกถามว่า จะไปทำอะไรเพราะบวชมาตลอด พระมหาไพรวัลย์ เผยว่า ผมไม่จำเป็นต้องเป็นครูเป็นอาจารย์ หรือต้องเป็นอะไรผมไม่อดตายอยู่แล้ว ผมสูงสุดคืนสู่สามัญ​ เป็นหลักการใช้ชีวิตของผมอยู่แล้ว ไม่คืนวันนี้ วันตาย ก็ต้องคืนอยู่ดี มันคือ ธรรมะ

“ผมมาไกล เกินที่ผมจะหวัง จะฝันอะไรแล้ว จากที่เป็นพระตัวดำๆ ไม่หล่อเหลา ไม่ได้ดัง แต่มีคนรู้จักเป็นล้าน ผมพอแล้ว ชีวิตต้องแบกอะไรที่มันเยอะกว่านี้เหรอครับ”​

ขณะที่ พระมหาสมปอง กล่าวว่า สำหรับอาตมาอาจจต้องดีเลย์หน่อย ยังมีอะไรต้องเคลียร์อยู่ ถ้าท่านเจ้าคุณอุทัย ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ขออนุญาตเจ้าอาวาสท่านใหม่ ว่า จะขออยู่ต่อสัก 2 ปี แล้วกัน

เมื่อ มหาสมปองถามว่า จะเข้าเล่นการเมืองหรือไม่ พระมหาไพรวัลย์ ตอบทันทีว่า ไม่เด็ดขาด ผมจะไม่เข้าการเมือง เคยพูดหลายครั้งแล้ว ว่า การพูดประเด็นทางสังคม ช่วยเหลือคน ไม่ได้แปลว่า เราจะเข้าการเมือง คนธรรมดา ไม่สามารถพูดไ้ด้ หรือ ช่วยเหลือสังคมได้เลยใช่หรือไม่

“ถ้าสึกแล้ว ก็มีญาติโยมที่พร้อมจะช่วย หรือทำให้ต่อยอดทำงาน ทำมาหากินได้ ทำออนไลน์ในสิ่งต่างๆ ได้”

ที่มา ข่าวสด



กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...