แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เยียวยาโควิด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เยียวยาโควิด แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เช็คสิทธิเงินเยียวยา ประกันสังคม ม.33 เข้าวันนี้ พร้อมจ่าย 3 จังหวัดเพิ่มเติม

เช็คสิทธิประกันสังคม ผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 3 จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา 9 กิจการ รอรับ "เงินเยียวยา" จาก "ประกันสังคม" เงินเข้า 9 ส.ค.นี้! 


จากการที่ ประกันสังคม เปิดลงทะเบียนผ่าน www.sso.go.th  เพื่อรับ "เงินเยียวยา" สำหรับผู้ใช้แรงงาน กับ 9 ประเภทกิจการ ได้รับผลกระทบจากการประกาศ ล็อกดาวน์ จากสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร , นครปฐม , สมุทรสาคร , ปทุมธานี , นนทบุรี , สมุทรปราการ , สงขลา , ยะลา , ปัตตานี , นราธิวาส , พระนครศรีอยุธยา , ชลบุรี และ ฉะเชิงเทรา 

โดยสามารถตรวจสอบสิทธิรับเงินเยียวยา ผ่านออนไลน์ได้ หากได้รับสิทธิ ต้องผูกพร้อมเพย์ กับบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประชาชน เพื่อรับการโอนเงิน  ซึ่งทางกระทรวงแรงงานเริ่มจ่าย "เงินเยียวยา" ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.64 เป็นต้นมานั้น

ทางด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 10 จังหวัด 9 กิจการ เป็นที่น่าพอใจ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้รายงานว่า มีการโอนเงินแล้ว 2,434,182 ราย รวมเป็นเงิน 6,085,0000,000 บาท เรียบร้อย โดยมีเพียงผู้ประกันตนประมาณ 200,000 ราย ที่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการให้ผู้ประกันตนดำเนินการผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เพื่อที่จะเริ่มดำเนินการโอนเงินในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ ขณะที่ 3 จังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา จะโอนเงินในวันนี้( 9 สิงหาคม 2564)

ผู้ประกันตน ม.33 

รับเงินเยียวยา 2 ส่วน คือ เงินชดเชย 50% ของค่าจ้าง สูงสุด 7,500 บ. และเงินชดเชยเพิ่มเติมอีก 2,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือนคือในเดือน ก.ค. - ส.ค. รวม 5,000 บาท โดยจะดำเนินการทยอยโอนเงินผ่าน "พร้อมเพย์" 

นายจ้าง ม.33 

รับเงินเยียวตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุด 200 คน โดยนายจ้างที่ยังไม่ได้ยื่นขอรับค่าชดเชยเยียวยา สามารถยื่นความประสงค์ขอรับเงินได้ที่ ระบบ e – service ของประกันสังคม "www.sso.go.th"  จากนั้นปริ้นข้อมูลแบบรับการ "เงินเยียวยา" แล้วกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์ม ส่งกลับมาให้ประกันสังคม

สำหรับ นายจ้างที่เป็นนิติบุคคล ต้องแนบแบบแสดงความจำนง, สำเนาบัญชีธนาคาร,หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบอำนาจลงนามแทน) กลับมาด้วย

ขณะที่ นายจ้างบุคคลธรรมดา แบบแสดงความจำนง, ผูกบัญชีธนาคารพร้อมเพย์ (ผูกเลขบัตรประชาชนเท่านั้น) เพื่อประกันสังคมจะได้โอนเงินให้โดยเร็ว

อนึ่ง สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 จะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ทางด้าน "ประกันสังคม" กำลังประมวลผลข้อมูล 

โดยนายสุชาติ ได้กล่าวว่า

“ผมได้รายงานภาพรวมการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 10 จังหวัด ให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว และท่านพอใจในภาพรวมที่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพในครอบครัวให้ก้าวข้ามสถานการณ์โควิด-19 ไปให้ได้ ตามนโยบายของรัฐบาลโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ


วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

สมัครประกันสังคม มาตรา 40 ได้สิทธิ์อะไรนอกจากรับเยียวยา 5,000 บาทจากรัฐ

รัฐเตรียมจ่ายเยียวยาให้ 5,000 บาท ผู้ได้รับผลกระทบจากประกาศล็อกดาวน์ 10 จังหวัดสีแดงเข้ม โดยต้องสมัครเป็นผู้ประกันตน "ประกันสังคมมาตรา 40" มีใครแรงงานกลุ่มไหน ประกอบอาชีพอะไรที่ได้รับสิทธิ์มีดังนี้


ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับการเยียวยาจากผลกระทบการประกาศล็อกดาวน์ 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มรอบนี้ของรัฐบาล โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งล่าสุดได้เห็นชอบโครงการให้ประกันสังคมช่วยเหลือเงินเยียวยา 5,000 บาทให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มนี้

สำนักงานประกันสังคมเปิดโอกาสให้ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า แม่บ้าน รับจ้างทั่วไป รวมถึงฟรีแลนซ์ ที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม สามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคม มาตรา 40 โดยต้องขึ้นทะเบียนภายในกรกฎาคมนี้ เพื่อรับสิทธิเยียวยาดังกล่าว

โดยการสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรและได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้างเมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ

คุณสมบัติผู้ที่สามารถสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40

บุคคลทั่วไปที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์

ไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และ มาตรา 39

ไม่เป็นข้าราชการหรือบุคคลที่ถูกยกเว้นตามกฎหมายประกันสังคม

ล่าสุด รัฐอนุมัติเห็นชอบให้ลดเงินสมทบให้ผู้ประกันมาตรา 40 จ่ายแค่ 60% เริ่มเดือนสิงหาคม 2564 ถึง มกราคม 2565 

ผู้ประกันตนสามารถเลือกการจ่ายสมทบได้ 3 ทางเลือกดังนี้

ทางเลือกที่ 1 จาก 70 บาท จ่ายเพียง 42 บาท

รับสิทธิประโยชน์ 3 กรณี ประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต 

ทางเลือกที่ 2 จาก 100 บาท จ่ายเพียง 60 บาท

รับสิทธิประโยชน์ 4 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ(รับบำเหน็จ)

ทางเลือกที่ 3 จาก 300 บาท จ่ายเพียง 180 บาท

รับสิทธิประโยชน์ 5 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ(รับบำเหน็จ) และสงเคราะห์บุตร

หลักฐานการการสมัครประกันสังคม ม.40 จะใช้เพียงบัตรประชาชนเพียงใบเดียว โดยสามารถสมัครตามช่องทางต่าง ๆ ได้ดังนี้

สมัครด้วยตนเอง ผ่านมือถือที่เว็บไซต์ www.sso.go.th 

สมัครผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11)

สมัครผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

สมัครผ่านเคาน์เตอร์บิ๊กซี (Big C)

สมัครผ่านผู้แทนเครือข่ายประกันสังคม

โดยเมื่อสมัครแล้วสามารถจ่ายเงินสมทบได้ทันที สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/ จังหวัด/ สาขา ทั่วประเทศ หรือที่สายด่วน 1506 ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่เว้นวันหยุดราชการ

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ด่วน !! คณะรัฐมนตรี มีมติยกเลิก "วันหยุดพิเศษ" 27 ก.ค.นี้

ครม.เคาะยกเลิก "วันหยุดพิเศษ" 27 ก.ค.นี้ เพื่อลดการเดินทางออกต่างจังหวัด ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด19 พร้อมสั่งให้หน่วยงานราชการอำนวยความสะดวก เรื่องการยกเลิกตั๋วการเดินทางและการจองที่พัก


วันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติยกเลิกวันหยุดพิเศษ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไปในปี 2563 ที่กำหนดให้อังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564 เป็นวันหยุดพิเศษ เนื่องจากช่วงปลายเดือนกรกฎาคมมีวันหยุดพิเศษติดต่อกันหลายวัน ตั้งแต่ 24-28 ก.ค.

เมื่อได้มีการพิจารณาสถานการณ์การระบาดของโควิดระลอกใหม่ ทำให้ ศบค. เห็นว่าต้องมีมาตรการทางสาธารณะสุขที่เข้มงวดขึ้น และขอความร่วมมืองดเดินทางข้ามจังหวัด จึงมีความเห็นให้ยกเลิกวันหยุดพิเศษวันที่ 27 กรกฎาคม นี้ โดยประชาชนมีการวางแผนการท่องเที่ยว ขอให้หน่วยงานราชการอำนวยความสะดวก เรื่องการยกเลิกตั๋วการเดินทางและการจองที่พัก

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ครม. เคาะจ่าย 8,500 ล้าน เยียวยาร้านอาหาร-ก่อสร้าง-ธุรกิจกลางคืน

คณะรัฐมนตรี ไฟเขียวมาตรการเยียวยาธุรกิจก่อสร้าง-ร้านอาหาร-ธุรกิจบันเทิงกลางคืน กรุงเทพและปริมณฑล 6 จังหวัด หลังจากมีคำสั่งให้ปิดแคมป์คนงาน-ผู้ประกอบการร้านอาหาร 1 เดือน เป็นจำนวนเงินกว่า 8.5 พันล้านบาท


วันนี้ (29 มิถุนายน 2564) โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี แถลงว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) แก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่ 6 จังหวัด กรุงเทพมหนาคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร โดยประเภทกิจการ ได้แก่ กิจการก่อสร้าง, กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร, กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ, กิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ เป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยรูปแบบการให้ความช่วยเหลือดังนี้

กลุ่มแรงงานผู้ประกันตนตามมาตรา 33 สัญชาติไทย ได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 2,000 บาทต่อคน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเพิ่มเติมจากการช่วยเหลือผ่านระบบประกันสังคมตามกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยเนื่องจากทางราชการมีคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันการระบาดของโรค ลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทนในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน (สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท) ตลอดระยะเวลาที่มีคำสั่งปิดสถานที่แต่ไม่เกิน 90 วัน ผู้ประกอบการหรือนายจ้างตามหลักการให้ความช่วยเหลือจะได้รับความช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง สูงสุดไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาทต่อคน

สำหรับผู้ประกอบการหรือนายจ้างที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม กรณีเป็นผู้ประกอบการที่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมภายในเดือนกรกฎาคม 2564 จะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้างสูงสุดไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาทต่อคน และลูกจ้างที่เป็นสัญชาติไทยจะได้รับความช่วยเหลือในอัตรา 2,000 บาทต่อคน

สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ผ่านโครงการคนละครึ่ง ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 โดยผู้ประกอบการจะได้รับความช่วยเหลือในอัตรา 3,000 บาท กรณีผู้ประกอบการในหมวดร้านอาหาร เครื่องดื่มของโครงการคนละครึ่งที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม เนื่องจากไม่มีลูกจ้าง จะได้รับการช่วยเหลือในอัตรา 3,000 บาท

สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในโครงการคนละครึ่งและมีลูกจ้างแต่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคมให้ลงทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมภายในเดือนกรกฎาคม 2564

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าการดำเนินการตามมาตรการให้ความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนจะมีกรอบวงเงินรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท (พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท) รวมกับเงินกองทุนประกันสังคม วงเงิน 3,500 ล้านบาท รวมใช้งบประมาณทั้งสิ้น 8,500 ล้านบาท

ขณะที่โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ให้ดำเนินการตามแผนงานเดิมในช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564

สำหรับมาตรการให้ความส่วนเหลือในระยะต่อไป มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณารูปแบบการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วประเทศต่อไป

โดย นายอนุชากล่าวถึง กิจการด้านอื่น ๆ ซ่อมแซมต่าง ๆ เช่น ซ่อมคอมพิวเตอร์, อุปกรณ์สื่อสาร, โทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ซ่อมเครื่องใช้ในครัวเรือน ซ่อมรองเท้า ซ่อมเครื่องหนัง ซ่อมเฟอร์นิเจอร์ ซ่อมนาฬิกา ซ่อมเครื่องแต่กาย ซ่อมจักรยานยนต์สองล้อ ซ่อมเครื่องดนตรี ซ่อมเครื่องกีฬา นอกจากนี้กิจกรรม เช่น สปา ลดน้ำหนัก การแต่งผม-ดูแลความงาม แต่งเล็บมือ-เล็บเท้า ซักรีด กิจการดูแลต่าง ๆ ทั้งหมด ก็จะถือว่าอยู่กิจกรรมด้านอื่น ๆ ที่จะได้รับการเยียวยาในครั้งนี้ด้วย

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2564

‘คนละครึ่งเฟส 3’ ใครต้องลงทะเบียนผ่านทางไหนกันบ้าง​?

มาแล้ว "คนละครึ่งเฟส 3" สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเปิดรายละเอียดเงื่อนไขการจ่ายเงิน 3,000 บาท เริ่มลงทะเบียนเมื่อไหร่ ผ่านทางไหนได้บ้าง



นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้แถลงถึงรายละเอียดโครงการ "คนครึ่งเฟส 3" มีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้ 

มาตรการเยียวยาโครงการ คนละครึ่ง เฟส 3 จะเพิ่มกลุ่มเป้าหมายอีก  31 ล้านคน ในวงเงิน 93,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของประชาชน สนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กจนถึงผู้ประกอบการขนาดกลาง

โดยโครงการ คนละครึ่งเฟส 3 นี้ ยังคงเป็นการให้สิทธิ์เหมือนที่ผ่านมา โดยให้ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 150 บาท/วัน/สิทธิ์ วงเงิน 3,000 บาทตลอดโครงการ ตั้งแต่ ก.ค - ธ.ค 64 โดยแบ่งจ่ายเป็น 2 ช่วง ดังนี้

ช่วงแรก จำนวน 1,500 บาท ระหว่างเดือน .. - .. 64 

ช่วงที่สอง จำนวน 1,500 บาท ระหว่างเดือน .. - ..64 

วิธีลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3 

สำหรับลงทะเบียนแบ่งเป็น 2 ช่องทาง 

1. ผู้ที่เคยได้รับสิทธิ์แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนเพียงกดยืนยันสิทธิ์ในแอปเป่าตังค์ได้เลย 

2. ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์ ต้องลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com และเมื่อได้รับสิทธิ์แล้วต้องไปยืนยนตัวตนที่ธนาคารกรุงไทยตามขั้นตอน 

ทั้งนี้ หากเลือกรับสิทธิ์มาตรการใดมาตรการหนึ่งแล้ว จะต้องสละสิทธิ์โครงการอื่นๆ อย่างเช่นโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น

162253697546

คุณสมบัติของผู้ที่ได้รับสิทธิจากมาตรการ คนละครึ่งเฟส 3” จะใช้เกณฑ์คุณสมบัติเหมือนกับสองระยะที่ผ่านมา คือ

1. ต้องเป็นผู้ที่มีบัตรประจำตัวประชาชนและเป็นบุคคลสัญชาติไทย  

2. ต้องเป็นผู้อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป  วันที่ลงทะเบียน

3. ต้องเป็นผู้ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 

รายละเอียดมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมจากภาครัฐฯ สามารถตรวจสอบได้ที่ www.cgd.go.t

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ, กระทรวงการคลัง 



วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

เช็คด่วน!! มาตรการเยียวยาโควิด ระลอกใหม่ มีอะไรบ้าง

สรุปแล้ว มาตรการเยียวยาโควิดรอบใหม่ แจกเงิน "เราชนะ - ม.33" เพิ่มคนละ 2,000 บาท เตรียมผุดโครงการใหม่ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" แจก แจก e-Voucher สูงสุด 7,000 บาท



เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ณ ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี นำทีมแถลงมาตรการเศรษฐกิจ ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ครม. ได้มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาโควิด-19 ระลอก 3 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ มีรายละเอียดดังนี้

1.โครงการเราชนะ เพิ่มวงเงินให้ประชาชน รวม 2,000 บาท จ่ายสัปดาห์ละ 1,000 บาท ใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ในกรอบวงเงิน 67,000 ล้านบาท

2.โครงการ ม.33 เรารักกัน  เพิ่มวงเงินให้ผู้ประกันตน มาตรา 33 รวม 2,000 บาท จ่ายสัปดาห์ละ 1,000 บาท ใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 กรอบวงเงิน 18,500 ล้านบาท 

3.โครงการคนละครึ่ง เฟส3 วงเงินไม่เกิน 3,000 บาท ใช้จ่ายวันละไม่เกิน 150 บาท เริ่มเดือนกรกฎาคม เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังมีโครงการเพิ่มเติมที่เริ่มดำเนินการต่อภายใต้กรอบวงเงิน 140,000 ล้านบาท มีดังนี้

1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3  สนับสนุนค่าครองชีพ  6 เดือนๆ ละ 200 บาท ที่จะเริ่มกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 13.65 ล้านคน

2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ สนับสนุนค่าครองชีพ 6 เดือนๆ ละ 200 บาท เริ่มกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 ที่มีกลุ่มเป้าหมาย 2.5 ล้านคน

3.โครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” ที่ภาครัฐสนับสนุนให้ประชาชนที่ใช้ซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม และบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีกลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้มีรายได้สูง โดยรัฐจะสนับสนุนการใช้จ่ายโดยให้ E-Voucher ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะได้สูงสุด 7,000 บาทต่อคน โดยจะเริ่มต้นโครงการได้เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และไปสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 

ที่มา อัมรินทร์ทีวี


อัปเดตโครงการ "เราชนะ" รัฐบาลเคาะแจกเงินเพิ่มแล้ว

ความคืบหน้ารัฐบาลเคาะเยียวยาโควิดรอบ3 เตรียมแจกเงินเพิ่มในโครงการ "เราชนะ" คนละ 2,000 บาท ที่มีผู้ได้รับสิทธิ์รวม 32.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 204,062 ล้านบาท


กระทรวงการคลังได้มีการอัปเดตความคืบหน้าของโครงการ "เราชนะ" เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา  โดยมีรายงานดังนี้

1. ประชาชนจำนวน 13.7 ล้านคน กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  ได้มีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมจำนวน 73,722 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา 

2. ประชาชนจำนวน 16.8 ล้านคน ในกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" "คนละครึ่ง" และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการ มีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมจำนวน 115,150 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา 

3. ประชาชนจำนวน 2.4 ล้านคน ในกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมจำนวน 15,190 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา

ทำให้มีจากโครงการข้างต้นเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 32.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่ากว่า 204,062 ล้านบาทสำหรับการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย โดยมีผู้ได้รับสิทธิ์ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิ์ในโครงการฯไปแล้ว 24.9 ล้านคน  โดยเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ร้านค้า "คนละครึ่ง" ที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่าน  ครม. ได้เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน 2564 ได้อนุมัติใช้เงินกู้ 225,500 ล้านบาท ในการเพิ่มเงิน 2,000 บาทให้กับผู้ได้รับสิทธิ์ 32.9 ล้านคน ในโครงการ เราชนะ รวมวงเงิน 67,000 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเข้าแอปฯ เป่าตังค์ เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ๆ ละ 1,000 บาท เริ่มจ่ายวันศุกร์ที่ 21 และ 28 พ.ค 2564 โดยสามารถใข้จ่ายได้จนถึง 30 มิ.ย. 2564 นี้





















กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...