แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวด่วนล่าสุด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวด่วนล่าสุด แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พีอาร์สาว ร้องนายกฯ ถูกตำรวจเรียกเงิน-ข่มขืน แลกคดียาเสพติด

พีอาร์สาวเข้าร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ช่วยเหลือติดตามคดี อ้างถูกตำรวจ 7 นาย จับคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และถูกเรียกรับเงินกว่า 300,000 บาท และยังได้ถูก 1 ใน 7 ตำรวจได้พาไปข่มขืนที่โรงแรมย่านรังสิต


วันนี้ (12 ธ.ค.2566) หญิงสาวที่ตกเป็นผู้เสียหายพร้อมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางมานำหลักฐานใบแจ้งความ เอกสารใบส่งตัวดำเนินคดี และรายการเดินบัญชีธนาคารมามอบให้กับ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือและติดตามคดี

โดยทางผู้เสียหาย และสามี อ้างถูกตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี 7 นาย บุกค้นตัวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านคลองห้า ถนนรังสิต นครนายก เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพบเคตามีนจำนวนหนึ่ง ก่อนถูกคุมตัวแยกขึ้นรถคนละคันกับสามี จากนั้นตำรวจได้ขอดูยอดเงินในแอปพลิเคชัน ธนาคารในโทรศัพท์ พบว่าเธอมีเงินในบัญชีมากกส่า 360,000 บาท จึงพูดข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีกับเธอและสามีในข้อหาหนัก ก่อนพูดหว่านล้อมเรียกรับเงิน 300,000 บาท แลกกับการดำเนินคดีในข้อหาเสพ ซึ่งมีโทษเบากว่า เธอจึงยินยอมจะจ่ายให้

หลังจากนั้นตำรวจได้พาเธอขึ้นรถตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ตัวเมืองปทุมธานี 200,000 บาท และโอนเงินไปให้บัญชีสามีไปกดเพิ่มอีก 100,000 บาท ในพื้นที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยมีตำรวจประกบตัวอยู่ตลอดเวลา

จากนั้นตำรวจคนที่อยู่บนรถกับเธอแค่สองคน ได้ขอมีเพศสัมพันธ์ โดยอ้างว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยเหลือวิ่งเต้น เธอปฏิเสธแต่ตำรวจข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีหากไม่ยินยอม ก่อนบังคับพาเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งย่านรังสิต จนสำเร็จความใคร่ และขู่บังคับเรียกเงินเพิ่มอีก 300,000 บาท ส่วนสามีถูกส่งตัวดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดไว้เสพ (ยาบ้า 2 เม็ด )

โดยทางด้านสามีผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนถูกตรวจค้นจับกุม ได้ซื้อยาเสพติดมาจากนายกอล์ฟ ที่เคยซื้อขายยาเสพติดกันมาอยู่บ่อยครั้ง คาดว่าเป็นคนชี้เป้าให้ตำรวจเข้ามาจับจนเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น และรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ภรรยาต้องเสียเงินไปกว่า 300,000 บาท และถูกข่มขืน 

หลังรับเรื่อง ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ได้ประสานไปยังโฆษกอัยการสูงสุดและกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยทันที ให้ดำเนินคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อุ้มหายและทรมาน ซึ่งยืนยันว่าตำรวจทั้ง 7 นายนั้นเข้าข่ายการกระทำความผิดอย่างชัดเจน เพราะระหว่างการจับกุมไม่มีการบันทึกภาพวิดีโอเป็นหลักฐานตั้งแต่กระบวนการจับกุมจนถึงขั้นตอนพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ยังได้ประสานไปทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ช่วยตรวจสอบเรื่องเส้นทางยาเสพติดเพิ่มเติม โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบด้วยเพราะถือว่าเป็นการปล่อยปละละเลยทำให้ระบบการทำงานของตำรวจเสียหาย พร้อมย้ำว่าตัวเองจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

ตามรายงานได้แจ้งว่า ตำรวจชุดจับกุมมี ร้อยตำรวจตรี 1 นาย ดาบตำรวจ 3 นาย จ่าสิบตำรวจ 1 นาย สิบตำรวจเอก 2 นาย

โดยทางด้าน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบมีการกระทำความผิดตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างมีโทษทางวินัยและอาญาต่อไป

ที่มา ไทยพีบีเอส

วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

แม่ใจจะขาด เจอคลิปสุดท้าย ก่อนลูกสาวจมน้ำตายร้องให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองหัวเราะกันคิกคัก

แม่ใจจะขาด เห็นคลิปสุดท้ายก่อนลูกสาวจมน้ำตาย ร้องขอให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองบอกปล่อยให้มันตายไปเลย


เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้สูญหายในน้ำ บริเวณบ้านห้วยตาสี หมู่ที่ 6 ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นคลองชลประทานลึกประมาณ 3 เมตร ชุดค้นหาใต้น้ำอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูชัยนาท ได้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงลงค้นหาจนพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.สุรัตวดี อายุ 32 ปี ที่อยู่ตำบลเนินขาม อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท จากนั้นนำร่างส่งมอบญาติดำเนินการทางศาสนา ณ ที่พักสงฆ์ละหานใหญ่เจริญศรี (วัดห้วยตาสี)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นางสุรินทร์ อายุ 52 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต หลังมีคลิปหญิงสาวกำลังจมน้ำแต่ไม่มีใครลงไปช่วยและได้จมน้ำเสียชีวิตต่อหน้าของทุกคน จึงได้มีการแจ้งกู้ภัยช่วยเหลือ โดยผู้เป็นแม่ร่ำไห้สงสัยทำไมคนถ่ายคลิปและคนยืนดูอีกหลายคนไม่ช่วยเหลือ

นางสุรินทร์ เปิดเผยว่า มีความรู้สึกคาใจว่าลูกเราตกน้ำมีคนเห็นเขาน่าจะช่วย วันนั้นเขาไปเล่นน้ำตอนมืดแล้วประมาณ 2 ทุ่ม มีคนเล่าว่าลงเล่นน้ำฝั่งนี้แล้วลื่นไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วไปกอดต้นโสน จากนั้นหลุดจากต้นโสนลอยน้ำไป เขาร้องโอยๆ อยากให้ช่วย แต่มีคนบอกว่าลูกโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่คลิปหลุดมาไม่ใช่การฆ่าตัวตายเพราะลูกร้องให้ช่วย ซึ่งวันเกิดเหตุลูกดื่มเหล้าก่อนที่จะลงเล่นน้ำ

นางสุรินทร์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าลูกจะเป็นผู้ป่วยจิตเวช แต่ตอนเราได้ยินเสียงลูกร้องในคลิปแล้วรู้สึกเจ็บปวด ไม่มีใครช่วยเลย หมาตกน้ำเรายังช่วยเลย นี่คนทั้งคน จะบ้า จะบอ จะดีอะไรก็ตาม เมื่อก่อนเขาเป็นคนดีมาก หลังๆเขาไม่ค่อยสบายเขาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครกินแต่เหล้า ตรงที่เจ็บปวดคือคำว่า “ปล่อยไปเลย ให้มันจมน้ำตายไปเลย มันเรียกร้องความสนใจ ให้มันจมน้ำไปก่อนแล้วค่อยโทรหาปอเต็กตึ๊ง”

ได้ยินเสียงลูกร้อนโอยๆ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ลูกเขาก็ร้องไห้ทำไมเป็นแบบนี้ไม่มีใครช่วยเลย อยากรู้ว่าคนถ่ายคลิปเอาหัวใจอะไรมาใส่ ทำไมไม่ช่วยคนทั้งคน อยู่กันตั้งหลายคน ตอนที่ยังไม่ห่างตลิ่ง หรือโทรหาคนมาช่วยก็ได้หรือตามคนที่บ้านไปช่วยก็ได้

ที่มา สนุกดอทคอม

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

แร็พเปอร์-เน็ตไอดอลดัง ร้องเพลงโปรโมตมาเก๊า 888 ถูกคุมตัวค้นห้องเจอยาเสพติด

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้น 3 จุดใน 2 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. และสกลนครคุมตัวแร็พเปอร์-เน็ตไอดอลดัง ร้องเพลงโปรโมตมาเก๊า 888 เบื้องต้นค้นห้องเจอยาเสพติด 


เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (21 ก.พ.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เปิดปฏิบัติการมาเก๊า888 Ep-6 ปิดล้อมตรวจค้น 3 จุดใน 2 จังหวัด ประกอบไปด้วย กทม. และสกลนคร เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงเครือข่ายพนันออนไลน์มาเก๊า888

โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจุดแรกที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน พบมีผู้อาศัย 3 คน หนึ่งในนั้นมีน.ส.ธันยกานต์ โรจิณ หรือเมย์ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ และเน็ตไอดอลที่อยู่ในโฆษณาเว็บมาเก๊า 888 จากการตรวจค้นพบยาเคตามีน 5 กรัม ซึ่งเป็นของนายพีรวัส โรจิณ น้องชายของน.ส.เมย์ และพบน.ส.พลอย อยู่ในห้องพักด้วย

จากการสอบถามเบื้องต้นได้ให้การว่า เมื่อราวปี 2562 มีคนชื่อ “บิ๊ก” ติดต่อมาว่าจ้างเ พื่อให้โปรโมตเว็บพนันออนไลน์มาเก๊า 888 เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบสวนที่บช.สอท. ในส่วนของยาเสพติดที่พบ นายพีรวัสให้การว่าซื้อมาในราคา 500 บาท จากสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดี

นอกจากนี้ระหว่างการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบรถลัมโบร์กีนีจอดอยู่ที่อาคารจอดรถภายในคอนโดดังกล่าว เมื่อตรวจสอบพบสวมทะเบียนเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเชิญตัวเจ้าของรถมาทำการตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายพนันออนไลน์หรือไม่

จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเข้าตรวจค้นบ้านพัก ซ.ประชาอุทิศ33 แยก10 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร โดยอาศัยอำนาจตามหมายค้นของศาลอาญาที่ 201/2566 ลงวันที่ 20 ก.พ.66 ก่อนเชิญตัวน.ส.มิรา ดุรงคชยานุรักษ์ อายุ 32 ปี มาให้ปากคำ พร้อมตรวจยึดคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือมาตรวจสอบ

จุดที่ 3 ที่จ.สกลนคร เจ้าหน้าที่ตรวจค้นบ้านพัก ต.แร่ อ.พังโคน จ.สกลนคร ซึ่งเป็นบ้านของนายอนุวัฒน์ คำยา หรือเกียร์ แร็พเปอร์หนุ่มที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ AKA “MC KING” จากการตรวจค้นพบนายอนุวัฒน์อยู่ในบ้านดังกล่าว จากการสอบถามเบื้องต้นให้การว่า เป็นผู้แต่งและร้องเพลงประกอบโฆษณาของเว็บไซต์พนันออนไลน์ดังกล่าวจริง จึงนำตัวมาสอบถามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงเครือข่ายพนันออนไลน์มาเก๊า 888

พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้เป็นการขยายผลหาความเชื่อมโยงในคดีของมาเก๊า 888 โดยการตรวจค้นวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้น 3 จุด ในกรุงเทพมหานครและสกลนคร ซึ่งเป็นแร็พเปอร์และอินฟลูเอนเซอร์ที่โฆษณาเว็บพนันออนไลน์ โดยจะทำการสอบปากคำและ แถลงข้อเท็จจริงต่อไป

ทีมา ข่าวสด


วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2566

ทนายดังเผยสงสารดีเจมะตูม น่าจะโดนหลายข้อหา ด้านต้นหอมประกาศอยู่ทีมผู้เสียหาย

ทำเอาชาวโซเชียลเสียงแตก หลังจากที่ทนายดังโพสต์ข้อความน่าสงสารดีเจมะตูม น่าจะหลายข้อหาที่โดน หลังจัดฉากรวบหญิงสาวแอบอ้างชื่อหลอกลวงลงทุน ทางด้านต้นหอมประกาศชัดทีมผู้เสียหาย 


จากกรณี ดีเจมะตูม เตชินท์ จัดฉากรวบหญิงสาวใส่กำไลอีเอ็มแอบอ้างสนิทสนมดีเจมะตูมและชักชวนคนมาร่วมลงทุนโดยบอกว่าดีเจมะตูมทำอยู่ด้วย คาร้านอาหารดัง พร้อมได้โพสต์ชี้แจงเหตุการณ์ในคลิปดังกล่าวว่า

“สำหรับกรณีคลิปใน Tiktok ที่มีการเผยแพร่อย่างแพร่หลาย ในการจับกุมมิจฉาชีพในร้านนัวร์เนีย bar อารีย์ (ร้านของมะตูมเอง) ก่อนอื่นมะตูมต้องขอกราบขออภัยในการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ และการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้น ทางมะตูมยินดีให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอยืนยันตรงนี้ว่า มะตูมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพ (ผู้หญิงในคลิป) มะตูมเพียงแค่ถูกมิจฉาชีพท่านนี้แอบอ้างชื่อ เพื่อไปหลอกเงินคนอื่นมาลงทุน และถ้ามีผู้เสียหาย จากการเอาชื่อมะตูมไปแอบอ้างในการทำธุรกิจเพิ่มเติม รบกวนติดต่อมะตูมด่วนเลยนะครับ สุดท้าย ความจริงคือความจริง มะตูมขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะอยู่เคียงข้างผู้เสียหาย เพื่อตามเงินคืนให้ได้มากที่สุดครับ ดีเจมะตูม”

โดยทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า “น่าสงสารดีเจมะตูมนะครับ น่าจะหลายข้อหาเลยที่โดนนะ มะตูมนะครับ” หลังจากทนายดังโพสต์ข้อความดังกล่าวไป ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับความเห็นของทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์

ในจำนวนนี้รวมถึงพี่สาวคนสนิท อย่าง ต้นหอม ศกุนตลา ที่มาคอมเมนต์แสดงความเห็นโพสต์ของทนายรณณรงค์ที่พาดพิงถึงดีเจมะตูมด้วยว่า “ทีมผู้เสียหายค่ะ”


ขณะที่ ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ต่อว่า “จะจับโจรแอบอ้างฉ้อโกงมันต้องใจถึง ไม่งั้นโจรมันก็ได้ใจหนีรอดไปหลอกคนอื่นได้ ประชาชนเดือดร้อนใครกล้าลงมาช่วยได้บ้าง มั่วแต่มานั่งเข้าข้างโจรอยู่ได้ มันหลอกคนไปทั่วมีใครแจ้งเป่าประกาศให้ประชาชนระวังตัวไว้บ้าง มันมาในรูปร่างไหนบ้าง กว่าจะตามหาจนเจอมันไม่ง่ายนะคะตำรวจก็ยืนดูอยู่” ก่อนที่ดีเจต้นหอมจะมาคอมเมนต์ตอบว่า “+1”

ที่มา ข่าวสด


วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สาวแชร์เรื่องราว "ชีวิตคนเราไม่แน่นอน" กับมะเร็งปอดระยะที่สี่

เจ้าของเพจ BorTor Baitoey แชร์ประสบการณ์ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เมื่อพบว่าเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในอายุ 24 เรื่องเผยไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


มะเร็งเป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ด้วยสาเหตุต่างๆ นาๆ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง เธอจึงได้เล่าเรื่องราวผ่าน เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ BorTor Baitoey ถึงการเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในวันที่เธออายุเพียง 24 ปีว่า

“ มีคนเคยบอกว่า “ชีวิตคนเราไม่แน่นอน” แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

อายุ 24 ปี กับโรคยอดฮิตในหนังเศร้า “มะเร็งปอดระยะที่สี่” ที่ทุกคนเรียกว่า “ระยะสุดท้าย” ฝันอยากมีชีวิตแบบนางเอกซีรี่ย์ซักครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะได้พลอตนี้ 55555

อาการเริ่มตั้งแต่ปลายปี 64 เริ่มไอ เป็นๆ หายๆ ไม่ได้ไอตลอดเวลา ประมาณ 2 เดือน ตรงกับช่วง pm2.5 คิดว่าเป็นภูมิแพ้ จึงไปหาหมอแผนก หู คอ จมูก ที่ศิริราช ก็ทำการตรวจ x-ray ปอด ส่องกล้องดูทางเดินหายใจ ก็ไม่พบความผิดปกติ จบด้วยการได้ยาแก้ไอต่างๆมากิน จากนั้นก็ไปตามนัดตลอด x-ray ตลอด แต่ก็เริ่มไอมากขึ้น ไอตลอด ประมาณเดือน เมษายน ก็เป็นโควิด มีอาการไอ(ที่ไออยู่แล้ว) จาม (มีอาการนี้เลยตรวจโควิด) แค่นั้น ไม่ได้กินฟาวิ เพราะอาการไม่หนักมาก

เดือน พฤษภา เริ่มปวดสะโพกด้านขวา (คิดว่าคงนอนผิดท่า ซักพักน่าจะหายเอง) ประมาณ 2 wk ยังไม่หาย เลยไปหาหมอกระดูก ตอนนั้นหมอบอกกล้ามเนื้ออักเสบ ได้ยาแก้อักเสบมา แล้วก็ไปกายภาพ

เดือน มิถุนายน ตื่นเช้ามาไอ รู้สึกเหมือนมีเสมหะ (ปกติไอแห้งๆมาตลอด) สรุป ไอเป็นเลือด ตอนนั้นตกใจมาก  เลยปรึกษาพี่ที่รู้จัก ได้มาหาหมอที่หูคอจมูก หมอส่องกล้อง x-ray ปอด เหมือนเดิม ไม่พบความผิดปกติ หมอคิดว่า ไอจากเส้นเลือดฝอยบริเวณเพดานปากแตก จึงนัดอีกที 3 เดือน

(ระหว่างนี้ก็ไอตลอด ขาก็เดินกะเผลก ไปกายภาพบำบัดอยู่ และไปตรวจตามนัดของหู คอ จมูกเสมอ!!)

เดือนกรกฎาคม จุดเปลี่ยนของชีวิต พอพ้นวันเกิดวัย 24 ปี ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก

อาการไอยังคงเหมือนเดิม เริ่มหนักขึ้น เริ่มเหนื่อยหอบ เดินได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุดพัก ค่อยเดินต่อ น้ำหนักลด อาทิตย์ละ 2 kg ได้ คนรอบข้างเริ่มทักว่าผอมลงเยอะมาก ให้ไปตรวจได้พี่ที่รู้จัก(คนดีคนเดิม)นัดคิวตรวจอายุรศาสตร์ให้ ไปตรวจอายุรศาสตร์ครั้งแรก เจาะเลือด x-ray แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ

ผล x-ray ก็ยังคงปกติ แต่ผลเลือดค่าตับไม่ค่อยดี แต่หมอไม่ว่าไง

ยังคงมีอาการไออยู่ หมอจึงพาไปให้หมอเฉพาะทางด้านปอดดู

หมอปอด : ส่งตรวจ CT Chest ผลเจอก้อนที่ปอด(หลายก้อน ใหญ่สุด 4cm) และที่ตับ 2 ก้อน จึงนัดตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลก็คือเป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือง และกระดูก (ตอนรู้นี้อ๋อเลย นี้เองสาเหตุก็การปวดขา ) หลังจากนอนโรงพยาบาลเกือบเดือน และอยู่ห้อง RCU (คล้ายๆ icu แต่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ) เพราะตอนนั้นปอดเหลือข้างเดียว ก็นอนให้ยาฆ่าเชื้อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ (high flow) อยู่ตลอด ทรมานมาก ตอนนี้ก็ได้รับการรักษาเป็นการฉายแสง 10 ครั้ง (ครบไปแล้ว) และกินยาพุ่งเป้า (ขอบคุณอาจารย์จารุวรรณ เป็นอย่างสูง เพราะค่ายาแพงมาก ตกเดือนละ 40,000 แต่ได้อาจารย์เอาทุนโครงการมาช่วย กราบสามทีเลย) คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากการอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ เป็น second hand smoker ขอให้ทุกคนที่สูบบุหรี่อยู่ ช่วยมีความรับผิดชอบกับคนรอบข้างนิดนึง

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้…โพสยาวสุดในชีวิต อยากเล่าให้ฟัง เผื่อใครมีอาการอะไร ให้รีบๆไปตรวจ

ตรวจให้ถูกหมอ ถูกโรค รีบรักษาจะได้ไม่เป็นอะไรเยอะ มีชีวิตอยู่ไปนานๆ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นห่วง คอยมาเยี่ยม ส่งข้าวส่งน้ำ ส่งกำลังใจ พูดละจาร้อง 55555

ขอบคุณมากๆ นะ มีแรงสู้ชีวิตต่อไป….แต่ขอร้องชีวิตอย่าสู้กลับเยอะ

ทุกคนไม่ต้องตกใจรูปนะ ตอนนี้กลับมาทำงาน ใช้ชีวิต(แบบพยายาม)ปกติแล้ว แต่ก็กินยาอยู่ตลอด”


ที่มา อีจัน, BorTor Baitoey


วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

หมอลืม "ผ้าก๊อซ" ในช่องคลอด ผอ.โรงพยาบาล ยืดอกรับผิดพร้อมเยียวยา

จากกรณีญาติโวยหมอลืม "ผ้าก๊อซ" ในช่องคลอดสาววัย 20 ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ออกมายืดอกรับผิด พร้อมเยียวยาตามมาตรา 41


วันนี้(29 พ.ย.65) ผู้สื่อได้ข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ying Ying ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงในกลุ่ม "ขอนแก่น ร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่" พร้อมแคปชั่นระบุว่า "ช่วยแชร์ไปเยอะๆ โรงพยาบาลลืมผ้าก๊อซไว้ในช่องคลอด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 น้องสาวได้ไปคลอดที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดขอนแก่น ปรากฏว่าผ่านมาเกือบสองเดือนน้องสาวมีอาการปวดท้องรุนแรงและเป็นไข้ เวลาเข้าห้องน้ำก็จะมีเหมือนก้อนอะไรบางอย่างหลุดออกมาตรงปากช่องคลอด พอจับดูรู้สึกว่ามันเป็นก้อนแข็งๆ ผิดปกติ จึงให้แฟนเอาไปส่องดูให้ ปรากฏว่าด้านในที่เห็นนั้นเป็นผ้าก๊อซที่ทางโรงพยาบาลลืมเอาไว้

ตอนนี้ได้กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้โรงพยาบาลเอาผ้าก๊อซก้อนนั้นออกให้ และหลังจากที่เอาออกมีผู้ใหญ่มาคุยและบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบในเชิงว่าเอาผ้าก๊อซปิดเลือดไว้เพื่อช่วยชีวิต ฝากช่วยกันแชร์เยอะๆ ให้ได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ด้วยค่ะ

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวรุ่งนภาพร โคตรแปร อายุ 32 ปี เจ้าของเฟซบุ๊ก เล่าว่า น้องสาวตน อายุ 20 ปี มีกำหนดคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 วัน ก็กลับบ้าน อยู่บ้านเรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาน้องสาวมีอาการปวดท้อง จึงเข้าห้องน้ำ พบว่ามีก้อนแข็งๆในช่องคลอด ถ่ายรูปมาดูถึงได้รู้ว่ามีผ้าก๊อซในช่องคลอด จึงรีบมาที่โรงพยาบาลให้แพทย์เอาผ้าก๊อซออกให้

นางสาวรุ่งนภาพร เล่าต่อว่า แต่เจ้าหน้าที่กลับอ้างว่า ผ้าก๊อซที่เห็นนั้นเพื่อช่วยซับเลือด เป็นการช่วยเหลือคนป่วยไม่ให้เสียเลือดมาก ซึ่งเป็นการช่วยชีวิต แต่ฟังแล้วไม่ได้ช่วยให้สบายใจ เพราะแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ควรมีความรอบคอบ หากเกิดการติดเชื้อ หรือมีผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพของผู้ป่วยจะทำอย่างไร อยากให้มีความรับผิดชอบมากกว่าคำพูดที่พูดออกมา

จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ทราบว่า ภายหลังทราบเรื่องจากโซเชียล ก็รีบตรวจสอบทันที พบว่าขณะนี้ผู้ป่วยเข้ามาพักรักษาตัวใน รพ.ขอนแก่น ที่ห้องพิเศษ อาคาร 14 ตึกราชนครินทร์ โดยแพทย์ได้เอาผ้าก็อซออกให้เรียบร้อย ให้ยาฆ่าเชื้อ รักษาให้จนแข็งแรงจึงจะให้กลับบ้าน

"อาการโดยรวมปลอดภัยดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน ซึ่งจากการตรวจสอบรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ ทราบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในฐานะ ผอ. รพ.ขอนแก่น ขอยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษคนป่วยและญาติพี่น้องด้วย จะนำเอาความผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ" นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าว

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ ทางโรงพยาบาลไม่ได้นิ่งเฉย โดยได้ประสานไปที่ สปสช. เพื่อทำเรื่องเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรา 41 แล้ว

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ โรงพยาบาลขอนแก่น ได้โพสต์หนังสือชี้แจง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และว่าโรงพยาบาลขอนแก่นเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โรงพยาบาลยินดีปรับปรุงการให้บริการ การดูแลผู้ป่วย และพร้อมให้การดูแลเยียวยาช่วยเหลือ โดยยื่นคำร้องตามมาตรา 41 (ม.41) สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า กรณีได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นขณะรับการรักษาในโรงพยาบาล ตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งการประชุมพิจารณาของคณะกรรมการฯ จะมีขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม 2565

โดยหลังจากนี้ จะมีการทบทวนระบบการให้บริการ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

ที่มา ไทยรัฐ, เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลขอนแก่น

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565

เริ่มใช้ อัตราค่าปรับกฎหมายจราจรใหม่ เพิ่มโทษปรับ-จำคุก

กฎหมายจราจรใหม่ 2565 ได้เริ่มบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 โดยอัตราค่าปรับฝ่าฝืนกฎจราจรล่าสุด มีโทษปรับ จำคุก หนักกว่าเดิมหลายเท่า มีรายละเอียดอย่างไรอ่านได้ที่นี่


พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ได้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากยังเป็นช่วงเริ่มต้นเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัวกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่นี้ ล่าสุด พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) ระบุว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยบังคับใช้กฎหมายจราจรฉบับใหม่ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ

โดยเฉพาะประเด็นเรื่องโทษปรับที่กฎหมายใหม่เพิ่มอัตราโทษสูงขึ้น เพื่อบังคับใช้ให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้รถใช้ถนน บางความผิดมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 4,000 บาท แต่ในช่วง 3 เดือนแรกนี้ ตร.จะยังใช้เกณฑ์ค่าปรับใบสั่งจราจรตามกฎหมายเดิมไปพลางก่อน (ตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องเกณฑ์ค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ พ.ศ.2563) เพื่อให้เวลาประชาชนได้ปรับตัวและปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง 

ตัวอย่างเช่น 

ข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

โทษสูงสุดตามกฎหมายใหม่มีโทษปรับสูงถึง 4,000 บาท แต่ค่าปรับตามใบสั่งจะกำหนดไว้ที่ 500 บาท

ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจะปรับปรุงเกณฑ์ค่าปรับตามใบสั่งให้สอดคล้องกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่  

ข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือปัจจัยเกิดความสูญเสียต่อผู้ขับขี่

ฝ่าฝืนเครื่องหมายทางม้าลาย ขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ตร.จะพิจารณากำหนดอัตราโทษปรับเป็นขั้นบันได ตามจำนวนครั้งและประวัติการกระทำผิดด้วย เช่น ทำผิดครั้งที่ 1 โทษปรับตามใบสั่ง 500 บาท 

หากทำผิดข้อหาเดิมเป็นครั้งที่ 2 โทษปรับตามใบสั่งเป็น 1,000 บาท เป็นต้น 

ทั้งนี้ ใบสั่งทุกใบจะถูกกำกับโดยระบบฐานข้อมูลใบสั่งที่เรียกว่า PTM (Police Ticket Management) ซึ่งจะระบุจำนวนค่าปรับตามเกณฑ์ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ในใบสั่งทุกใบ ดังนั้น ค่าปรับจึงเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

นอกจากนี้กรณีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ตร.ได้พิจารณาตามหลักกฎหมายแล้ว จะไม่นำประวัติการกระทำผิดที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 5 กันยายน 2565 มาประกอบการพิจารณาเพิ่มโทษ แต่จะเริ่มบันทึกประวัติการทำผิดครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.2565 เป็นต้นไป

สำหรับการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามมาตรฐาน SOP การตั้งจุดตรวจงานจราจร ตามที่ ตร. ได้กำหนดไว้แล้วอย่างเคร่งครัด 

สำหรับกฎหมายฉบับใหม่ได้เพิ่มอัตราโทษปรับที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยงในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทางไว้ ดังนี้ 

ขับรถเร็วเกินกำหนด

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถย้อนศร

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่สวมหมวกนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น จากอัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เมาแล้วขับ

ทำผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ทำความผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท (ศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ)

การรัดเข็มขัดนิรภัย

รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้ 

รถกระบะ

ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า กรณีเป็นรถกระบะสองตอนผู้โดยสารตอนหลัง ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยด้วย หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัดดังกล่าวข้างต้นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

การนั่งบริเวณแคป หรือนั่งท้ายกระบะ

สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยแต่ต้องนั่งไม่เกินจำนวนที่กำหนดในลักษณะที่ปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศกำหนดซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธ.ค. 2565 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ


วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2565

เช็คด่วน! บัตรคนจนรอบใหม่ใครมีสิทธิบ้าง? รีบลงทะเบียนเลย

วิธีลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 “บัตรคนจน” รอบใหม่ ที่ได้เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. – 19 ต.ค.65 ใครมีสิทธิบ้าง? เช็คสิทธิแล้วรีบลงทะเบียนเลย


เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 65 ที่ผ่านมานี้ กระทรวงการคลัง ได้เปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 “บัตรคนจน” โดยเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 5 ก.ย. 65 - 19 ต.ค.65 สามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. - 11 พ.ย. 65 โดยผลการลงทะเบียนจะประกาศทุกวันศุกร์

สำหรับการลงทะเบียน มี 2 ช่องทาง

ช่องทางแรก ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มี 6 ขั้นตอนง่ายๆ

1.เข้าเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th

2.กรอกข้อมูลบัตรประชาชน และเลข Laser หลังบัตรบัตรประชาชน

3.กรอกข้อมูล 4 ส่วน

-ข้อมูลส่วนตัวของผู้ลงทะเบียน

-การประกอบอาชีพ

-รายได้และหนี้สินของผู้ลงทะเบียน

-ความต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ

4.ผู้ลงทะเบียนที่จดทะเบียนสมรส

หรือมีบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

เลือกหน่วยรับลงทะเบียนที่จะไปยื่นเอกสาร

5. ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง แล้วกดยืนยัน

6.ไม่มีครอบครัว รอผลการตรวจสอบ

สถานะบุคคล

-มีครอบครัว ไปแสดงตัวคนและยื่นเอกสารยังหน่วยรับลงทะเบียนที่เลือกไว้


ช่องทางที่ 2. ลงทะเบียนผ่านหน่วยรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

1.ธนาคารกรุงไทย

2.ธนาคารออมสิน

3.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

4.สำนักงานคลังจังหวัด (ไม่รวมกทม.)

5.สำนักงานเขต กทม.

6.ที่ว่าการอำเภอ

7.สำนักงานเมืองพัทยา

สำหรับผู้ลงทะเบียนที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือ ผู้พิการ ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่ได้ก็สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ซึ่งหนังสือมอบอำนาจนั้นสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย

ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 รอบใหม่ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1.สัญชาติไทย

2.อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

3.ไม่เป็น ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขังบุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ฯ ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือนผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง ส.ส. , ส.ว.

4.รายได้ผู้มีสิทธิลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน รอบใหม่ 2565

-รายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท บุคคล

-ครอบครัวรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท

-ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตรและตราสารหนี้ภาครัฐ

-ทรัพย์สินทางการเงินต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาทต่อบุคคล

-ครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท

5.ไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์

-วงเงินกู้บ้านไม่เกิน 1.5 ล้านบาท

-วงเงินกู้รถไม่เกิน 1 ล้านบาท

-ต้องไม่มีบัตรเครดิต

-ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือ มีกรรมสิทธิ์ ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้

ผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว

-ห้องชุดขนาด ไม่เกิน 35 ตารางเมตร

-ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่

-ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)

-บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และ ตึกแถว ไม่เกิน 25 ตารางเมตร

-ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่

-ใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่จะต้องมีขนาดขึ้น

ที่รวมกันทั้งหมด เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ และ ไม่ใช่เพื่อการเกษตรไม่เกิน 1 ไร่

ผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว

-ห้องชุดขนาดไม่เกิน 35 ตารางเมตร ต่อคน

-กรณีเป็นเจ้าของร่วมกันไม่เกิน 35 ตารางเมตร

-ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)

-บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และตึกแถว

-กรณีเป็นจ้าของแยกจากกัน ไม่เกิน 25 ตร.ว.ต่อคน

-กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่เกิน 25 ตร.ว.

-ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ หรือใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

-จะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด เพื่อการเกษตรไม่เกิน 20 ไร่

-ไม่ใช้เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

โดยมีเวลาให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2565 ถึง 19 ต.ค.65 นี้เท่านั้น


ที่มา www.ejan.co


วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2565

เตือนผู้ร่วมโครงการ "คนละครึ่งเฟส 5" รายเก่า-รายใหม่ ระวังถูกตัดสิทธิ

หลังการเปิดให้ลงทะเบียน ยืนยันสิทธิผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" หรือ www.คนละครึ่ง.com กับประชาชนกว่า 26.5 ล้านคน ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดี


ล่าสุดขออัปเดตโครงการ "คนละครึ่งเฟส 5" ผู้ร่วมโครงการรายเก่า-รายใหม่ ที่ได้รับเงิน 800 บาท โดยโอนเข้าแอปฯ เป๋าตัง ในวันที่ 1 กันยายน 2565 (ทั้งรายเก่า และรายใหม่) เพื่อให้เริ่มสิทธิรัฐช่วยจ่าย 50% ไม่เกินวันละ 150 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่ 1 ก.ย. - 31 ต.ค.2565

สำหรับ "คนละครึ่งเฟส 5" รายใหม่ ที่ลงทะเบียนผ่านแอป "เป๋าตัง" หรือ www.คนละครึ่ง.com เรียบร้อย จะต้องดำเนินการยืนยันตัวตนก่อนการใช้สิทธิ โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ 3 รูปแบบ ดังนี้

1.ยืนยันตัวตนผ่านแอป "เป๋าตัง"

เลือก "สมัครใช้และบริการ"

ยินยอม การจัดการข้อมูล ยืนยันตัวตน

เตรียมถ่ายบัตรประชาชน

ถ่ายบัตรประชาชน

กรอกข้อมูลบัตรประชาชน

กรอกข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม

กรอกข้อมูล CDD

เลือกวิธีการยืนยันตัวตนด้วยแอป Krungthai NEXT หรือสแกนใบหน้า


2.ยืนยันตัวตนด้วย Krungthai NEXT

เข้าสู่ Krungthai NEXT

ระบุ PIN Krungthai NEXT

กดปุ่มดำเนินการบนแอปเป๋าตัง

กรอกรหัส OTP (OTP จะถูกส่งไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับ Krungthai NEXT)

ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล

เมื่อสมัครสำเร็จ การ์ดวอลเล็ตจะค้างหน้า "กำลังตรวจสอบข้อมูล" เลือก "ตรวจสอบสถานะล่าสุด" เพื่อดูผลการสมัคร

หน้าจอเมื่อสมัคร G-Wallet สำเร็จกดไปที่หน้าหลัก

หน้าจอใช้สิทธิโครงการภาครัฐ


3.ยืนยันตัวตนด้วยการ สแกนใบหน้า

ยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า

ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล

เมื่อสมัครสำเร็จ การ์ดวอลเล็ตจะค้างหน้า "กำลังตรวจสอบข้อมูล" เลือก "ตรวจสอบสถานะล่าสุด" เพื่อดูผลการสมัคร

หน้าจอเมื่อสมัคร G-Wallet สำเร็จกดไปที่หน้าหลัก

หน้าจอใช้สิทธิโครงการภาครัฐ

ส่วน รายเก่า ที่เคยร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 4 สามารถตรวจสอบ ยืนยันสิทธิคนละครึ่งเฟส 5 ผ่าน คนละครึ่ง.com ตามขั้นตอนดังนี้ 

เข้าสู่เว็บไซต์ 

กดปุ่ม "ลงทะเบียนรับสิทธิ" เลือก "สำหรับผู้เคยใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 4"

กดรับทราบ หลักเกณฑ์เงื่อนไขและยินยอมโครงการฯ 

กรอกรายละเอียดต่างๆและกดปุ่ม ยืนยัน 

ตรวจสอบข้อมูลและกดปุ่ม ยืนยัน 

ระบบแสดงผลตรวจสอบสิทธิ

ข้อควรระวัง! ถูกตัดสิทธิ

สำหรับรายเก่า หรือ ผู้ที่เคยร่วมโครงการฯ ต้องใช้สิทธิใช้จ่ายครั้งแรกภายในวันที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. จึงจะสามารถใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาโครงการ ซึ่งหากไม่ใช้สิทธิตามระยะเวลาดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิทันที

รายใหม่ ผู้ที่ไม่เคยร่วมโครงการฯ ต้องใช้สิทธิใช้จ่ายครั้งแรก ต้องเริ่มใช้จ่ายครั้งแรกภายใน 14 วันหลังจากที่ได้รับ SMS ยืนยันเข้าร่วมโครงการหลังวันที่ 1 กันยายน 2565  จึงจะสามารถใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาโครงการ ซึ่งหากไม่ใช้สิทธิตามระยะเวลาดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิทันทีเช่นกัน

ที่มา กรุงเทพธุระกิจคนละครึ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สปาเกตตี้-ชาไข่มุก พาทัวร์ลง ฮีบี เถียน (Hebe Tien)

ดาราสาวชื่อดังชาวไต้หวัน ฮีบี เถียน (Hebe Tien) โดนทัวร์จีนลง หลังจากโพสต์รูป กินสปาเกตตี้-ชาไข่มุกช่วงที่กำลังมีประเด็น แนนซี เพโลซี ประธานสภาสหรัฐไปไต้หวัน


ด้วยความทีประเด็นดราม่า ระหว่าง จีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ ค่อนข้างดุเดือดในโลกออนไลน์ และมีความอ่อนไหว ส่งผลต่อทิศทางในบริบทโลก  ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเองก็มีส่วนที่ถูกดึงไปเกี่ยวข้องกับดราม่านี้ รวมถึงบรรดาศิลปิน-ดารา ที่มีชื่อเสียงเองก็เช่นกัน 

ล่าสุดดาราสาวชาวไต้หวัน อย่าง ฮีบี เถียน (Hebe Tien) หนึ่งในสมาชิกวง S.H.E. ซึ่งเคยโด่งดังมากในยุค 2000 ที่มี เซลิน่า เหริน และ เอลล่า เฉิน นางเอกซีรี่ส์ดัง ปิ๊งรัก สลับขั้ว ก็โดนพิษจากดราม่านี้เช่นกัน

หลังจากที่ ฮีบี เถียน โพสต์รูปของตัวเอง ขณะกำลังเอร็ดอร่อยกับ สปาเกตตี้ และชานมไข่มุก ทำให้ชาวเน็ตจีนหลายคนไม่พอใจ และไปโจมตีเธอ ตีความว่าเธอกำลังสนับสนุนเรื่องที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาสหรัฐ เดินทางไปเยือนไต้หวัน เพราะตีความว่า สปาเกตตี้ = อเมริกา และ ชานมไข่มุก = ไต้หวัน

ซึ่งประเด็นที่ดูเล็กน้อยจากการถูกตีความนี้ ทำให้จากเดิมที่อินสตาแกรมของ ฮีบีมีคนติดตามถึง 1.4 ล้าน ลดเหลือ 1.2 ล้าน คาดว่าเกิดจากการที่แฟนคลับชาวจีนหลายคนไม่พอใจและกดยกเลิกการติดตามเธอ 

อย่างไรก็ตาม ฮีบี เถียน ก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไรถึงประเด็นที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจาณ์ขึ้น เพียงแต่ได้ลบรูปที่เป็นปัญหาออกไปจากบัญชีเท่านั้น  โดย ฮีบี เถียน เป็นดาราชาวไต้หวัน ที่มีผู้ติดตามใน weibo สูงถึง 13 ล้านคน

ที่มา: MSNappledaily

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

"อัจฉริยะ" หอบหลักฐานเด็ดพึ่ง DSI ลุยเต็มสูบหวังพลิกคดีแตงโม

อัจฉริยะ เปิดใจ มั่นใจดาราสาวถูกฆาตกรรมอำพราง นำหลักฐานชุดใหญ่มอบให้ DSI เพื่อพิจารณารับคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษ 


เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(18 พ.ค. 2565) นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาเผยข้อมูลเพิ่มเติมของคดีดาราสาว "แตงโม นิดา" ตกเรือ ผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ใจความว่า 

จากกรณีที่ไปร้องขอผบ.ตร. ให้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษ เพื่อมาสืบสวนคดีนี้ให้ชัดเจน ล่าสุดได้มีหนังสือตอบกลับโดยเขียนชัดเจนเลยว่ามีการตั้งคณะกรรมการพิเศษมาสืบสวนแล้ว ซึ่งประธานคณะกรรมการคือ พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม และท่านได้นัดไปคุยกับตนในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เพื่อสอบปากคำ เกี่ยวกับกรณีที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ทุจริตไหม มีคนช่วยผู้ต้องหาให้พ้นผิดหรือเปล่า ทาง ดีเอสไอ จึงนัดตนสอบปากคำปากแรก ในสำนวนคดีที่ นายแซน กับ พวก ฆาตกรรมอำพราง แตงโม วันอังคารที่จะถึงนี้ จะสอบปากคำอีก 2 ปาก รวมทั้งบริษัทฯ Garmin ด้วย เป็น 3 ปาก ซึ่งบริษัทฯ Garmin เจ้าของคือ คุณอาร์ต ไม่ใช่ คุณอู๊ด โดยวันที่ 24 พ.ค. ดีเอสไอนัดสอบปากคำในประเด็นที่ว่า GPS สามารถแก้ได้ไหม แต่ตนเชื่อว่ามีการแก้ได้ เพราะข้อมูลไม่ได้ออกมาจาก SD Card มันสามารถแก้ไขได้ ซึ่งก็มีคนทำตัวอย่างให้ดูแล้ว อย่างตอนที่ตำรวจแถลงเมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมาตำรวจได้ปักหมุดจุดตกไว้ แต่ตอนจอดปั๊มเติมน้ำมันทำไมไม่ปักหมุด ดังนั้นเราก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมตำรวจถึงเลือกได้ว่าจะเอาจุดไหนมาแถลง ทำไมไม่แถลงทั้งหมด ทั้งนี้ทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวกับบริษัทฯ Garmin เพราะเรือสปีดโบ๊ทใช้ GPS ของบริษัทฯ Garmin เท่านั้นเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เขามีความน่าเชื่อถือระดับโลก 

ส่วนเรื่องที่แซนไม่ได้ตรวจสารเสพติด ได้มีการสอบถามไปทางตำรวจภูธรภาค 1 ว่า แซนได้อภิสิทธิ์อะไรถึงไม่ได้ตรวจสารเสพติด ซึ่ง มาตรา 131/1 ถ้าหากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธการตรวจสารเสพติด ให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้ และสันนิษฐานได้เลยว่าคนนั้นมีสารเสพติด หรือแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด  ต้องใช้มาตรา 131/1 แต่ทางผบ.ตร.แถลงว่าเป็นมาตรา 131 มันแตกต่างกัน ประเด็นที่โฆษก ตร. ได้ออกมาโต้ว่าตนยุยงให้ประชาชนปฏิเสธการตรวจแอลกอฮอล์ และสารเสพติด จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะถ้าที่ ผบ.ตร. พูดมีคนนำไปใช้ มันจะส่งผลให้ข้อกฎหมายมีปัญหา ผิดเพี้ยน เพียงแค่ต้องการอธิบายว่า ผบ.ตร.พูดมาตราผิด จริงๆแล้วมันคือ 131/1 

ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ไปแม่น้ำเจ้าพระยา และให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำไปด้วย เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยว่าทำไมในปอดของแตงโมมีโคลน จึงได้ตรวจสอบจากบริเวณจุดตกที่ทางตำรวจกล่าวอ้าง ทีนี้พอลงไปตรวจพบว่าบริเวณนั้นไม่มีโคลน มีแต่ทราย และทรายมีความหนากว่า 30 ซม. อีกที่หนึ่งที่ไปตรวจสอบ คือบริเวณที่พบศพ ทำแบบเดียวกันกับจุดแรก ก็พบแต่ทรายไม่มีโคลนเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงยืนยันได้เลยว่าจุดนี้ไม่เป็นไปตามที่ตำรวจและแซนกล่าวอ้างมา ส่วนจุดที่สามเป็นจุดที่เราสงสัยว่าเป็นจุดตก เป็นบริเวณท่าทราย แต่กลับพบโคลนไม่พบทราย และความลึกจุดแรก 15 เมตร จุดที่สอง 17 เมตร จุดที่สาม 7 เมตร ซึ่งจากที่คุณหมอพรทิพย์ยืนยันมาว่า แตงโม เสียชีวิตบริเวณน้ำตื้น  จากประเด็นนี้เลยชี้ชัดได้ว่าที่แซนพูดเรื่องจุดตกไม่เป็นความจริง 

อีกประเด็นหนึ่ง ที่ในมือของแตงโมกำทรายไว้แน่น ซึ่งมันจะตรงกับจุดตกที่สามที่ทีมงานสงสัย เพราะเป็นบริเวณท่าทราย และทรายในมือตรงกับทรายในบางกระบะ และวันที่เกิดเหตุก็มีเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำมาบริเวณนี้โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจับไว้ได้ แต่ไม่สามารถระบุยี่ห้อรุ่นได้ เลยเกิดการตั้งข้อสงสัยขึ้นทำไมถึงมากันบริเวณนี้ เพราะเขาบอกว่าจุดตกคือ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา จากหลักฐานทั้งหมดทำให้คิดได้ว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรมอำพราง เพราะข้อแรก จุดตกก็ไม่ใช่แล้ว จากบริเวณที่แซนบอกว่าเป็นจุดตกไม่มีอะไรรองรับได้เลยว่าเป็นบริเวณนี้ แถมท้ายเรือก็ไม่มีDNA หรือลายนิ้วมือแฝงเลย กราบเรือด้านซ้ายขวาที่ตำรวจแถลงว่าน้ำท่วม แต่ทำไมแซนถึงไม่เปียก และประเด็นที่แต๊ง พงศกร บอกว่าแตงโมเป็นคนขี้กลัวจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปปัสสาวะท้ายเรือ 

สำหรับประเด็นเรื่องมีด ที่คนบนเรือมีการพกไว้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับไว้ได้ โดยพบว่าเป็นมีด K2 จึงได้ไปหาซื้อให้หมอธวัชชัย นำไปจำลองกับเนื้อหมู โดยใช้จำลองด้วยโจทย์ความลึกของแผลแบบเดียวกับตำรวจแถลง ซึ่งบาดแผลคล้ายคลึงกับบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม ลักษณะของขอบแผลจะเรียบคล้ายกัน จึงสันนิษฐานได้ว่าไม่เกิดจากใบพัดเรือ เพราะถ้าหากเกิดจากใบพัดเรือ บาดแผลมันจะยุ่ย จะมีรอยช้ำและไม่เป็นขอบเรียบ ทั้งนี้หมอธวัชชัยก็ได้ท้าให้ตำรวจ หรือใครก็ได้นำใบพัดเรือมาจำลองให้แผลได้เหมือนแบบนี้ ตอนนี้ทุกคนได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม เกิดจากของมีคมมากกว่า จึงทำให้เห็นว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง 

เรื่องของหลักฐานของมีดนี้ว่ามีอยู่จริงไหม ทางตำรวจแถลงว่าไม่พบมีดของกลาง แต่ไม่ถามให้สิ้นข้อสงสัยว่ามันหายไปไหน อยู่ที่ มันมีแต่ไม่รู้อยู่ไหน ถ้าเอาไปทิ้งน้ำ จะได้งมหามาตรวจ DNA ส่วนเรื่องแรงจูงใจ คิดว่ามีการดื่มสุรา พอเมาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ แต่แตงโมขัดขืน จึงเกิดการทำร้ายกัน 


ทางด้าน ประธานสมาคมกู้ภัยทางน้ำ กาญจนบุรี (ภาค 7) เฉลิมพนธ์ หงษ์ยนต์ เล่าว่า ลงดำน้ำจุดแรกที่เป็นจุดที่คาดว่าเป็นจุดตกของทางตำรวจ ก็ได้ใช้แท่งพีวีซีความยาว 50 ซม. กดลงไปเพื่อเก็บตัวอย่าง แต่จุดนี้เจอเพียงทราย และจุดที่สอง ก็ทำเหมือนกัน และเจอแต่ทรายเหมือนกัน ส่วนจุดที่สามที่ทางทีมงานตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจุดตก ความลึกประมาณ6-7 ม. ตรงบริเวณนี้กับพบแต่เลน ไม่เจอทราย และทุกจุดก็ได้ตรวจสอบหาอาวุธเพิ่มเติมด้วย แต่ยังไม่พบ ขณะที่วิสัยทัศน์ใต้น้ำมองเห็นได้ประมาณ 1 ฟุต เพราะว่ากระแสน้ำค่อนข้างแรง 

ขณะเดียวกัน กิตติภัฎ ธนาสนธิราช (อู๊ด) ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ กล่าวว่า Garmin เขาขายหลายอย่าง ต้องค้นหาคำว่าGARMIN Marine ถึงจะเจอ ซึ่งตนเป็น GARMIN Marine ของประเทศไทย มันจะแยกจาก GARMIN THAILAND เพราะอันนั้นเขาจะขายพวกนาฬิกา และยังบอกอีกว่า ตนขายของด้วย และก็เป็นเจ้าของบริษัทฯ Pattaya Water Sports Club ซึ่งต้องไปอธิบาย เป็นวิทยากร เรื่องระบบ การก่อสร้างต่างๆของเรือ ต้องตอบลูกค้าให้ได้ จึงมีความรู้เรื่องพวกนี้

สำหรับ GPS ของเรือ เขาใช้เดินทางทางน้ำ จะบันทึกข้อมูลไม่ต่างจากเครื่องบิน ที่จะบันทึกการเข้าออกตลอด และขอยืนยันว่าไปเปิดที่เรือตอนนี้ข้อมูลก็ยังขึ้นอยู่ สามารถดึงข้อมูลได้ โดยข้อมูล GPS จะอยู่ในเครื่อง ไม่ใช่ SD Card ซึ่งมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าจะให้สิ้นข้อสงสัยข้อนี้ตรงไปเอาข้อมูลสดๆจากที่เรือเลย

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com หรือติดตามทางยูทูปได้ทาง https://youtu.be/i2spqz7zwoo 

ที่มา คมชัดลึก


วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เซียนพระชื่อดัง ป้อง "หลวงปู่แสง" ฟาดคนใกล้ชิดทำเสื่อมเสีย ซัดสื่อใส่สีตีไข่

เซียนพระเมืองขอนแก่น อ.ลิ้งค์  ป้อง"หลวงปู่แสง" ถาม"หมอปลา"ต้องการอะไร ฟาดคนใกล้ชิดทำเสื่อม สื่อทำเสี้ยม ทางด้านชาวโซเชียลเริ่มออกมา#saveหลวงปู่แสง


หลังจากเมื่อวานนี้ (11 พ.ค. 65) ที่ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ "หมอปลา" พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนายโสธร และสื่อมวลชน บุกไปที่พักสงฆ์ของ "หลวงปู่แสง ญาณวโร" พระเกจิชื่อดัง อายุ 98 พรรษา และป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ที่บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร โดยอ้างเหตุมีการร้องเรียนพฤติกรรมลวนลามผู้หญิง จับหน้าอก จับของสงวน และให้ดื่มน้ำปัสสาวะ อ้างว่ารักษาโรค จนเกิดข่าวเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก 

ต่อมา เซียนพระชื่อดังเมืองขอนแก่น "ชนะวุธ อุทโท"หรือ อ.ลิ้งค์ คชาวุธ ได้มีการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า 

หลวงปู่อายุ 100 ปี อายุกาลพรรษาเกือบ 80 ปีท่านก็เหมือนปู่ย่าตายายของเรา คนแก่สังขารท่านหลงๆลืมๆ ผมขอพูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ "ท่านไม่เล่นขี้ก็บุญแล้ว" ท่านเดินไม่ได้ ลุกนั่งเองไม่ได้ จำใครแทบไม่ได้ ที่ผ่านมาเกือบ 80 ปีในร่มกาสาวพัตรท่านเคยมีเรื่องพวกนี้หรือ ท่านเป็นที่เคารพสักการะของสงฆ์และฆราวาสทั้งหลายในการปฏิบัติไร้ข้อด่างพร้อย

คณะอุปฐากก็ควรจะเอาใจใส่ท่านให้มากกว่านี้ หาใช่แต่ยุยงส่งเสริม ปล่อยเลยตามเลย อาสน์สงฆ์ไม่ใช่บริเวณที่ใครก็ขึ้นไปได้ โดยเฉพาะสตรี  เรื่องเคาะหัว เป่าหัวรักษาโรคภัยเป็นแค่ความเชื่อเฉพาะตน มันรักษาใครไม่ได้หรอก แต่มันคือกำลังใจ มันมีมานานแล้ว  อีกอย่างคณะอุปฐากตอบคำถามนักข่าวก็ตอบงงๆ งูๆปลาๆ ไม่ตั้งสติก่อนตอบ มีแต่ต่อปากต่อคำนักข่าวแทน จนหาเหตุผลปกป้องหลวงปู่ ต่อมากินเยี่ยวโชว์ เพื่อแจ้งให้เห็นถึงความศรัทธาบนความเขลาเป็นช่องให้นักข่าวขยี้

นักข่าวใส่สีตีไข่ ว่าเรื่องรักษาโรคบ้างล่ะ เรื่องพระธาตุบ้างล่ะ เพื่อจะให้เป็นการอวดอุตริมนุษธรรม เพื่อจะสึกพระอายุร้อยปี แล้วคิดว่าตนเจ๋งงั้นหรือ หลวงปู่ท่านเคยพูดงั้นหรือว่าเคาะหัวจับโน่นนี่นั่นแล้วจะหายมะเร็ง ท่านเคยพูดหรือว่าท่านเป็นอรหันต์ ท่านเคยยืนยันหรือว่าที่เป็นพระธาตุนั้นคือปฏิหาริย์ของท่าน ก็ศิษย์ท่านทั้งนั่นแหละ ที่เชื่อและมันเป็นสิทธิ์ของเขา อย่าไปเสือกเรื่องของเขาเพราะเขาก็ไม่เคยเสือกเรื่องของท่าน 

สองผัวเมียรับเรื่องมา ตั้งตนเป็นมือปราบได้พิจารณาก่อนมั้ยว่าในคลิปสื่อถึงอะไร คนถ่ายคลิปต้องการอะไร หาใช่จะเอาความคิดส่วนตนมาพิพากษาท่าน ใช้ถ้อยคำยั่วยุ ผรุสวาท มันสมควรแล้วหรือ แนะนำย้อนไปพันปีไปตัดสินอรหันต์จี้กงด้วย

เวรกรรมมีจริง เรื่องสงฆ์ให้สงฆ์ตัดสิน เรื่องกฎหมายให้ศาลตัดสิน เราทุกคนไม่มีสิทธิ์ตัดสิน ขบวนการรักษาศาสนาของท่าน มันกำลังบ่อนทำลายศาสนาอย่าไม่รู้ตัว พวกคอมเมนต์กันสนุกปากก็พิจารณาเอาเถิด 

ผมขอพูดภาษาชาวบ้านอีกครั้ง ท่านได้สี้ใครหรือยัง ถึงไปตัดสินท่านแบบนี้ จะเอาอะไรกับพระมหาเถระอายุร้อยปี ท่านประคองธาตุขันธ์มาถึงร้อยปีได้ก็บุญแล้ว การแตะเนื้อต้องตัวสตรีต้องอาบัตหากไม่รู้เนื้อตัวหรือสงฆ์อาพาธเป็นสังฆาทิเสส ตามพระธรรมวินัยหากแตะเนื้อต้องตัวแต่จิตใจไม่ได้คิดกำหนัดกามรมย์ก็เป็นอาบัต สามารถปลงอาบัตได้ 

ถ้าเหตุการณ์นี้ถ้าสองผัวเมียล้มหลวงปู่แสงลงได้ ก็ไม่ต้องไปหวังพึ่งอะไรแล้วในวงกรรมฐาน





ขณะที่ชาวโซเชียลต่างกดแชร์และคอมเม้นต์จำนวนมาก ส่วนใหญ่พูดถึงไปที่ลูกศิษย์หรือคนใกล้ชิด เช่น ลูกศิษย์ทั้งนั้นหลวงปู่คงไม่ปัญญาทำอะไรใครได้หรอกดูสังขารท่านสิท่านมีบารมีทำร้ายท่านไม่ได้หรอกพวกมาร , ขอกรรมจัดการพวกสื่อเสี้ยมและหมอผีตกงานพร้อมพรรคพวก สาธุๆ , ปัญหาคือ ลูกศิษย์ลูกหา พระลูกวัด หรือคนที่ใกล้ชิดทำไมไม่ดูแลท่าน ท่านแก่มากๆๆแล้วนะ..อย่าหาแต่ผลประโยชน์จากท่าน..,ไอ้พวกลูกศิษย์ตัวดีเห็นแก่ผลประโยชน์ เป็นต้น 


วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เจ้าอาวาสวัดติดป้ายต้านหมอปลา ยอมรับสั่งทำป้าย-ดื่มเหล้า-ฉันหมูกระทะ ขอเวลาเตรียมสึก

หมอปลาบุกวัดติดป้ายต้านที่พิษณุโลก พร้อมควักเงินร่วมทำบุญค่าป้ายไวนิล ขณะเจ้าอาวาสวัดยอมรับสั่งทำป้าย-ดื่มเหล้า-ฉันหมูกระทะจริง ขอเวลา3วันสึก


เช้านี้ (5 พ.ค.65) หมอปลาพร้อมด้วยป้ารัตนา และทีมงาน ได้เดินทางมาถึงวัดใหม่พรหมพิราม ตั้งอยู่เลขที่ 294/3 หมู่ 2 ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นวัดที่เป็นกระแสกรณีติดป้ายต้านหมอปลาจนโด่งดังในโลกโซเชียล และเมื่อวานตลอดทั้งวันก็มีกระแสอยู่เป็นระยะ ชาวบ้านยังคงออกมาพูดคุยกันต่อเนื่องในเรื่องที่พระนพ หรือ พระครูธีรศาส กิตจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม มีการดื่มเหล้าหงส์ทอง มีการสั่งหมูกระทะมาฉันท์ถึงในวัด และฉันท์กันทั้งวัด ซึ่งหมายความว่าพระในวัดมี 6 รูป ก็ฉันกันหมดทั้งวัด

โดยเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (4 พฤษภาคม 2565) พระครูปลัดธวัชชัย ธวชชยเมธี เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย พระครูสิทธิธรรมานุสนธิ์ เจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม และพระครูธีรศาสน์กิจจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า กรณีมีการติดป้ายไวนิลต้านหมอปลาสรุปแล้วเจ้าอาวาสเป็นคนสั่งทำป้ายไวนิลด้วยตนเองในราคา 1,800 บาท ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เพราะเห็นป้ายข้อความดังกล่าวในสื่อโซเชียล แล้ว นำส่งไปให้ร้านมาพิมพ์ติดที่วัด โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เบื้องต้นทางคณะสงฆ์ได้ว่ากล่าวตักเตือนเจ้าอาวาสว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ยังมีข้อร้องเรียนของชาวบ้านในสื่อสังคมออนไลน์เรื่องการดื่มเหล้าและฉันหมูกระทะในวัดนั้นทางคณะสงฆ์จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวต่อไป

ล่าสุด หมอปลา ป้ารัตนา พร้อมด้วยทนายความและคณะชาวบ้านในพื้นที่ ได้เดินทางมาถึงวัดก็ได้พบกับพระครูธีรศาส กิตจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม ได้ตั้งโต๊ะพูดคุยกันพร้อมกับมีการไลฟ์สดผ่านเพจ หมอปลาช่วยด้วย โดยทางหมอปลาได้ทำบุญยอด 1800 บาท บอกว่าเป็นค่าป้ายไวนิล และคณะก็ได้ร่วมทำบุญเพิ่มด้วย จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันทางเจ้าอาวาสวัดก็ได้มีการยอมรับว่าเป็นคนสั่งทำป้ายจริง ขออภัยหมอปลาและทางญาติโยมด้วย ถือว่าทำความผิดก็ได้ทำการปลงอาบัติไปแล้ว แต่ตอนทำนั้นยืนยันว่าคิดน้อยไปหน่อย พอดีมีการส่งต่อภาพป้ายกันมาในไลน์ ตนก็เลยสั่งร้านทำว่าเอาป้ายแบบนี้ ยืนยันว่าข้อความทั้งหมดไม่ได้คิดเองดูจากหลักฐานในไลน์ได้ ยอมรับผิดว่าคิดน้อยไม่หน่อยไม่ทันได้นึกถึงผลกระทบที่จะตามมา

หลังจากนั้น ทีมข่าวก็ได้สอบถามถึงกรณีที่มีการร้องเรียนเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเรื่องเจ้าอาวาสติดเหล้า ฉันเหล้าเป็นประจำ ทางด้านเจ้าอาวาสก็ยอมรับว่าฉันเหล้าจริง แต่ฉันเฉพาะเวลาเครียดไม่ได้ฉันบ่อยและยอมรับว่าเพิ่งฉันไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.65 ส่วนเรื่องหมูกระทะก็ยอมรับเช่นกันว่าเคยมีการโทรสั่งมาฉันและเลี้ยงพระลูกวัดภายในวัดจริง ทางด้านตัวแทนชาวบ้านที่มาสั่งเกตุการณ์ล้วนบอกว่า เจ้าอาวาสเคยทำแบบนี้มาแล้ว เมื่อ 3 ปีก่อนชาวบ้านก็จับได้เรื่องฉันเหล้าตัวเจ้าอาวาสก็ขอโอกาสมาแล้ว 1 ครั้ง แล้วก็มาทำอีก ส่วนครั้งนี้ชาวบ้านก็เห็นร่วมกันว่าจะไม่ขับไล่เจ้าอาวาสแต่จะให้เจ้าอาวาสพิจารณาตัวเองว่าสมควรที่จะอยู่ในสมณะเพศครองผ้าเหลืองต่อไปหรือไม่ จากนั้นได้มีการโฟนอินคุยกับผู้ใหญ่บ้านให้คุยกับเจ้าอาวาส ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็ยืนยันว่าหากเจ้าอาวาสทำผิดจริงและยอมรับความจริงก็ควรลาสิกขาไป เจ้าอาวาสเองก็ยินดีรับข้อพิจารณานี้ขอเวลาเก็บของตรวจสอบทรัพย์สินเป็นเวลา 3 วัน ก็จะสึกให้แล้วเจ้าอาวาสก็ได้ขอตัวไปพักผ่อน

ด้านหมอปลา หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว ได้บอกว่าขออธิบายว่าทีมงานหมอปลา พอลงพื้นที่วัดมีการทุบโน่นนี่นั่น ขออธิบายว่าทุกวัดตนไปกับสื่อ สื่อทุกคนจะขออนุญาตก่อน ยกเว้นวัดที่เกิดเรื่องก่อนหน้านี้เพราะวัดนั้นตัวผู้กระทำความผิดคือเจ้าอาวาส จะไปขอเขาก็ไม่ให้เข้า ตนจึงขอแค่ชาวบ้าน และอยากจะฝากพระพวกนี้ว่าไม่ต้องต่อต้านตนหรอกเพราะจะได้เจอกันแน่โดยเฉพาะเดือนนี้ทั้งเดือนมีอีกหลายแห่ง พวกผู้ใหญ่ นักการเมือง ไม่ต้องมาข่มขู่ตนหรอกเพราะตนและทีมงานทำเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา คนทำนุบำรุงศาสนามีเยอะ แต่คนที่มาปกป้องอย่างพวกตนมันมีน้อย

ด้านทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ บอกว่าเรามาเพื่อกำจัดมารศาสนาการขึ้นป้ายแบบนี้เรียกว่ามีพิรุธ เราทำทุกอย่างตามกฏหมายไปวัดไหนเราขออนุญาต ฝากไว้เจ้าอาวาสบอกบวชมา 35 ปี ชาวบ้านบอกเป็นมานานแล้ว สำนักพุทธท่านทำอะไรอยู่ ชาวบ้านเขาทนกันมาตั้ง 35 ปีแล้ว ท่านไปอยู่ไหนชาวบ้านเขาอยากเปลี่ยน เรามาเพื่อกำจัดมารศาสนากำจัดเห็บไรพวกนี้ที่มาหากินกับผ้าเหลือง

ที่มา โพสต์ทูเดย์

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2565

'ขุน'เคลียร์ค่าเสียหายสาว อึ้งต่อกลางรายการเหลือสองหมื่น 'กรรชัย' จ่ายให้อีกหมื่น

‘ขุน ชานนท์’เคลียร์ขับรถชนวัยรุ่นสาว อ้างมองไม่เห็น-ไม่ได้หนี แม่ผู้เสียหายอยากให้มาชดใช้ อึ้งต่อค่าเสียหายเหลือ 2 หมื่น ‘กรรชัย’ ควักจ่ายให้อีกหมื่น 


จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก ‘หมอแล็บแพนด้า’ โพสต์เรื่องราว ดาราชายขับรถชนจยย.วัยรุ่น จนแขนผิดรูป ตอนแรกบอกจะชดใช้ทุกอย่าง แต่ติดต่อไปขอจ่ายค่าทำขวัญ 10,000 บาท จบเรื่องและท้าผู้เสียหายไปแจ้งความ ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.65) รายการโหนกระแส ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย ได้โทรฯ หาดาราหนุุ่ม ขุน ชานนท์ ที่เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เพิ่งทราบเรื่องว่ามีการตามหาตัวอยู่ ตอนนี้ไปถ่ายรายการที่แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และไม่มีสัญญาณมือถือ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 25 เม.ย. วันนั้นตนจะไปเอารถอีกคัน เพื่อขึ้นเขา จุดเกิดเหตุได้ทำถนนและเป็นทางแยก จึงเลี้ยวซ้าย ก่อนน้องมาชนรถของตน จึงจอดรถไปดูและยกรถจักรยานยนต์ของน้องขึ้นมา ก่อนให้แฟนของตนคุย จากนั้นขับรถตามไปส่งที่คอนโด

“วันนั้นยังไม่ได้คุยเรื่องค่าเสียหาย แต่ให้เบอร์และถ่ายบัตรประชาชนของขุนไปด้วย ส่วนเรื่องค่าเสียหายตามจริง ถ้าผมผิดจริงก็พร้อมรับผิดชอบ ยอมรับจุดเกิดเหตุเป็นทางเบี่ยง เพื่อจะเข้าทางตรง ที่สำคัญเป็นจุดบอดด้วย ถ้าขุนผิดก็พร้อมรับผิดชอบ ส่วนตัวก็เพิ่งเห็นคลิปวันเกิดเหตุเช่นนั้น

ด้านแม่ผู้เสียหาย กล่าวว่า แม่ไม่ได้ติดใจขุน เพราะลงมาช่วยและไม่ได้หนี แต่อยากให้มาชดใช้ค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะน้องผู้หญิงขอให้พูดดีๆ หน่อย เบื้องต้นแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น ยังไม่ได้แจ้งความ โดยขอแค่ 2 หมื่นและจบเรื่องเลย ทั้งที่ค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถรวมแล้วเกือบ 3 หมื่นบาท แต่น้องผู้หญิงบอกไหวแค่ 1 หมื่นบาท

“ตอนนี้อยากไกล่เกลี่ยและคุยกันดีๆ ส่วนตัวไม่อยากขึ้นศาล โดยนัดที่สน.หัวหมาก เพื่อพูดคุยกัน ซึ่งยังไม่ได้แจ้งความ แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น โดยอยากให้หนุ่ม กรรชัย เป็นพยานว่าจะให้ขุนมาพูดคุยตกลงเจรจากันวันหลัง”

หลังจาก พิธีกรดังตกลงยอมเป็นพยานในเรื่องนี้ให้ พร้อมถามและเจรจาชดใช้กับดาราหนุ่มขุน ชานนท์ ที่ค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถรวมแล้วเกือบ 3 หมื่นบาทจะจ่ายทั้งหมดเลยหรือไม่

ก่อนขุน ชานนท์ กล่าวว่า ขอต่อเหลือ 2 หมื่นละกัน โดยแม่ผู้เสียหายก็ตกลง ส่วนอีก 1 หมื่นแม่ผู้เสียหายจะหาเงินมาเอง ทำให้หนุ่ม กรรชัยบอกว่า อีก 1 หมื่นบาทเดี๋ยวตนจ่ายให้เอง

ขณะที่ ขุน ชานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนขอโทษแม่ที่ทำให้ไม่สบายใจ ขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจและมองไม่เห็น ขอให้หายไวๆ โดยจะลงจากเขาในวันที่ 30 เม.ย.

ที่มา ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565

"อดีตผู้พิพากษา" เดือดประกาศท้า "ทนายเดชา" ช่วยฟ้องหน่อยอยากดังกับเขาบ้าง

"อดีตผู้พิพากษา" เดือดจัดประกาศท้าชน "ทนายเดชา" ฟ้องเลย อยากพิสูจน์ความจริง เพราะคาใจคดีแตงโมเรื่องนี้เรื่องเดียว


ภายหลังการแถลงข่าวการสรุปสำนวนการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ดูเหมือนว่าจะมีปฏิกิริยาออกมาจากหลายฝ่าย ทั้งพอใจและไม่พอใจ จากการเปิดคลิปข้อเท็จจริงบางส่วน และเผยไทม์ไลน์การเสียชีวิต โดยระบุว่า แตงโมเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ ส่วนแผลเข้ากันได้กับใบพัดเรือ พร้อมสั่งฟ้องผู้ต้องหา 6 ราย 


ล่าสุด นายชนบท ศุภศรี "อดีตผู้พิพากษา" โพสต์เฟซบุ๊ค กฎหมายชนบท ประกาศท้าฟ้องผมเลยครับ ระบุว่า ผมคาใจเรื่องบาดแผลที่เกิดขึ้นประมาณ 22-23 จุด ของน้องแตงโม (คนอื่นเขาไม่กล้าพูดถึงเพราะเขากลัวโดนฟ้อง) ทนายเดชาและคุณแม่ กรุณาฟ้องผมได้เลยครับ ผมยินดีตกเป็นจำเลย ผมยินดีติดคุก เพราะผมไม่มีอะไรที่จะต้องสูญเสียอีกต่อไป ผมท้าให้ "ทนายเดชา" ฟ้องผม ผมไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ในอดีตผมเคยใช้ปากกาเขียนสั่งให้คนติดคุกติดตารางมาเป็นร้อย ๆ คน คราวนี้ผมโดนเสียบ้างก็ดี กล้า ๆ หน่อย 



"อดีตผู้พิพากษา" ระบุว่า ทั้งพี่ไทด์ และคุณหญิงหมอพรทิพย์ อาจกลัวว่าจะถูกฟ้อง และครอบครัวจะเดือดร้อน แต่ผมไม่กล้ว ผมอายุ 73 แล้ว ชีวิตผมผ่านมาเยอะแล้ว ครับ หลายคนที่ผมรักและรักผม เตือนผมว่า อย่าเข้าไปยุ่ง มันไม่คุ้ม แต่ผมคิดว่าคุ้ม อย่างน้อยผมก็จะได้เอาไปสอนลูกศิษย์ของผมว่า ผมมีประสบการณ์ตรง ผมไม่เคยหิวแสง ไม่เคยหาผลประโยชน์กับการเสียชีวิตของน้อง แตงโม การที่ผมโพสต์ว่า ผมยินดีจะว่าความให้คุณแม่โดยขอคิดค่าว่าความเพียง 100 บาท ก็เพื่อไม่ให้ผิดมารยาททนายความ ไม่ใช่ว่าคุณแม่ไม่จ้างผม


คุณ "ทนายเดชา" คุณรู้ไหมมีการติดต่อให้ผมว่าความให้น้องแตงโมก่อนทนายกฤษณะเสียอีก ผมมีพยานหลักฐานและคลิปที่คุณพูดถึงผม คุณรู้ไหมผมมีวิธีที่จะทำให้คุณแม่ได้เงิน 30 ล้านบาท และผู้ต้องหาทั้ง 6 คน รอดคุก ทุกอย่างวินวิน แต่ผมเลือกจะไม่ทำ เพราะผมกระดากใจ

รีบฟ้องผมเถอะครับ ผมยินดีไปรับสำเนาคำฟ้อง และหมายเรียกที่ศาลด้วยตนเอง เรามาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและพิสูจน์กันไหมครับว่า บาดแผลของน้องทั้ง 22-26 จุด เกิดจากอะไร ผมจะได้ดังเสียที...ครับ

ที่มา คมชัดลึก

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565

ทนายตั้ม ขอเสี่ยงเผยนักการเมืองลวนลามนศ.สาว นับสิบราย

“ทนายตั้ม” โพสต์เฟสบุ๊กระบุมีเหยื่อนศ.สาว ร้องต่อตนว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดัง ลวนลาม มีเหยื่อติดต่อเข้ามาเพิ่มเกือบ10ราย ลั่นหลักฐานแน่น ยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทเผยความจริง 


วันนี้ (14 เม.ย.) เวลา 12.50 น. นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยข้อความทางเพจเฟซบุ๊ก ถึงกรณีนักศึกษาสาว ถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดังอนาจาร โดยข้อความระบุว่า “อัพเดทข่าวเบื้องต้น รองหัวหน้าพรรคดัง มีพฤติกรรมชอบลวนลามเด็กสาววัย 18 เหยื่อติดต่อเข้ามาในไลน์ษิทราลอส์เฟิร์มนับสิบราย นอกจากนั้นในเพจข่าวยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในขณะเรียนอยู่ลอนดอน ประเทศอังกฤษก็มีพฤติกรรม Sexual Harrasment [ในกระทู้ข่าวเขียนถึง Rape ซึ่งแปลว่าข่มขืน] สำหรับผมมองว่าในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นอันตรายกับเด็กผู้หญิงหลายคน เท่าที่ดูคือชอบเรียกเด็กเข้ามาฝึกงาน แล้วจบด้วยการแต๊ะอั๋ง บางคนถึงขนาดกระทำชำเราและกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า เหยื่อแต่ละคนไม่กล้าดำเนินคดี เพราะพ่อของผู้กระทำความผิดมีตำแหน่งใหญ่โต แบ็คดี

วันนี้ผมเลยขอเสี่ยงเปิดเผยความเป็นจริงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ยังไงผมขอให้ทางพรรคทำการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยครับ ส่วนเจ้าตัวไม่ต้องมาชี้แจงอะไรกับผมหรอก ไปตามหมายเรียกก็พอ เพราะเหยื่อเริ่มทยอยไปให้การกับเจ้าหน้าที่แล้ว ตัวผมยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทครับ ถ้ากล้าก็มา เพราะหลักฐานผมแน่นจริงๆ

#นักการเมืองภัยสังคม #เหยื่อที่เคยถูกบุคคลนี้กระทำติดต่อมาได้ตลอดนะครับ”

ต่อมานายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่ใช่ตนเอง พร้อมเตรียมแถลงข่าวด่วนวันนี้ 15.00 น. ที่ลานแม่พระธรณี พรรคประชาธิปัตย์

ล่าสุดเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (14 เมษายน 2565) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย และผอ.ศูนย์การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า ตนรู้สึกช็อก และตกใจกับเรื่องที่เกิดทางโซเชียลมีเดีย ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ หลายข้อกล่าวหาเกิดขึ้น ตนขอปฏิเสธ และไม่ใช่เรื่องจริง หลายคนที่รู้จักตนก็รู้ดีว่าตนไม่ใช่คนแบบนั้น แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวโดยตรงของตนแต่ก็กระทบกับการทำงานในหน้าที่ภารกิจของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนมีตำแหน่งอยู่

“ผมรู้สึกรับผิดชอบในงานของผมที่กระทบกับภาพลักษณ์การทำงานของผม ผมจึงตัดสินใจที่จะลาออกจากทุกตำแหน่งของพรรคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะให้พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่ให้กระทบกับงานของพรรค” นายปริญญ์ กล่าว


วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565

ปิดฉากเส้นทางการเมือง "ปารีณา" ศาลพิพากษาห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต

"ปารีณา ไกรคุปต์" ให้สัมภาษณ์เสียงสั่น หลังศาลฎีกาพิพากษา ผิดจริยธรรมร้ายแรงจากกรณีรุกป่าราชบุรี สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี และห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต




วันนี้ (7 เม.ย. 65) ศาลฎีกา นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม

โดยศาลฎีกามีคำพิพากษา น.ส.ปารีณา มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง และ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 64 รวมทั้งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี เเละไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง เเละดำรงตำเเหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก คณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดว่า น.ส.ปารีณา ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นส.ส. กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม และกรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมโดยให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย

ทั้งนี้ตาม พระราชบัญัติประกอบรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ระบุว่า ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือ สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหน่งทางการเมืองใดๆตลอดชีวิต

ล่าสุด หลังจากที่ศาลพิพากษา ปารีณา ไกรคุปต์ ปรากฏว่าในไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มี ส.ส.เข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา จนกระทั่งเวลา 10.21 น. น.ส.ปารีณาได้ออกจากไลน์ของกลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อ น.ส.ปารีณา ตั้งแต่รู้ผลมติศาลชี้ออกมาก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งเวลา 13.45 น. น.ส.ปารีณา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า “ตอนนี้ยังไม่เจอใคร ยังไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ ตัวชา กำลังทำใจอย่างเดียว ไม่ต้องทำพื้นที่แล้ว เพราะเหมือนคนตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสภาให้ไป ไม่มีไก่ให้เลี้ยง ไม่เหลืออะไรแล้ว”

ที่มา โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า



วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2565

ช็อก! ‘บีม ปภังกร’ พระเอกซีรีส์ ‘เคว้ง’ เสียชีวิตกระทันหัน

เกิดเหตุช็อกวงการบันเทิงอีกครั้ง เมื่อนักแสดงหนุ่ม “บีม ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์” จากไปอย่างกระทันหัน หลังผู้ใกล้ชิดพบพระเอกหนุ่มนอนหลับปลุกไม่ตื่น จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลหมอพยายามกู้ชีพแต่ไม่เป็นผล


เมื่อวานนี้(23 มี.ค.2565) ผู้สื่อข่าวได้รายงานข่าวช็อกวงการบันเทิงอีกครั้งว่า นักแสดงหนุ่ม”บีม ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์” ได้เสียชีวิตแล้ว โดยมีรายงานเบื้องต้นว่า อย่าได้พบนักแสดงหนุ่มนอนหลับอยู่ จึงพยายามปลุกแต่ไม่รู้สึกตัวตื่น จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล พยายามกู้ชีพแต่ไม่เป็นผลทำให้นักแสดงหนุ่มจากไปอย่างสงบ

”บีม ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์” เกิดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2539 มีผลงานมากมาย ทั้งเรื่องบนเตียง (Sleepless Society: Bedtime Wishes), น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์, สัมผัสพิศวง ตอน โจ๋ผู้กล้า, เรื่องลับหลัง, Mister Merman แฟนฉันเป็นเงือก, Project S The Series ตอน Spike, บางระจัน, Blue Wave และล่าสุด บีม ได้เป็นพระเอกในซีรีส์ เรื่อง “เคว้ง” ที่ฉายทางเน็ตฟลิกซ์ 


ขณะที่กำลังรอการแถลงอย่างเป็นทางการจากต้นสังกัด และทางครอบครัวของพระเอกหนุ่ม ผู้จัดการส่วนตัวของดาราหนุ่ม ได้เปิดเผยว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากคุณแม่กับน้องอยู่คนละที่กันวันนี้คุณแม่ไม่สามารถติดต่อน้องได้ทั้งวันเลยเดินทางไปหาที่คอนโดฯ ตอนเย็นแล้วพบว่าน้องหลับไปเฉยๆ ตอนนี้ก็ต้องรอทางคุณหมอชันสูตร ส่วนการจัดพิธีนั้นตอนนี้ยังไม่ทราบอะไรเลยเพราะทุกคนยังช็อกกันหมด เพราะเพิ่งจะทราบเรื่องกันเมื่อตอนเย็น เบื้องต้นน้องเป็นคนสุขภาพแข็งแรง เลยต้องรอผลชันสูตรจากทางคุณหมอและเจ้าหน้าที่ก่อน หลังจากนั้นจะแจ้งให้ทราบอีกที”

ขณะที่นักแสดงสาวและผู้จัดละครมากฝีมือ โดนัท มนัสนันท์ ได้โพสต์ภาพคู่ บีม ปภังกร พร้อมข้อความสุดอาลัยถึงพระเอกหนุ่มด้วยว่า "ถึงน้องบีม..พี่ไม่คิดว่ารูปนี้จะเป็นรูปเดียวและรูปสุดท้ายที่เราถ่ายด้วยกัน วันนี้พี่เสียใจมาก ซีรีส์เรายังไม่ทันฉายเลย วันนี้น้องไม่อยู่แล้ว มันยากมากสำหรับพวกเราทุกคนจริงๆ พี่อยากให้ตอนจบคือเหมือนในหนังได้มั้ย พี่พูดไม่ออกเลย ไม่ว่าบีมจะไปอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ขอให้น้องรู้ว่าน้องอยู่ในใจพี่เสมอ พี่ดีใจมากๆที่เราได้ทำงานด้วยกันแล้วก็รู้จักกัน พี่รักและคิดถึงบีมนะ จากพี่โดนัท"

โดยมี จ๋า ยศสินี ผู้จัดละครดัง เข้ามาคอมเมนต์สุดเศร้าในการสูญเสียพระเอกบีมกะทันหันด้วยว่า 

"ฮืออออ น้องกำลังจะลงละครจ๋าด้วย ซึ่งสาวโดนัท ก็ได้ตอบคอมเมนต์อิโมจิน้ำตาไหลหนัก พร้อมข้อความด้วยว่า @yossiebistro น้องเป็นเด็กตั้งใจมากๆ"

ขณะที่ ดีเจอ๋อง ก็เข้ามาคอมเมนต์ร่วมแสดงความเสียใจด้วยว่า 

"พี่โด..เราช็อคมากกกกกก เสียใจมากกก"

นอกจากนี้ ยังมีคนบันเทิงได้เข้ามาคอมเมนต์แสดงความอาลัยต่อการเสียชีวิตพระเอก ”บีม ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์” เป็นจำนวนมาก

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้(24 มี.ค.65) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการสอบถามข้อมูลพ.ต.อ.กันตภณ โพธิ์อ๊ะ ผกก.สน.วังทองหลาง ยืนยันข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายเล่นฟุตบอลช่วงเวลาประมาณ 20.00 – 22.00 น. จากนั้นไปรับประทานอาหารที่ร้านข้าวต้ม เวลา 23.30 น. เข้าที่พักและเสียชีวิตอีกวันหนึ่ง ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการก่อเหตุ ทั้งนี้ รอผลชันสูตรแพทย์นิติเวชชันสูตรพลิกศพยืนยันการเสียชีวิตโดยละเอียดต่อไป

ที่มา ข่าวสด

กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...