แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวเยียวยาล่าสุด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวเยียวยาล่าสุด แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2564

คนทำงานกลางคืน เตรียมเฮ รัฐบาลมีนโยบายเยียวยาแล้ว

กระแส "เงินเยียวยา 12,500 บาท" กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ในโซเชียลมีการแชร์กันว่า ทางรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือ คนทำงานกลางคืนจากผลกระทบสถานการณ์โควิด ข่าวนี้จะเชื่อถือได้ไหม รีบเช็คเลย


หลังจากมีผู้แชร์ข้อมูลบนโซเชียลว่า กลุ่มคนทำงานกลางคืน จะได้รับเงินเยียวยา สูงสุด 12,500 บาท ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นอย่างมาก เมื่อทางสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เผยว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องจริง

โดยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น ได้เข้าหารือร่วมกับที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน นางสาวสุนทราลักษณ์ เพ็ชรกูล จากสภาพัฒน์ และผู้แทนกลุ่มคนกลางคืน นำโดย ตัวแทนนักดนตรี คุณธเนส สุขวัฒน์, ผู้จัดงานคอนเสิร์ต คุณวรพจน์ นิ่มวิจิตร, ตัวแทนผู้จัดงานคอนเสิร์ต อีเว้นท์ จากสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย ถึงแนวทางการเยียวยานักร้อง, นักดนตรี, นักแสดง และผู้ประกอบการสถานบันเทิงผับ, บาร์ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 


โดยกระทรวงแรงงานได้มีการเปิดเผยว่าแนวทางการเยียวยา นักร้อง, นักดนตรี, นักแสดง และผู้ประกอบการสถานบันเทิงผับ บาร์ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มนายจ้างให้ลงทะเบียนโครงการ SME (โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงาน)ต่ออีก 1 เดือน เพื่อช่วยเหลือนายจ้างกลุ่มนี้ 3 เดือน โดยไม่มีภาษี

กลุ่มลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม จะให้ประกันสังคมเยียวยาว่างงานจากเหตุสุดวิสัยจ่าย 50% (คิดจากฐานค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท เท่ากับ 7,500 บาท) และจ่ายอีก 5,000 บาท จากรัฐบาล (ม.33เรารักกัน)

กลุ่มลูกจ้างที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล โดยใช้เงินกู้จากรัฐบาลแต่ต้องให้สมาคม/สมาพันธ์รับรอง 

ส่วนผู้ที่อายุเกิน 65 ปี ซึ่งไม่เข้าข่ายมาตรา 40 ของประกันสังคมจะประสานให้กระทรวงวัฒนธรรมสำรวจตัวเลขและเป็นผู้ดูแลเยียวยาต่อไป

ที่มา : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม, www.komchadluek.net


วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2564

รัฐบาลเคาะแจกเงินคนละครึ่งเพิ่มอีกคนละ 1,500 บาท

ครม. เห็นชอบเพิ่มวงเงินงบประมาณสำหรับ 4 โครงการเพื่อส่งเสริม มาตรการลดค่าครองชีพ โดยโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะเริ่มโอนเงินให้กับผู้ได้สิทธิเพิ่มอีกคนละ 1,500 บาท เดือน พ.ย.นี้


วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มีมติเห็นชอบอนุมัติเพิ่มวงเงิน 42,000 ล้านบาท ให้กับโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 คาดว่า จะเริ่มโอนเงินเพิ่มอีกคนละ 1,500 บาทให้กับผู้ได้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ต้นเดือน พ.ย. นี้

การแจกเงินเพิ่ม 1,500 บาท เดือน พ.ย. นี้ เมื่อรวมกับการโอนให้ผู้รับสิทธิเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 และ 1 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา คนละ 1,500 บาท จะทำให้ผู้ที่อยู่ในโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะได้รับเงินจากรัฐบาลทั้งหมด 4,500 บาท 

โดยทางโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ เผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ.2564 โดยอนุมัติงบประมาณสำหรับ 4 โครงการเพื่อส่งเสริม มาตรการลดค่าครองชีพ ซึ่งเสนอโดยกระทรวงการคลัง ดังนี้

1. อนุมัติ งบ 8,122 ล้านบาท สำหรับ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าเพิ่มเติมอีกจำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2564 รวมเป็น 500 บาท ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม และรวมเป็น 1,800 บาท ครอบคลุม กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนไม่เกิน 13,537,294 คน

2. อนุมัติ งบ 1,383 ล้านบาท สำหรับ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้า จำนวน 300 บาท/คน/เดือน ระยะเวลา 2 เดือน (เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2564) รวมเป็น 500 บาท/คน ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม และรวมเป็น 1,800 บาท ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ เช่น ผู้ที่ไม่สามารถ เข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียง) ผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จเนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง เป็นต้น จำนวนไม่เกิน 2,306,469 คน

3. อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 42,000 ล้านบาท สำหรับ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โดยประชาชนได้รับสิทธิสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าและบริการทั่วไป รวมทั้งสามารถซื้ออาหาร และเครื่องดื่มจากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ผ่านผู้ให้บริการระบบ ขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน อีกจำนวน 1,500 บาทต่อคน โดยจะสนับสนุนเพิ่มในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม รวมรัฐสนับสนุนวงเงินให้ทั้งสิ้น 4,500 บาท/คน สำหรับการใช้จ่ายตลอดระยะเวลาโครงการ ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนทั่วไป สัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนไม่เกิน 28 ล้านคน ประกอบด้วยผู้ลงทะเบียนใหม่และผู้ที่เคยได้รับสิทธิแล้ว


4. อนุมัติ งบ 3,000 ล้านบาท สำหรับ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ แก่ประชาชนทั่วไปที่ไม่มีบัตรสวัสดิการของรัฐ ไม่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือไม่ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 จำนวนไม่เกิน 1 ล้านสิทธิ โดยปรับเพิ่มหลักเกณฑ์ในการคำนวณการให้สิทธิสนับสนุน e-Voucher และเพิ่มวงเงินสนับสนุน e-Voucher จากเดิมไม่เกิน 7,000 บาท เป็น 10,000 บาทต่อคน ในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2564 ดังนี้

การใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 คำนวณด้วยวิธีการเดิม

การใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564

สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 จะได้รับสิทธิ ดังนี้ 

  • ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของ ยอดใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน 
  • ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001– 80,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ข อ งย อ ด ใ ช้ จ่ า ย จ ริ ง แต่ไม่เกิน 6,000 บาทต่อคน 
  • สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณ e-Voucher เต็มจำนวน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีสิทธิ ได้รับ e-Voucher จำนวน 7,000 บาท เรียบร้อยแล้ว จะมีสิทธิได้รับ e-Voucher เพิ่มเติม หากมีการใช้จ่ายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ในระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับสิทธิ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน

ที่มา www.posttoday.com

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564

“คนละครึ่ง” ลงทะเบียนวันนี้รับเงินรวดเดียว 3,000 บาท

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้โอนเงินเพิ่มเติม 1,500 บาท สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” พร้อมชี้ยอดใช้จ่ายสะสมพุ่ง 6.7 หมื่นล้านบาท เชิญชวนให้ประชาชนมาลงทะเบียนเพิ่มยังคงเหลือสิทธิอีก 8.5 แสนสิทธิ ลงทะเบียนแล้วได้รับเงินรวดเดียว 3,000 บาท ใช้ได้ถึงสิ้นปี


วันนี้( 1 ตุลาคม 2564) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายพรชัย  ฐีระเวช ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า "วันนี้กระทรวงการคลังได้โอนวงเงินสนับสนุนให้แก่ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 รอบที่ 2 เพิ่มเติม จำนวน 1,500 บาทต่อคน โดยนำไปรวมกับวงเงินสิทธิคงเหลือจากรอบแรกโดยอัตโนมัติและสำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนใหม่และได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หลังวันที่ 1 ตุลาคม 2564 จะได้รับวงเงินสิทธิรวมทั้งสิ้น 3,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 สามารถใช้สิทธิได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564"

“จากข้อมูลล่าสุดโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ยังมีสิทธิคงเหลืออยู่ประมาณ 850,000 สิทธิ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. ของทุกวันจนกว่าจะครบ 28 ล้านสิทธิ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง”

โฆษกกระทรวงการคลังยังได้ เปิดเผยข้อมูลโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ว่า มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 24.35 ล้านราย จากผู้เข้าร่วมโครงการรวม 27 ล้านราย โดยมีจำนวนผู้ใช้สิทธิครบ 1,500 บาท กว่า 10.1 ล้านราย ยอดการใช้จ่ายสะสมรวม 67,742.2 ล้านบาท เป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 34,474.9 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 33,267.3 ล้านบาท 

ที่มา ประชาชาติ



วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2564

เช็คด่วน 10 จังหวัด เฮ!! รับสิทธิเพิ่มเติมเยียวยา 2 เดือนรวด 10,000 บาทปลายเดือนนี้

หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ทางกระทรวงแรงงาน เร่งตรวจสอบโอนเงินให้ผู้ประกันตนตาม มาตรา 39 และ มาตรา 40 ที่ยืนยันตัวตนเป็นผู้ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 10 จังหวัด ก่อนเวลากำหนด ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564  พร้อมทั้งให้ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเติมในพื้นที่ 10 จังหวัด โดยผู้ที่ลงทะเบียนต้องจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 สำหรับพื้นที่ 19 จังหวัด จะต้องลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564


เพจประกันสังคมแจ้งข่าวอัพเดทล่าสุด เป็นข่าวดีสำหรับกลุ่ม 10 จังหวัดแรก ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ยะลา ปัตตานี นราธิวาสและ สงขลา

โดยผู้ที่ได้ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบภายใน วันที่ 1-10 สิงหาคม 2564 ท่านจะได้รับเงินเยียวยา 2 เดือน จะโอนเงิน วันที่ 28  กันยายน 2564

ล่าสุด ทางเว็บประกันสังคม เปิดให้ผู้ประกันตนสามารถเช็คสิทธิของตนเองได้แล้ว โดยมีสองกลุ่มที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท

เงื่อนไขการได้รับการเยียวยา 10,000 บาท เฉพาะจังหวัดใน 2 กลุ่มเท่านั้น

1. กลุ่ม 10 จังหวัด ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินภายใน 1-10 สิงหาคม 2564

2. ส่วน 3 จังหวัด ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ที่ลงทะเบียน 4-24 สิงหาคม 2564 

โดยจะได้รับโอนเงิน รวดเดียว 10,000 บาท ภายใน วันที่ 28 กันยายน 2564

วิธีเช็คสิทธิประกันสังคม สามารถทำได้ดังนี้

1. กดคลิกตรวจสอบสิทธิตามสถานะผู้ประกันตนของท่าน(ม.40 คลิกที่นี่)

2. กรอกเลขบัตรประชาชน และ เลขรหัสยืนยันที่แสดงบนหน้าจอ

3. จากนั้นให้กดปุ่ม ตกลง

4. ระบบจะแสดงผลการได้รับสิทธิของท่าน หากขึ้นตัวอักษรสีเขียวว่า ได้รับสิทธิ ให้ท่านทำตามข้อความด้านล่างที่แจ้งให้ท่านรีบผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนของท่าน

5. ถ้าหากระบบแสดงผลเป็นตัวอักษรสีแดงว่าไม่ได้รับสิทธิ ให้ท่านรีบดำเนินการยื่นทบทวนสิทธิโดยโหลดแบบฟอมร์มยื่นทบทวนสิทธิ ที่นี่ กรอกข้อมูลและเตรียมเอกสารตามที่แจ้งแล้วนำส่งสำนักงานประกันสังคมโดยมีเวลายื่นทบทวนสิทธิถึง 31 ตุลาคม 2564 นี้ หรือ ติดต่อสอบถามที่ 1506 ตลอด 24 ช.ม. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

อนึ่ง ผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิเยียวยาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินให้ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนให้เรียบร้อย โดยทางประกันสังคมจะทยอยโอนเงินให้ตามเลขบัตรประชาชน กับทุกวันพฤหัสฯกับศุกร์ถึงสิ้นปีนี้ ท่านสามารถเช็คสิทธิและวันโอนของเราได้ที่เว็บประกันสังคม

ที่มา:  www.thebangkokinsight.com

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เช็กด่วน วันจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ผู้ประกันตนมาตรา 39 ,มาตรา 40

ครม.เคาะวันจ่ายเงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาท สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 , ผู้ประกันตนมาตรา 40 เช็กด่วน ผู้ที่อยู่ในกลุ่ม 3 จังหวัด และ 16 จังหวัด หากยังไม่ลงทะเบียนยังสมัครเพิ่มได้  รีบลงสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 และจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 24 ส.ค.2564 นี้ ก่อนเสียสิทธิ


หลังจาก ครม. อนุมัติมาตรการเยียวยา ให้ผู้ประกันตนในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคม และรับเงินเยียวยา จำนวน 5,000 บาท ด้วยการโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น

โดยครม.เคาะมาตรการเยียวยาพื้นสีแดงเข้ม สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 แบ่งเป็นกลุ่มดังนี้

กลุ่ม 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา 

กลุ่ม 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา 

และกลุ่ม 16 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง 

โดยจะมีการจ่ายเป็นรอบ ๆ ตามนี้

- มาตรา 39 ในกลุ่ม 10 จังหวัด และ 3 จังหวัด โอนเงินเยียวยาให้วันที่ 23 ส.ค.2564 

- มาตรา 40 ในกลุ่ม 10 จังหวัด และ 3 จังหวัด โอนเงินเยียวยาให้ติดต่อกัน 3 วัน 24-26 ส.ค.2564

24 ส.ค.2564 เลขนำหน้าบัตรประชาชน 10-16

25 ส.ค.2564 เลขนำหน้าบัตรประชาชน 17-34

26 ส.ค.2564 เลขนำหน้าบัตรประชาชน 35-89 

- มาตรา 39 มาตรา 40 ในกลุ่ม 16 จังหวัดที่เหลือ โอนเงินเยียวยาให้วันที่ 27 ส.ค. 2564

โดยผู้ที่อยู่ในกลุ่ม 3 จังหวัด และ 16 จังหวัด ยังสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้ โดยต้องจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 24 ส.ค.2564 นี้ เพื่อมีสิทธิรับเงินเยียวยา และขอให้ผู้ประกันตนผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนไว้ล่วงหน้า

ช่องทางการสมัครเป็นผู้กันตนตามมาตรา 40 

- เว็บไซต์ประกันสังคม www.sso.go.th

- เซเว่นอีเลฟเว่น ทุกสาขา

- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขา

- Big C ซูเปอร์เซ็นเตอร์

- เครือข่ายประกันสังคมทั่วประเทศ

ข้อกำหนดผู้ประกันตนมาตรา 39

ประกันสังคมมาตรา 39 สำหรับผู้ที่เคยทำงานอยู่ในบริษัทเอกชน และมีประกันสังคมมาตรา 33 มาก่อน แล้วลาออกจากงาน หรือออกจากมาตรา 33 จากนั้นสมัครใจส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมต่อ โดยผู้ประกันตนส่งเงินสมทบเข้ากองทุน 432 บาทต่อเดือน มีข้อกำหนดว่า ต้องเคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 เดือน, ออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน และไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพจากกองทุนประกันสังคม

ที่มา คมชัดลึก


วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2564

สปส. ขยายเวลาจ่ายเงิน ม.40 ออกไปถึง 24 ส.ค.

 

สำนักงานประกันสังคม ออกมาย้ำว่า สำหรับ ผู้ประกอบอาชีพอิสระในพื้นที่สีแดงเข้ม ที่สมัครเป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ม.40 เพื่อรับเงินเยียวยา แต่ยังไม่ได้ชำระเงินงวดแรกไม่ทัน ทาง สปส. ได้ขยายระยะเวลาในการสมัครและจ่ายเงินสมทบงวดแรกได้ถึง 24 สิงหาคมนี้

โฆษกสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน น.ส.ลัดดา แซ่ลี้  เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบ อาชีพอิสระ ตามมาตรา 40  โดยระบุในพื้นที่ 10 จังหวัดสีแดง เข้มแรกล็อตแรก ( คือ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, ปทุมธานี, นครปฐม, สมุทรสาคร ,สมุทรปราการ และ4จังหวัดภาคใต้ ) ได้แจ้งประกาศให้มาขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนม.40 และจ่ายเงินภายในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นวันสุดท้าย โดยจะจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ในวันที่ 24 สิงหาคม 2564

ขณะที่ ผู้ประกอบอาชีพอิสระใน 3 จังหวัด  (พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา) และ 16 จังหวัดสีแดงเข้ม ( เช่น กาญจนบุรี สมุทรสงคราม  สุพรรณบุรี  และจังหวัดอื่นๆ ) ยังสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตน ม. 40 และจ่ายเงินสมทบงวดแรก ได้ภายในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ เนื่องจากขณะนี้มีผู้ประกอบอาชีพอิสระในหลายจังหวัดสมัครและชำระเงินไม่ทัน  โดยจะมีการประกาศวันจ่ายเงินเข้าบัญชีอีกครั้ง

สำนักงานประกันสังคม แจ้งว่าสำหรับช่องทางชำระเงินมีหลากหลายช่องทาง อาทิเช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่ 7-11 ที่ เทสโก้โลตัส  บิ๊กซี เคาน์เตอร์ หรือผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง Shopeepay แอพพลิเคชั่น โดยเน้นย้ำว่า ฟรีค่าธรรมเนียมทุกช่องทาง จึงขอย้ำให้ผู้ที่สมัครรีบดำเนินการชำระเงินโดยด่วน

อย่างไรก็ตาม สำนักงานประกันสังคมเน้นย้ำว่า ผู้ประกันตนในทุกมาตราที่จะได้รับเงินเยียวยา จะต้องผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน เพื่อให้ระบบสามารถโอนเงินได้ตามกำหนดการที่มีการประกาศออกมา  

ที่มา www.pptvhd36.com



กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...