แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวเด่นประเด็นร้อน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวเด่นประเด็นร้อน แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อชื่อเสียงของเขา แต่ดราม่าหนักๆ จนเป็นที่จดจำกันได้ดี คือ เรื่อง "เสียอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม" และกรณีข่าวทำดาราท้อง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตส่วนตัวและอาชีพของเขา




ดราม่า "เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม"
เกิดขึนกับ ฟิล์ม รัฐภูมิ เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว เซียนพระเครื่องชื่อดังนั้น โดยมีข่าวว่า "เสียอู๊ด" สิทธิกร บุญฉิม ได้ให้การช่วยเหลือครอบครัวของฟิล์ม ทั้งบ้าน รถ และเงินจำนวนมากนับสิบล้านบาท ซึ่งทางด้าน ฟิล์ม ออกมาปฏิเสธในตอนแรก แต่ในภายหลังเขายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ก่อนที่เสียอู๊ดจะจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายในโรงแรมแห่งหนึ่ง เรื่องนี้สร้างความขัดแย้งและ
ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคม

ดราม่า "ทำดาราท้อง"
ช่วงที่เขามีชื่อเสียงสูงสุดในวงการบันเทิง ข่าวลือเกี่ยวกับการทำดาราท้องทำให้ฟิล์มถูกโจมตีอย่างรุนแรง จนเจ้าตัวเครียดถึงขั้นทานยานอนหลับเกินขนาดจนเป็นข่าวดัง แต่หลังจากการตรวจสอบดีเอ็นเอแล้วก็พบว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ฟิล์ม จึงออกมาแถลงข่าวเพื่อเคลียร์ข้อสงสัยและปกป้อง ตัวเองจากข่าวลือที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ ฟิล์มตัดสินใจบวซและไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ เพื่อค้นหาความสงบ และห่างไกลจากความวุ่นวายของวงการบันเทิง


ข่าวล่าสุดเป็นเรื่องคลิปเสียง
ชื่อของ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้ถูกพูดถึงอีกครั้งหลังจากมีคลิปเสียงหลุด ที่อ้างว่าเขาไปพูดคุยกับ "บอสปัน" เจ้าของบริษัท ดีไอคอน เพื่อเรียกร้องเงินจำนวน 20 ล้าน ซึ่งเป็นข่าวที่ถูกพูดในรายการ "โหนกระแส" โดยมีการอ้างถึงชื่อ "หนุ่ม กรรชัย" ซึ่งเป็นการสร้างความขัดแย้งในสื่อ โดยต่อมาโฆษกของพรรดพลังประชารัฐได้อออกแถลงข่าวทันทีว่า ฟิล์มไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐมานานแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2567

กระแต อาร์สยาม เซ็กซี่ท้าแดด ดราม่าเกือบมาเพราะสถานที่ถ่าย

กระแต อาร์สยาม โชว์เซ็กซี่ท่ามกลางแดดจ้า ชาวเน็ตแห่ชมแต่หวิดมีดราม่าเพราะแบล็คกราวด์ดูเหมือนวัด


กระแต อาร์สยาม นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นไอดอลของสาวๆ แทบทั้งประเทศ เราจะเห็นผลงานของเธออยู่เรื่อยๆ ทั้งสวย เก่ง ขยัน รวย แถมรูปร่างดีมากๆ อันเป็นผลมาจากการออกกำลังกายอย่างมีวินัย เมื่อไหร่ที่เธอมาในลุคเซ็กซี่ ทุกคนต่างตาลุกวาวตามๆกัน





ล่าสุด สาว กระแต ไปที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมโพสต์ภาพอวดชุดหุ่นเซ็กซี่ของเธอในชุดบิกินี่สีขาว  ท่ามกลางแดดจ้า ทำเอาหลายคนฮือฮา กดไลค์และคอมเมนต์ชม แต่ก็เกือบมีดราม่าสถานที่ถ่ายภาพมีความคล้ายวัด จนทำเอาแฟนคลับหลายคนมาต้องรีบมาตอบแทนว่าเป็นโรงแรม





ที่มา ที่นี่ดอทคอม







วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2567

“เอ๋ มิรา” ซัดแรงอวดรวยแต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร หลังชนะคดี

ชนะคดีแล้ว! นักร้องสาว “เอ๋-มิรา ชลวิรัลวานิศร์” ฟาดแรงปมค่าเลี้ยงดูบุตร เผยต่อจากนี้ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเอง 


เอ๋-มิรา ชลวิรัลวานิศร์ อดีตภรรยา ไพบูลย์ แสงเดือน เช็คอินที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.เลย พร้อมออกมาเคลื่อนไหวหลังชนะคดี โพสต์แรงปมค่าเลี้ยงดูลูก งานนี้ทำเอาเดือดโซเชียลปุดๆ 

โดย เอ๋-มิรา ได้เขียนแคปชันอ้างถึงคู่กรณี หลังศาลสั่งจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร ไว้ว่า “ผมไม่เอาลูก! ไม่เอาใคร! ไม่เอาอะไรก็ได้ ขอแค่ผมไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละหมื่น โอ้ อิหยังกินความคึดมึงน้อ พูดต่อหน้าลูกในศาลแบบนี้ ลูกจะรู้สึกยังไง ไม่อยากได้ลูกแล้วฟ้อง เพื่อ!แค่ไม่อยากจ่ายนี่นะ สุดท้ายศาลให้จ่าย บ่มีเงินจ่ายปานนั้นอวดรวยคักเข้าใจคำว่า-ิบหายยัง”  

พร้อมทั้งร่ายความในใจต่ออีกว่า “ศาลให้จ่ายย้อนหลังรวม 9 เดือน รวม 9 หมื่น บ่มีเงินจ่าย แทนที่จะพูดกับเราดีๆ ด่าเราต่อหน้าลูกอีก จะให้เห็นใจยุเบาะคนแบบนี้ อย่าหวังว่าจะได้มาใกล้ลูกฉันอีก พ่อ ที่แปลว่า พ่-ตาย!!”

นอกจากนี้ยังได้บอกต่ออีกว่า “คดีสิ้นสุดวันนี้เลย ชนะจ้า หาเงินเลี้ยงลูกต่อไป เพราะเราคือมนุษย์แม่ จบแบบเท่ๆ” ท่ามกลางคอมเมนต์ส่งกำลังใจให้อย่างมากมาย

ที่มา PPTV Online

วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566

มาแล้ว ฉายารัฐบาลปี 66 สุดจี๊ด แกง​ส้ม​ "ผลัก" รวม - เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน"

ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ได้มีการตั้งฉายารัฐบาลปี 66 ตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยได้ให้ฉายา รัฐบาลว่า แกง​ส้ม​ "ผลัก" รวม, นายกฯว่า "เศรษฐา" เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน" โดยมีวาทะแห่งปี "ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย​"


เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และ รัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ได้มีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และ วาทะแห่งปี ประจำปี 2566 ดังนี้

รัฐบาล ได้ฉายา แกง​ส้ม​ "ผลัก" รวม

"แกง" คือ คำสแลงที่ใช้แทนความหมายว่า แกล้ง "ส้ม" คือ สีของพรรคก้าวไกล ส่วนคำว่า "ผลักรวม" ล้อมาจากคำว่า "ผักรวม" เมนูแกงส้มยอดนิยมประเภทหนึ่ง เมื่อรวมกันแล้ว นิยามความหมายในทางการเมือง สะท้อนกระแสสังคม มองพรรคก้าวไกลถูกกลั่นแกล้ง MOU ถูกฉีก และ ถูกผลักออกจากการร่วมรัฐบาล ด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย และ ข้ออ้างทางการเมือง ส้มจึงหล่นใส่พรรคอันดับรอง กลืนน้ำลายจัดตั้งรัฐบาล "มีลุง" ก็ไม่เป็นไร โดยให้เหตุผลเพื่อความสมานฉันท์ ทำเอาแฟนคลับผู้รักประชาธิปไตยถึงกับหัวใจสลาย ก่อเกิดวาทกรรม "ตระบัดสัตย์"

ดังนั้น แกง​ส้ม​"ผลัก"รวม จึงใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมือง ของการจัดตั้งรัฐบาลที่ว่า "ชนะเลือกตั้ง แต่แพ้จัดตั้ง" ได้เป็นอย่างดี


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ฉายา เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน"

นับแต่เศรษฐีที่ชื่อ "เศรษฐา" เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าทำงานทันที โดยเฉพาะการหารายได้เข้าประเทศ ต้องยอมรับในความมุ่งมั่นตั้งใจ คิดเร็วทำไว เดินสายพกประเทศไทยใส่กระเป๋า ไปโรดโชว์จีบนักลงทุนทั่วโลก ประกาศตัวเป็นเซลล์แมนเต็มรูปแบบ

แต่ในทางการเมือง ยังถูกมองว่า ไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง เงาของคนในตระกูล "ชินวัตร" ยังปกคลุม เปรียบเสมือนตัวแสดงแทน หรือ สแตนด์อิน เพราะเคยหลุดปากขณะออกงานพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รักของนายใหญ่ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยเช่นกัน ว่า "นายกฯ คนไหน มีนายกฯ 2 คน” อีกทั้งหลายนโยบาย ก็ถูกวิจารณ์ว่า ต่อยอดมาจากนโยบายเดิม ของรัฐบาลนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นายภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​พาณิชย์ ได้ฉายา รองกอง

รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 คนที่นายกรัฐมนตรีต้องเชื่อใจ และ ปล่อยให้ดูแลทุกอย่าง เมื่อต้องออกไปเดินสายขายของในต่างประเทศ ต้องรับเละทุกงานในมิติการเมือง และ ถูกโยนให้รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักหลายเรื่อง ที่นายกฯ หลายยุคหลายสมัยต้องนั่งหัวโต๊ะ

กลับกลายเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐบาลนี้ รองนายกฯ ที่ชื่อ "ภูมิธรรม" ต้องทำหน้าที่แทน นับตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาประมง กลุ่มพีมูฟ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ EEC หรือแม้แต่ช่วงวิกฤตนาทีชีวิตแรงงานไทยในอิสราเอล ประชุมนัดแรก ก็ยังเป็น "ท่านรอง ภูมิธรรม" ไหนจะงานหลักในกระทรวง ปัญหาของแพง ราคาอ้อย น้ำตาล อีรุงตุงนัง กองสุมอยู่รอบตัว เหมือนลองกอง ผลดก พวงยาว กิ่งใหญ่

นายสุทิน คลังแสง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​  ได้ฉายา พลิกทินสู่ดาว

ได้ยินแทบไม่เชื่อหู ใครเห็นเป็นต้องขยี้ตา เมื่อพลเมืองเต็มขั้น เคยรับเงินเดือนครู หลงใหลในดนตรีหมอลำ ผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมือง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกองทัพ นอกจากนามสกุล "คลังแสง" ขนาดเจ้าตัวยังไม่เคยนึกฝัน ว่าชีวิตนี้จะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แต่ด้วยบุคลิกสุภาพ ใจเย็น มืออ่อน และ ลีลาร้องรำน่าเอ็นดู จึงเข้าได้กับทหารทุกกรมกอง พลิกชีวิตลูกอีสาน สู่ดาวเจิดจรัสเฉิดฉาย ท่ามกลางเหล่าทัพได้อย่างแนบเนียน

พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงยุติธรรม ได้ฉายา ทวี สอดไส้

ยิ่งกว่านอนมา สำหรับตำแหน่งเจ้ากระทรวงยุติธรรม เต็งหนึ่งชื่อเดียว แบบไร้คู่แข่งมาตั้งแต่ต้น สะท้อนความไว้วางใจจากนายใหญ่แค่ไหน คงไม่ต้องพูดถึง

แม้จะไม่โดดเด่นในการบริหารราชการช่วง 3 เดือนแรก แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็น เอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเดินทางกลับมารับโทษ ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียว เผือกร้อนแค่ไหนคงไม่ต้องถาม มือพองแค่ไหนก็ต้องถือ กว่านายทักษิณจะออกจากคุก ต้องถูกจ้องถล่มอีกมากแค่ไหน คงไม่ต้องเดา

นายชาดา ไทย​เศรษฐ์​ รัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​  ได้ฉายา มาเฟียละเหี่ยใจ

นักการเมืองชื่อดังแห่งจังหวัดอุทัยธานี ประวัติโลดโผน ภาพจำพัวพันวงการนักเลง ถูกประทับตรามาเฟีย ผู้คนยกสถานะให้เป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธมาโดยตลอด พร้อมให้คำจำกัดความตัวเองไว้ว่า “ ความดีพอสมควร ความชั่วพอประมาณ สันดานพอคบได้”

หน้าที่การงานในตำแหน่งรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ เป็นโต้โผปราบปราม "ผู้มีอิทธิพล" จนฮือฮากันทั้งประเทศ แต่ยังไม่ทันได้สร้างผลงาน "ลูกเขย" ก็สร้างเรื่องก่อน ถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) จับกุม ในข้อหาเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล 2 โครงการ งานนี้เก้าอี้รัฐมนตรีร้อนระอุ เปิดแถลงข่าวภายใน 24 ชั่วโมง สั่ง "ลูกเขย" ยื่นใบลาออกทันที ไม่ต้องรอสอบสวน ลั่นเป็นลูกเขยชาดา สปิริตต้องมากกว่าคนอื่น

โดยได้ให้ "ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย" เป็นวาทะแห่งปี

​นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 หลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย

โดยขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเท ทำงานหนัก รับฟังเสียงของประชาชน นำความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ แต่ทำงานยังไม่ถึง 4 เดือน กลับขอลาพักผ่อนกับครอบครัวเป็นเวลา 4 วัน จนชาวโซเชียล อดแซวไม่ได้

หากถามนักข่าวหลายคนที่คุ้นเคย และ ตามติดภารกิจนายเศรษฐา ต่างรู้ซึ้งเป็นอย่างดี ถึงคำว่า "ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย" แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ตามนายกฯ 3 เดือนเหมือน 3 ปี ให้สัมภาษณ์ทุกที่ ที่มีโอกาส ถึงไม่เห็นหน้าก็มาทางโซเชียล ค่ำคืนไม่พักไม่ผ่อน

โพสต์ประเด็นร้อนทันใจ "ภูเก็ตก็แค่ปากซอย" นักข่าวพิสูจน์แล้ว นายกฯ ทำได้จริง พร้อมสะท้อนปัญหาหลักของนายกฯ ที่มักบอกว่าเป็นคนพูดตรง คือ การสื่อสาร หลายครั้งนำภัยมาสู่ตน เมื่อขึ้นศักราชใหม่แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร คงต้องรอติดตามกันต่อไป 

ที่มา ไทยพีบีเอส

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พีอาร์สาว ร้องนายกฯ ถูกตำรวจเรียกเงิน-ข่มขืน แลกคดียาเสพติด

พีอาร์สาวเข้าร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ช่วยเหลือติดตามคดี อ้างถูกตำรวจ 7 นาย จับคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และถูกเรียกรับเงินกว่า 300,000 บาท และยังได้ถูก 1 ใน 7 ตำรวจได้พาไปข่มขืนที่โรงแรมย่านรังสิต


วันนี้ (12 ธ.ค.2566) หญิงสาวที่ตกเป็นผู้เสียหายพร้อมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางมานำหลักฐานใบแจ้งความ เอกสารใบส่งตัวดำเนินคดี และรายการเดินบัญชีธนาคารมามอบให้กับ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือและติดตามคดี

โดยทางผู้เสียหาย และสามี อ้างถูกตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี 7 นาย บุกค้นตัวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านคลองห้า ถนนรังสิต นครนายก เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพบเคตามีนจำนวนหนึ่ง ก่อนถูกคุมตัวแยกขึ้นรถคนละคันกับสามี จากนั้นตำรวจได้ขอดูยอดเงินในแอปพลิเคชัน ธนาคารในโทรศัพท์ พบว่าเธอมีเงินในบัญชีมากกส่า 360,000 บาท จึงพูดข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีกับเธอและสามีในข้อหาหนัก ก่อนพูดหว่านล้อมเรียกรับเงิน 300,000 บาท แลกกับการดำเนินคดีในข้อหาเสพ ซึ่งมีโทษเบากว่า เธอจึงยินยอมจะจ่ายให้

หลังจากนั้นตำรวจได้พาเธอขึ้นรถตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ตัวเมืองปทุมธานี 200,000 บาท และโอนเงินไปให้บัญชีสามีไปกดเพิ่มอีก 100,000 บาท ในพื้นที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยมีตำรวจประกบตัวอยู่ตลอดเวลา

จากนั้นตำรวจคนที่อยู่บนรถกับเธอแค่สองคน ได้ขอมีเพศสัมพันธ์ โดยอ้างว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยเหลือวิ่งเต้น เธอปฏิเสธแต่ตำรวจข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีหากไม่ยินยอม ก่อนบังคับพาเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งย่านรังสิต จนสำเร็จความใคร่ และขู่บังคับเรียกเงินเพิ่มอีก 300,000 บาท ส่วนสามีถูกส่งตัวดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดไว้เสพ (ยาบ้า 2 เม็ด )

โดยทางด้านสามีผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนถูกตรวจค้นจับกุม ได้ซื้อยาเสพติดมาจากนายกอล์ฟ ที่เคยซื้อขายยาเสพติดกันมาอยู่บ่อยครั้ง คาดว่าเป็นคนชี้เป้าให้ตำรวจเข้ามาจับจนเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น และรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ภรรยาต้องเสียเงินไปกว่า 300,000 บาท และถูกข่มขืน 

หลังรับเรื่อง ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ได้ประสานไปยังโฆษกอัยการสูงสุดและกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยทันที ให้ดำเนินคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อุ้มหายและทรมาน ซึ่งยืนยันว่าตำรวจทั้ง 7 นายนั้นเข้าข่ายการกระทำความผิดอย่างชัดเจน เพราะระหว่างการจับกุมไม่มีการบันทึกภาพวิดีโอเป็นหลักฐานตั้งแต่กระบวนการจับกุมจนถึงขั้นตอนพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ยังได้ประสานไปทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ช่วยตรวจสอบเรื่องเส้นทางยาเสพติดเพิ่มเติม โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบด้วยเพราะถือว่าเป็นการปล่อยปละละเลยทำให้ระบบการทำงานของตำรวจเสียหาย พร้อมย้ำว่าตัวเองจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

ตามรายงานได้แจ้งว่า ตำรวจชุดจับกุมมี ร้อยตำรวจตรี 1 นาย ดาบตำรวจ 3 นาย จ่าสิบตำรวจ 1 นาย สิบตำรวจเอก 2 นาย

โดยทางด้าน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบมีการกระทำความผิดตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างมีโทษทางวินัยและอาญาต่อไป

ที่มา ไทยพีบีเอส

วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

พิ้งกี้ แรงส์ วิจารณ์มิสนิการากัว ร้องไห้ปลอม ไม่มีนัำตา

การประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2023 จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย โดยมิสยูนิเวิร์สในครั้งนี้คือ สาวงามจาก ประเทศ นิการากัว Sheynnis Palacios


ล่าสุดได้มีการเเชร์คลิปของ นักเเสดงสาว พิ้งกี้ สาวิกา ที่ได้ดูการประกวดในครั้งนี้ด้วย เธอได้พูดถึงจังหวะที่ Sheynnis Palacios รู้ว่าตัวเองได้รับตำเเหน่งว่า


ตอนนิการากัวร้องไห้เหมือนเขาร้องเเบบอำลาตำเเหน่ง ไม่ได้ร้องไห้ออกมาจากความรู้สึก เขาร้องไห้เเบบปลอมๆ หรือเปล่าอันนี้เเค่คิดนะ เราไม่รู้ว่าเขารู้มาก่อนนะ เขาร้องเเบบธุรกิจเราไม่อยากเข้าข้างของเราเอง ร้องไห้เเต่ไม่มีน้ำตา เราเห็นมาตลอดว่าถ้าเราได้มงเราจะต้องร้องไห้ เเต่เราเห็นเเปปนึงว่าเเอนตัวสั่นตื่นเต้นเเละรู้สึกจริงๆ เเต่เขาจะเป็นเเบบห๊ะฉันหรอ

เเละตอนที่เขาอยู่กับเพื่อนนางงาม แล้วทุกคนมาเชียร์ ฉันก็ยังรู้สึกว่าเฮ้ยยังไม่มาวะๆ เสียใจอะ มันเหมือนดีใจปนร้องไห้ที่มันไม่ใช่อะ


ที่มา ที่นี่ดอทคอม


วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

“จุลพันธ์” มั่นใจไร้อุปสรรค ได้เงินดิจิทัลเร็วสุด พ.ค. ปีหน้า

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง มั่นใจเงินดิจิทัล จะผ่านสภาและพรรคร่วมรัฐบาล คาดเริ่มใช้ เม.ย. ไม่ทัน เพราะยึดตามกรอบของกฎหมาย เร็วสุด พ.ค.67 พร้อมโต้ “ศิริกัญญา” มองมิติต่างกัน รัฐบาลเห็นความเดือดร้อนประชาชน และการเจริญเติบโตของประเทศมีปัญหา


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ถึงการยื่นกฤษฎีกาตีความนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า ขั้นแรกจะต้องรอกระบวนการของทางกฤษฎีกาก่อน ในส่วนของการปรับหลักเกณฑ์เพื่อให้เงื่อนไขครอบคลุมมากขึ้น ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการปรึกษาในส่วนของกฎหมายให้เรียบร้อย

ต่อคำถามที่ว่ากระแสของสังคมที่ออกมาคัดค้านโครงนี้ รมช คลัง ระบุว่า ย่อมมีเสียงที่เห็นด้วยและเสียงที่เห็นต่า งซึ่งเป็นเรื่องปกติ เราก็มีหน้าที่ทำตามให้เป็นตามขั้นตอนของกฎหมายครบถ้วน และรับฟังเสียงสะท้อนทุกรูปแบบจากที่ดำเนินการมาตั้งแต่แรกก็จะเห็นได้ว่าก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางส่วนเพื่อให้เป็นไปตามเสียงที่ได้รับฟังมา ซึ่งพยามทำให้โครงการนี้เป็นประโยชน์ที่สุด และเป็นไปตามกรอบของกฎหมายทุกประการ

สำหรับกรณีที่มีการเรียกร้องให้มีการเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการชุดใหญ่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ถ้าถามมาก็ตอบได้หมด ไม่ได้มีอะไรเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน โดยในที่ประชุมมีควาเห็นที่แตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ ส่วนการเปิดเผยบันทึกประชุม ตนไม่แน่ใจข้อกฎหมาย เพียงแค่ให้คำตอบได้ในแต่ละประเด็น


เมื่อถามถึงกรณีที่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล วิพากษ์จารณ์การดำเนินโครงการนี้ จะอ้างว่าเศรษฐกิจโตไม่ทันไม่ได้ นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มิติต่างกัน คุณศิริกัญญา อาจเห็นถึงความจำเป็น และความหนักหน่วงของสถานการณ์ที่แตกต่างกัน  ความเดือดร้อนของประชาชนมาถึงจุดแล้ว เห็นการเจริญเติบโตของประเทศมีปัญหา ในมุมของรัฐบาล จะต้องนำเสนอขั้นตอนทุกอย่างให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย แล้วต้องบอกเหตุผลและความจำเป็นในมุมของรัฐบาล ส่วนความคิดเห็นต่างก็สามารถหารือร่วมกันได้

กับเรียกร้องของประชาชนที่ขอให้เริ่มใช้เงินดิจิทัลช่วงเดือน เม.ย. 67 ได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ ยืนยันว่าไม่ทัน ปัญหาคือเราคำนวณเรื่องของกรอบเวลา ในเรื่องของ พ.ร.บ. จะมีขั้นตอนตามกฎหมายที่จะต้องดำเนินการ หากไม่มีอุปสรรคใด ๆ เร็วสุดก็คือเดือน พ.ค.67

เมื่อถามถึงความมั่นใจที่ พ.ร.บ.เงินกู้ จะผ่านสภาได้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่ามีความมั่นใจ จากที่ได้รับฟังทุกคนทางพรรคร่วมรัฐบาล ก็เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน รวมถึงความจำเป็นของนโยบายที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ และเชื่อว่าเสียงของสมาชิกวุฒิสภาจะไม่เป็นอุปสรรค

ที่มา PPTV Online


วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

แม่ใจจะขาด เจอคลิปสุดท้าย ก่อนลูกสาวจมน้ำตายร้องให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองหัวเราะกันคิกคัก

แม่ใจจะขาด เห็นคลิปสุดท้ายก่อนลูกสาวจมน้ำตาย ร้องขอให้ช่วย คนบนฝั่งยืนมองบอกปล่อยให้มันตายไปเลย


เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้สูญหายในน้ำ บริเวณบ้านห้วยตาสี หมู่ที่ 6 ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นคลองชลประทานลึกประมาณ 3 เมตร ชุดค้นหาใต้น้ำอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูชัยนาท ได้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงลงค้นหาจนพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.สุรัตวดี อายุ 32 ปี ที่อยู่ตำบลเนินขาม อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท จากนั้นนำร่างส่งมอบญาติดำเนินการทางศาสนา ณ ที่พักสงฆ์ละหานใหญ่เจริญศรี (วัดห้วยตาสี)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นางสุรินทร์ อายุ 52 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต หลังมีคลิปหญิงสาวกำลังจมน้ำแต่ไม่มีใครลงไปช่วยและได้จมน้ำเสียชีวิตต่อหน้าของทุกคน จึงได้มีการแจ้งกู้ภัยช่วยเหลือ โดยผู้เป็นแม่ร่ำไห้สงสัยทำไมคนถ่ายคลิปและคนยืนดูอีกหลายคนไม่ช่วยเหลือ

นางสุรินทร์ เปิดเผยว่า มีความรู้สึกคาใจว่าลูกเราตกน้ำมีคนเห็นเขาน่าจะช่วย วันนั้นเขาไปเล่นน้ำตอนมืดแล้วประมาณ 2 ทุ่ม มีคนเล่าว่าลงเล่นน้ำฝั่งนี้แล้วลื่นไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วไปกอดต้นโสน จากนั้นหลุดจากต้นโสนลอยน้ำไป เขาร้องโอยๆ อยากให้ช่วย แต่มีคนบอกว่าลูกโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่คลิปหลุดมาไม่ใช่การฆ่าตัวตายเพราะลูกร้องให้ช่วย ซึ่งวันเกิดเหตุลูกดื่มเหล้าก่อนที่จะลงเล่นน้ำ

นางสุรินทร์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าลูกจะเป็นผู้ป่วยจิตเวช แต่ตอนเราได้ยินเสียงลูกร้องในคลิปแล้วรู้สึกเจ็บปวด ไม่มีใครช่วยเลย หมาตกน้ำเรายังช่วยเลย นี่คนทั้งคน จะบ้า จะบอ จะดีอะไรก็ตาม เมื่อก่อนเขาเป็นคนดีมาก หลังๆเขาไม่ค่อยสบายเขาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครกินแต่เหล้า ตรงที่เจ็บปวดคือคำว่า “ปล่อยไปเลย ให้มันจมน้ำตายไปเลย มันเรียกร้องความสนใจ ให้มันจมน้ำไปก่อนแล้วค่อยโทรหาปอเต็กตึ๊ง”

ได้ยินเสียงลูกร้อนโอยๆ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ลูกเขาก็ร้องไห้ทำไมเป็นแบบนี้ไม่มีใครช่วยเลย อยากรู้ว่าคนถ่ายคลิปเอาหัวใจอะไรมาใส่ ทำไมไม่ช่วยคนทั้งคน อยู่กันตั้งหลายคน ตอนที่ยังไม่ห่างตลิ่ง หรือโทรหาคนมาช่วยก็ได้หรือตามคนที่บ้านไปช่วยก็ได้

ที่มา สนุกดอทคอม

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

#ปูอัด ขึ้น X Trends Thailand ปมคุกคามทางเพศ เรียกร้อง สส.ก้าวไกล ลาออก

การกรณีถูกร้องเรียนการคุกคามทางเพศของ สส. ทำให้ชาวโซเชียลและสส.หญิงพรรคก้าวไกล เรียกร้อง "ปูอัด ไชยามพวาน" ลาออก จน #ปูอัด ติดอันดับ 1 เทรนด์ X พร้อมทั้งเรียกร้องให้ขอโทษและเยียวยาผู้เสียหาย


ล่าสุด (2 พ.ย.2566) หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรคก้าวไกล กรณีถูกร้องเรียนคุกคามทางเพศ ได้มีมติเห็นควรให้ขับออกจากพรรคจำนวน 106 เสียง แต่ไม่ถึง 3 ใน 4 หรือ 116 เสียง ทำให้ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือปูอัด สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม ถูกตัดสิทธิพึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุมหากมีพฤติกรรมใดๆ ที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก ขณะที่นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ถูกขับพ้นพรรคจากประเด็นร้องเรียนเดียวกัน


ชาวโซเชียลต่างออกมาวิจารณ์ว่า นายไชยามพวานเพียงแถลงขอโทษ แต่ไม่ได้ยอมรับผิด บางส่วนเปรียบเทียบ 2 เคส 2 มาตรฐาน พร้อมเรียกร้องให้นายไชยามพวาน ลาออก จนแฮชแท็ก #ปูอัด ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 แอปพลิเคชัน X ตามมาด้วยอันดับ 3 #พรรคก้าวไกล 

ไม่ต่างจาก สส. และ สก.หญิง ในพรรคก้าวไกล ที่ออกมาโพสต์วิจารณ์พร้อมเปิดภาพโปรไฟล์ X เป็นสีดำ "เนอส ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย" สก.บางซื่อ ระบุ "หน้า ด..ไม่มีความละอายแก่ใจ เป็นคนให้ได้ก่อนค่อยเป็นผู้แทนประชาชน" พร้อมติดแท็กชื่อ X ของนายไชยามพวาน

"ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์" หรือทนายแจม สส. เปลี่ยนโปร์ไฟล์เฟซบุ๊กเป็นสีดำ พร้อมโพสต์ข้อความ "เมา ไม่ใช่ consent"

"ไอซ์ รักชนก ศรีนอก" สส. โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนเองโหวตให้ขับออกทั้งสองกรณี "ไอซ์ชอบเรื่องที่ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ยกตัวอย่างในที่ประชุม เรื่อง สส.ญี่ปุ่น ที่ยังอยู่ในอาการมึนเมาแล้วไปอภิปรายในสภา พอมีคนทักท้วงเรื่องนี้ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสืบสวนสอบสวนหรือรอให้เรื่องเข้าสู่การพิจารณา สส. ท่านนั้นรู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าผิด จึงรับผิดชอบด้วยการลาออก นี่คือมาตรฐานเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมของ สส. ท่านนั้น...ในวันนี้น่าผิดหวัง ที่มาตรฐานในการรับผิดชอบต่อสังคมในการปฏิบัติหน้าที่ สส. ของเพื่อนสมาชิกที่กระทำผิดในกรณีอื่นๆ ยังไม่สูงเท่าพี่เต้อ แม้มีการพูดคุยเพื่อชี้แจงรายละเอียด ก็ยังไม่สามารถคิดได้และที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นคือยังไม่ยอมรับในความผิดของตนเลยด้วยซ้ำไป ประกาศกับสาธารณะชนได้หน้าตาเฉย...

ในที่ประชุมหารือ ได้มีข้อตกลงกันว่าในกรณีที่มีมติไม่ขับ จะต้องให้ผู้กระทำสำนึกผิด ขอโทษสังคม ขอโทษต่อเหยื่อและเยียวยาเหยื่อ ไอซ์ก็ขอตั้งตารอดู ว่าคำขอโทษจะออกมาจากใจจริงๆหรือจะเป็นแค่การแสดงอีกฉาก ที่ทำเพื่อให้รอดตัวไป และระหว่างที่รอผู้กระทำผิดแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและเหยื่อ (เรียกว่าแสดงความรับผิดชอบได้ไหมนะ)ไอซ์จะขอหยุดร่วมกิจกรรมกับพรรค หยุดร่วมกิจกรรมกับเพื่อนสมาชิกในพรรค กิจการในโควต้าและขอลาป่วย เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในหลักการ จนกว่าจะมีการแถลงรับผิดและขอโทษเหยื่อ อย่างจริงใจของผู้กระทำ"

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ก้าวไกล โพสต์ X "ไชยาพวาน ควรลาออก"

ขณะที่คณะก้าวหน้า อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ อย่าง "ปิยบุตร แสงกนกกุล" และ "พรรณิการ์ วานิช" หรือช่อ ได้โพสต์วิจารณ์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน

"ปิยะบุตร" ระบุว่า การใช้อำนาจที่ได้จากตำแหน่งไปจูงใจล่อลวงบุคคลอื่นให้กระทำตามต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวพันเรื่องเพศ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในยุคสมัยนี้ และพรรคก้าวไกลต้องยกระดับมาตรฐาน ป้องกัน ต่อต้านการคุกคามทางเพศและความรุนแรงทางเพศในองค์กรหรือสถานที่ทำงานให้ได้ตามที่โฆษณาไว้

"พรรณิการ์" ระบุว่า คณะกรรมการวินัย คณะกรรมการบริหารพรรคฯ มีมติว่าทำผิดวินัยร้ายแรง คุกคามทางเพศ ที่ประชุมร่วม สส. และกรรมการบริหารก็โหวตขับถึง 106 เสียงจาก 128 เสียง ขาดเพียง 10 เสียงจะขับออกได้ตามกฎหมาย จึงเรียกร้องให้นายไชยามพวาน ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน

ที่มา ไทยพีบีเอส



ไอซ์ รักชนก ลั่นขอหยุดร่วมกิจกรรมพรรคก้าวไกล ผิดหวังมติไม่ขับ สส.ปูอัด

ไอซ์ รักชนก เผยผิดหวังมติไม่ขับ สส.ปูอัด พร้อมขอหยุดร่วมกิจกรรมพรรค จนกว่าผู้กระทำผิดจะออกมาขอโทษเหยื่ออย่างจริงใจ


วันนี้ (2 พ.ย. 66) น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลและสส.พรรคก้าวไกล มีมติขับ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกล เพราะถือว่าเป็นการผิดวินัยร้ายแรง ส่วนกรณีนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ที่ประชุมออกเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ให้ขับพ้นสมาชิกพรรค จึงให้มีการรอคาดโทษไว้ก่อน เพื่อให้ยอมรับผิด และขอโทษจากการกระทำ

โดย น.ส.รักชนก ได้ระบุว่า ตัวไอซ์โหวตให้ขับออกทั้งสองกรณีค่ะ ไอซ์ชอบเรื่องที่ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ (ขออภัยที่เอ่ยนาม)ได้ยกตัวอย่างในที่ประชุม คือเรื่อง สส. ญี่ปุ่น ที่ยังอยู่ในอาการมึนเมาแล้วไปอภิปรายในสภา พอมีคนทักท้วงเรื่องนี้ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสืบสวนสอบสวนหรือรอให้เรื่องเข้าสู่การพิจารณา สส. ท่านนั้นรู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าผิด จึงรับผิดชอบด้วยการลาออก นี่คือมาตรฐานเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมของ สส. ท่านนั้น

เช่นเดียวกับกรณีก่อนหน้านี้ อดีต สส. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เมาแล้วขับ หลังถูกจับ ประกาศลาออกทันทีเพื่อรับผิดชอบต่อสังคม ไอซ์ขอนับถือใจพี่เต้อเลยจริงๆ ทั้งๆ สามารถใช้หลายๆวิธีที่จัดการเรื่องได้ แต่พี่ก็เลือกที่จะลาออก เพื่อยืดอกแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม สร้างมาตรฐานไว้สูงลิ่ว น่ายกย่องอย่างยิ่ง

ซึ่งในวันนี้น่าผิดหวัง ที่มาตรฐานในการรับผิดชอบต่อสังคมในการปฏิบัติหน้าที่ สส. ของเพื่อนสมาชิกที่กระทำผิดในกรณีอื่น ๆ ยังไม่สูงเท่าพี่เต้อ แม้มีการพูดคุยเพื่อชี้แจงรายละเอียด ก็ยังไม่สามารถคิดได้และที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นคือยังไม่ยอมรับในความผิดของตนเลยด้วยซ้ำไป ประกาศกับสาธารณะชนได้หน้าตาเฉย

แต่ไอซ์ยังพออุ่นใจในอนาคตทิศทางของพรรคได้อยู่บ้าง เพราะกรรมการบริหารยังมีมติเอกฉันท์ ให้ขับออก อย่างน้อยทิศทางเรื่องนี้ต่อสังคมกรรมการบริหารพรรคก็ชัดเจน เป็นธรรมกับสังคม (ขอไม่ใช้คำว่าเป็นธรรมกับทุกฝ่ายนะ บางฝ่ายที่มาเรียกร้องความเป็นธรรม เอาอะไรมาเรียกร้องก่อน หน้าด้าน)

ไอซ์ดีใจจริงๆ ที่ได้รับรู้ได้ว่าสามารถไว้วางใจพี่ต๋อมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้อย่างเต็มที่ ทัศนคติเรื่องการคุกคามทางเพศของพี่ต๋อมชัดเจน มาตรฐานสูงมาก ไม่มีกลิ่นอายของสิ่งที่ชาวเน็ตเค้าเรียกว่าความ “ชายแทร่” อย่างน้อยอนาคตของพรรคในเรื่องแบบนี้ก็ยังไว้วางใจอะไรไว้กับกรรมการบริหารได้

ถึงแม้ผิดหวังในมติ แต่ไอซ์ก็พยายามอย่างถึงที่สุดเท่าที่คนๆ นึงจะสามารถพยายามได้ ที่จะเข้าใจ ว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเองและไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต้องรับผลร่วมกัน

ในที่ประชุมหารือ ได้มีข้อตกลงกันว่าในกรณีที่มีมติไม่ขับ จะต้องให้ผู้กระทำสำนึกผิด ขอโทษสังคม ขอโทษต่อเหยื่อและเยียวยาเหยื่อ ไอซ์ก็ขอตั้งตารอดู ว่าคำขอโทษจะออกมาจากใจจริงๆ หรือจะเป็นแค่การแสดงอีกฉาก ที่ทำเพื่อให้รอดตัวไป

ระหว่างที่รอผู้กระทำผิดแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและเหยื่อ (เรียกว่าแสดงความรับผิดชอบได้ไหมนะ)ไอซ์จะขอหยุดร่วมกิจกรรมกับพรรค หยุดร่วมกิจกรรมกับเพื่อนสมาชิกในพรรค กิจการในโควตาและขอลาป่วย เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในหลักการ จนกว่าจะมีการแถลงรับผิดและขอโทษเหยื่อ อย่างจริงใจของผู้กระทำ

ด้วยรักและเคารพ พรรคใหญ่กว่าคนประชาชนใหญ่กว่าพรรค ด้วยความรักที่มีอย่างเต็มเปี่ยมต่ออุดมการณ์พรรคก้าวไกลด้วยความเคารพต่อประชาชนที่เลือกพวกเรามา เคารพมติกรรมาธิการ เคารพมติที่ประชุม เคารพความคิดเห็นของเพื่อน สส. อาจมีคนไม่พอใจในข้อความในโพสนี้ของเรา ต้องขอโทษจริงๆ แต่ขอพื้นที่เล็กๆตรงนี้เป็นรูระบายให้ใจเราทีเถอะ

ที่มา ข่าวสด, FB Rukchanok Srinork


วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2566

"ก้าวไกล" ประชุมชี้ขาดสอง สส.ปมคุกคามทางเพศ

"ก้าวไกล" ยืนยันไม่มีวัฒนธรรมปกปิดความผิด พรุ่งนี้เตรียมให้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.ลงมติลงโทษ 2 สส.หลังกรรมการวินัยชี้กระทำเข้าข่ายคุกคาม-ล่วงละเมิดทางเพศ 

วันนี้ (31 ต.ค.2566) น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.ก้าวไกล เปิดเผยผลการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณี สส.กทม. และ สส.ปราจีนบุรี มีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ ว่า มติของกรรมการวินัยและมติของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ทั้ง 2 กรณีเป็นการกระทำที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศและล่วงละเมิดทางเพศ

ได้กล่าวยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้นิ่งนอนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยบทลงโทษการกระทำผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับของพรรค มี 2 แนวทาง คือ การตัดสิทธิ์พึงมีจากพรรค และการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งจะนำมติเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารและ สส.ในวันที่ 1 พ.ย.นี้

พร้อมย้ำว่า พรรคก้าวไกลไม่มีวัฒนธรรมปกปิดความผิด หากจะต้องเสียบุคลากรไป ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการวินิจฉัย ยืนยันตามข้อเท็จจริง ไม่มีอคติ

น.ส.เบญจา กล่าวย้ำว่า พรรคก้าวไกลมีบทลงโทษเรื่องนี้ชัดเจนและเป็นไปตามข้อบังคับพรรค ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาและดำเนินการอย่างรอบคอบก่อนตัดสินลงโทษทางวินัย ขณะเดียวกันก็ให้ความคุ้มครองผู้ร้องด้วย และยืนยันไม่ได้ห่วงเรื่องจำนวน สส. หากที่ประชุมกรรมการบริหารและ สส.มีมติเห็นว่าเป็นโทษกระทำผิดวินัยร้ายแรงสมควรขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็น้อมรับ

โดยในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เวลา 17.00 น. พรรคก้าวไกลนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค ที่รัฐสภา เพื่อลงมติลงโทษ 2 สส.ที่ถูกร้องเรียนเรื่องดังกล่าว

ที่มา ไทยพีบีเอส



วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2566

นายกฯ ส่งสัญญาณกลุ่มที่ไม่เดือดร้อนส่อแววชวด 'ดิจิทัลวอลเล็ต'

ต่อคำถามสื่อมวลชนกับโครงการ " ดิจิทัลวอลเล็ต" นายกรัฐมนตรีแจงว่ามีความเป็นไปได้ ที่การแจกเงินจะทำไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรง มีบางส่วนที่อาจจะไม่ได้รับอานิสงส์นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับที่ธปท.ต้องการ ส่วนประเด็นถูกร้องเรียนไปยังองค์กรอิสระ เป็นเรื่องที่ต้องทำใจ


นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ได้เปิดเผยถึงนโยบายเงินในโครงการ " ดิจิทัลวอลเล็ต" ว่า มีความเป็นไปได้ที่โครงการนี้ จะมุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรง  ซึ่งเท่ากับว่าบางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อน  อาจจะไม่ได้รับอานิสงส์จากโครงการนี้ เป็นการปรับเงื่อนไข เรื่องของการปรับแนวทาง สอดคล้องกับท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท. )  และที่ต้องหาความชัดเจนคือนิยามคำว่า "คนรวย"  ก็ต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน

"กำลังหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายว่าคนรวยคืออะไร พร้อมน้อมรับคำแนะนำจากธนาคารแห่งประเทศไทย  ที่ว่าควรที่จะเจาะจงมากขึ้น บางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อนอาจไม่ต้องรับซึ่งรับฟังอยู่ ส่วนข้อเสนอให้ จ่ายเงินเป็น 3 งวด แทนงวดเดียว แน่นอนว่า คงจ่ายครั้งเดียว เพราะอยากให้กระตุ้นเศรษฐกิจทีเดียว ด้วยเม็ดเงินที่ใหญ่จะได้ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน" 


นายกรัฐมนตรี  กล่าวด้วยว่า  การที่มีหลายฝ่ายเดินหน้าร้องเรียนโครงการ  "ดิจิทัลวอลเล็ต"  กับองค์กรอิสระ   ก็เป็นเรื่องที่ต้องชี้แจง เพราะองค์กรอิสระก็มีหน้าที่ตรวจสอบ  ส่วนรัฐบาลก็ มีหน้าที่ชี้แจง   " 10 ปี ที่ผ่านมาจีดีพีของประเทศไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8%   หนี้ครัวเรือนขึ้นจาก 76% เป็น 90% ซึ่งสูงสุดติดท็อปเท็นของโลก เพราะฉะนั้นประเทศไทยจึงต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ   เรื่องนี้ก็ต้องเดินสายชี้แจงและรับฟังข้อท้วงติง  เมื่อมีคนไปร้องก็ต้องชี้แจง   ส่วนกระแสข่าว อาจจะเลื่อนการแจกเงินจาก 1 ก.พ.67 ออกไปนั้น กำลังดูอยู่  แต่ะพยายามทำให้เร็วที่สุด ส่วนเม็ดเงินโครงการ ขอให้มีการประชุมก่อน เพราะคำถามดมีเข้ามามาก หากพูดไปก็จะเกิดความสับสน"  นายเศรษฐาระบุ

ที่มา คมชัดลึก



วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2566

พรหมลิขิต เปลี่ยนวันเวลาออกอากาศ เช็คด่วน!

กระแสออเจ้าฟีเวอร์กลับมาได้รับความนิยมใหม่อีกครั้ง หลังจากละครไทยเรื่อง "พรหมลิขิต" ภาคต่อของละครดังแห่งยุคบุพเพสันนิวาส เรียกว่าออกอากาศแค่ 2 ตอน แต่ก็ทำแฟนละครติดหนึบ ตั้งตารอตอนใหม่กันใหญ่


ล่าสุด มีเหตุให้แฟนออเจ้าทั้งหลายต้องหาอะไรมาจดแบบด่วนๆ หลังจากทางช่อง 3 ได้ประกาศผ่านทางโซเชียลมีเดีย Ch3Thailand ปรับผังการออกอากาศพรหมลิขิตใหม่แล้ว ตามนี้>>>>>>


ละคร "พรหมลิขิต" ได้มีการปรับผังออกอากาศใหม่ โดย4ตอนแรกมีการออกอากาศทุกวันพุธ และพฤหัสบดีที่ 18, 19, 25, 26 ของเดือนตุลาคม จากนั้นวันที่ 30 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป จะเปลี่ยนไปออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงวันพุธ เวลา 20.30 น. จนถึงตอนสุดท้าย

ทำให้ละครกระแสแรงเรื่องนี้ ที่ได้เริ่มฉายตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2566 โดยมีกำหนดฉายตอนสุดท้าย วันที่ 18 ธันวาคม 2566 ทำให้แฟนๆ ละครยุคกรุงศรีอยุธยา สามารถรับชมละครฟินๆ ถึง 3 วันต่อสัปดาห์ ตลอดเกือบ 2 เดือน

ที่มา: ที่นี่ดอทคอม

กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...