วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ลูกค้าประกาศเลิกกิน "จ้อปูไส้ทะลัก"ทันที หลังเห็นสิ่งที่ใช้รัด

คดีพลิก เมื่อลูกประกาศเลิกกิน "จ้อปูไส้ทะลัก" ที่แม่ค้าใช้เชือกฟางรัด โดย "อ.เจษฎ์" ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ "อาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติก ควรเปลี่ยนเป็นเชือกธรรมดาครับ" 


หลังจากที่ "อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ข้อมูลทางเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง by อาจารย์เจษฎ์ หลังพบอาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติกมีสารเคมีอันตราย โดยระบุข้อความว่า 

"อาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติก ควรเปลี่ยนเป็นเชือกธรรมดาครับ"

ไปเจอคลิปติ๊กต๊อกอันนี้มา นับว่าเป็นเรื่องดีเลยครับ คือเป็นของร้านที่ทำ "จ้อปูไส้ทะลัก" ขาย ซึ่งก่อนนี้เค้าใช้เชือกฟาง (ซึ่งก็ทำจากพลาสติกย้อมสี) มามัดจ้อปูก่อนเอาไปนึ่ง และลูกค้าก็มาคอมเม้นต์ว่า "เจอ เชือกฟาง เลิกอยากกินทันที" .... ทางแม่ค้าที่ร้านเลยเปลี่ยนไปใช้เชือกธรรมดา ฝึกผูกแทน ได้รับเสียงชืนชมจากลูกค้าอย่างมากเลยครับ

ซึ่งการเอาเชือกพลาสติก มารัดอาหารก่อนไปให้ความร้อนนั้น ผมเคยเตือนเอาไว้แล้วว่าไม่ควรทำ ตอนที่โพสต์เกี่ยวกับเรื่อง "ไม่ควรเอาหนังยางวง มารัดผักต้ม" ครับ .... ดังนั้น ก็หวังว่าร้านอาหารอื่นๆ น่าจะเอามาเป็นแบบอย่างนะครับ

เอาบทความเก่าเรื่อง หนังยางวงรัดผักต้ม มารีโพสต์ให้อ่านกันครับ

บทความเก่าที่ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้โพสต์เตือนเกี่ยวกับการใช้หนังยางรัดผักต้ม แล้วลงไปต้ม ลงไปลวก อันตรายอาจจะเกิดโรคร้าย ระบุว่า...

ไม่ควรเอาหนังยางวง มารัดอาหารลงไปต้ม ได้รับคำถามมาจากนักข่าวช่อง PPTV ว่า ที่มีคำเตือนเกี่ยวกับการห้ามเอา "หนังยางวง" มารัดผัก รัดอาหาร ลงไปต้มในน้ำเดือด เช่น พวกผักต้มขายคู่กับน้ำพริกตามตลาดนัด เนี่ย มันอันตรายจริงใช่มั้ย ?

คำตอบก็คือ "จริง" ครับ ในหนังยางวง มีสารเคมีอันตรายที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้อยู่หลายชนิด จึงไม่ควรเอาไปต้มให้โดนความร้อนโดยตรง แม้ว่าจะมีปริมาณน้อยก็ตามครับ

ซึ่งตรงกับ อาจารย์อ๊อด รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เคยอธิบายไว้ในรายการข่าวเที่ยงช่องวันว่า หนังยางวงนั้น ทำจากยางพารา แล้วบดอัดผสมกับสารเคมีหลายชนิด เช่น พวกซัลเฟอร์ (กำมะถัน) เพื่อทำให้หนังยางมีความเหนียวและทนทาน แต่เมื่อถูกความร้อนมากกว่า 100 องศาเซลเซียส (เช่น ในน้ำต้มเดือด) จะทำให้สารเคมีในหนังยางปนเปื้อนมากับอาหารได้ หากกินเข้าไปจำนวนมาก หรือมีการสะสมอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน จะเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

นอกจากนี้เพจ "เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว" ได้เคยอธิบายไว้โดยละเอียด สรุปได้ดังนี้

- หนังยางทำจากยางพาราธรรมชาติ แต่ก็มีสารเติมแต่ง ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถ้าสัมผัสกับอาหารที่ได้รับความร้อนโดยตรง

- ในกระบวนการผลิตนั้น จะมียางก้อนที่ได้จากต้นยางพารา แล้วใช้สารเคมีอื่น มาทำการเชื่อมขวาง (ครอสลิงค์ crosslink) เพื่อให้ใช้งานได้ในอุณหภูมิที่กว้างมากขึ้น และมีสมบัติเชิงกล (mechanical properties) ที่ดีขึ้น

- การครอสลิงค์ยางพารา หรือที่มีชื่อเฉพาะว่า “การวัลคาไนซ์” (vulcanization) มักใช้กำมะถัน (ซัลเฟอร์) เป็นตัวเชื่อมขวาง ทำให้มีความยืดหยุ่นที่ดี จากพันธะไดฟอสไฟด์ (disulfide bond (ในรูปของ -S-S-) หรือพันธะโพลีฟอสไฟด์ (polysulfide bond)

- นอกจากจะใช้กำมะถันแล้ว ยังมีการใช้สารกระตุ้นและสารเร่งปฏิกิริยา ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์ (ZnO) /สารประกอบไดไธโอคาร์บาเมต (dithiocarbamate)/ ไธอาโซล (thiazole) /และไทยูแรม (thiuram)

- ไขมันในอาหารและความร้อนจากการประกอบอาหาร สามารถทำละลายสารต่างๆ เหล่านี้ ให้ออกมาปนเปื้อนในอาหารได้ง่าย จึงควรต้องแกะหนังยางออกจากอาหารก่อน ที่จะนำไปประกอบอาหาร ไม่ให้หนังยางสัมผัสกับอาหารที่มีความร้อนโดยตรง

ปล. พวกเชือกฟาง จริงๆ ทำจากพลาสติกผสมสีครับ สารเคมีต่างๆ ก็มีสิทธิที่จะละลายออกมาด้วยน้ำและไขมันร้อนๆ ได้ จึงไม่ควรเอามารัดอาหารลงไปต้มไปทอดเช่นกันครับ

ที่มา www.thainewsonline.co, Tnews

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สาวแชร์เรื่องราว "ชีวิตคนเราไม่แน่นอน" กับมะเร็งปอดระยะที่สี่

เจ้าของเพจ BorTor Baitoey แชร์ประสบการณ์ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เมื่อพบว่าเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในอายุ 24 เรื่องเผยไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


มะเร็งเป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ด้วยสาเหตุต่างๆ นาๆ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง เธอจึงได้เล่าเรื่องราวผ่าน เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ BorTor Baitoey ถึงการเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในวันที่เธออายุเพียง 24 ปีว่า

“ มีคนเคยบอกว่า “ชีวิตคนเราไม่แน่นอน” แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

อายุ 24 ปี กับโรคยอดฮิตในหนังเศร้า “มะเร็งปอดระยะที่สี่” ที่ทุกคนเรียกว่า “ระยะสุดท้าย” ฝันอยากมีชีวิตแบบนางเอกซีรี่ย์ซักครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะได้พลอตนี้ 55555

อาการเริ่มตั้งแต่ปลายปี 64 เริ่มไอ เป็นๆ หายๆ ไม่ได้ไอตลอดเวลา ประมาณ 2 เดือน ตรงกับช่วง pm2.5 คิดว่าเป็นภูมิแพ้ จึงไปหาหมอแผนก หู คอ จมูก ที่ศิริราช ก็ทำการตรวจ x-ray ปอด ส่องกล้องดูทางเดินหายใจ ก็ไม่พบความผิดปกติ จบด้วยการได้ยาแก้ไอต่างๆมากิน จากนั้นก็ไปตามนัดตลอด x-ray ตลอด แต่ก็เริ่มไอมากขึ้น ไอตลอด ประมาณเดือน เมษายน ก็เป็นโควิด มีอาการไอ(ที่ไออยู่แล้ว) จาม (มีอาการนี้เลยตรวจโควิด) แค่นั้น ไม่ได้กินฟาวิ เพราะอาการไม่หนักมาก

เดือน พฤษภา เริ่มปวดสะโพกด้านขวา (คิดว่าคงนอนผิดท่า ซักพักน่าจะหายเอง) ประมาณ 2 wk ยังไม่หาย เลยไปหาหมอกระดูก ตอนนั้นหมอบอกกล้ามเนื้ออักเสบ ได้ยาแก้อักเสบมา แล้วก็ไปกายภาพ

เดือน มิถุนายน ตื่นเช้ามาไอ รู้สึกเหมือนมีเสมหะ (ปกติไอแห้งๆมาตลอด) สรุป ไอเป็นเลือด ตอนนั้นตกใจมาก  เลยปรึกษาพี่ที่รู้จัก ได้มาหาหมอที่หูคอจมูก หมอส่องกล้อง x-ray ปอด เหมือนเดิม ไม่พบความผิดปกติ หมอคิดว่า ไอจากเส้นเลือดฝอยบริเวณเพดานปากแตก จึงนัดอีกที 3 เดือน

(ระหว่างนี้ก็ไอตลอด ขาก็เดินกะเผลก ไปกายภาพบำบัดอยู่ และไปตรวจตามนัดของหู คอ จมูกเสมอ!!)

เดือนกรกฎาคม จุดเปลี่ยนของชีวิต พอพ้นวันเกิดวัย 24 ปี ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก

อาการไอยังคงเหมือนเดิม เริ่มหนักขึ้น เริ่มเหนื่อยหอบ เดินได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุดพัก ค่อยเดินต่อ น้ำหนักลด อาทิตย์ละ 2 kg ได้ คนรอบข้างเริ่มทักว่าผอมลงเยอะมาก ให้ไปตรวจได้พี่ที่รู้จัก(คนดีคนเดิม)นัดคิวตรวจอายุรศาสตร์ให้ ไปตรวจอายุรศาสตร์ครั้งแรก เจาะเลือด x-ray แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ

ผล x-ray ก็ยังคงปกติ แต่ผลเลือดค่าตับไม่ค่อยดี แต่หมอไม่ว่าไง

ยังคงมีอาการไออยู่ หมอจึงพาไปให้หมอเฉพาะทางด้านปอดดู

หมอปอด : ส่งตรวจ CT Chest ผลเจอก้อนที่ปอด(หลายก้อน ใหญ่สุด 4cm) และที่ตับ 2 ก้อน จึงนัดตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลก็คือเป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือง และกระดูก (ตอนรู้นี้อ๋อเลย นี้เองสาเหตุก็การปวดขา ) หลังจากนอนโรงพยาบาลเกือบเดือน และอยู่ห้อง RCU (คล้ายๆ icu แต่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ) เพราะตอนนั้นปอดเหลือข้างเดียว ก็นอนให้ยาฆ่าเชื้อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ (high flow) อยู่ตลอด ทรมานมาก ตอนนี้ก็ได้รับการรักษาเป็นการฉายแสง 10 ครั้ง (ครบไปแล้ว) และกินยาพุ่งเป้า (ขอบคุณอาจารย์จารุวรรณ เป็นอย่างสูง เพราะค่ายาแพงมาก ตกเดือนละ 40,000 แต่ได้อาจารย์เอาทุนโครงการมาช่วย กราบสามทีเลย) คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากการอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ เป็น second hand smoker ขอให้ทุกคนที่สูบบุหรี่อยู่ ช่วยมีความรับผิดชอบกับคนรอบข้างนิดนึง

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้…โพสยาวสุดในชีวิต อยากเล่าให้ฟัง เผื่อใครมีอาการอะไร ให้รีบๆไปตรวจ

ตรวจให้ถูกหมอ ถูกโรค รีบรักษาจะได้ไม่เป็นอะไรเยอะ มีชีวิตอยู่ไปนานๆ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นห่วง คอยมาเยี่ยม ส่งข้าวส่งน้ำ ส่งกำลังใจ พูดละจาร้อง 55555

ขอบคุณมากๆ นะ มีแรงสู้ชีวิตต่อไป….แต่ขอร้องชีวิตอย่าสู้กลับเยอะ

ทุกคนไม่ต้องตกใจรูปนะ ตอนนี้กลับมาทำงาน ใช้ชีวิต(แบบพยายาม)ปกติแล้ว แต่ก็กินยาอยู่ตลอด”


ที่มา อีจัน, BorTor Baitoey


วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

หมอลืม "ผ้าก๊อซ" ในช่องคลอด ผอ.โรงพยาบาล ยืดอกรับผิดพร้อมเยียวยา

จากกรณีญาติโวยหมอลืม "ผ้าก๊อซ" ในช่องคลอดสาววัย 20 ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น ออกมายืดอกรับผิด พร้อมเยียวยาตามมาตรา 41


วันนี้(29 พ.ย.65) ผู้สื่อได้ข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ying Ying ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงในกลุ่ม "ขอนแก่น ร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่" พร้อมแคปชั่นระบุว่า "ช่วยแชร์ไปเยอะๆ โรงพยาบาลลืมผ้าก๊อซไว้ในช่องคลอด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 น้องสาวได้ไปคลอดที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดขอนแก่น ปรากฏว่าผ่านมาเกือบสองเดือนน้องสาวมีอาการปวดท้องรุนแรงและเป็นไข้ เวลาเข้าห้องน้ำก็จะมีเหมือนก้อนอะไรบางอย่างหลุดออกมาตรงปากช่องคลอด พอจับดูรู้สึกว่ามันเป็นก้อนแข็งๆ ผิดปกติ จึงให้แฟนเอาไปส่องดูให้ ปรากฏว่าด้านในที่เห็นนั้นเป็นผ้าก๊อซที่ทางโรงพยาบาลลืมเอาไว้

ตอนนี้ได้กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้โรงพยาบาลเอาผ้าก๊อซก้อนนั้นออกให้ และหลังจากที่เอาออกมีผู้ใหญ่มาคุยและบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบในเชิงว่าเอาผ้าก๊อซปิดเลือดไว้เพื่อช่วยชีวิต ฝากช่วยกันแชร์เยอะๆ ให้ได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ด้วยค่ะ

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวรุ่งนภาพร โคตรแปร อายุ 32 ปี เจ้าของเฟซบุ๊ก เล่าว่า น้องสาวตน อายุ 20 ปี มีกำหนดคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 วัน ก็กลับบ้าน อยู่บ้านเรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาน้องสาวมีอาการปวดท้อง จึงเข้าห้องน้ำ พบว่ามีก้อนแข็งๆในช่องคลอด ถ่ายรูปมาดูถึงได้รู้ว่ามีผ้าก๊อซในช่องคลอด จึงรีบมาที่โรงพยาบาลให้แพทย์เอาผ้าก๊อซออกให้

นางสาวรุ่งนภาพร เล่าต่อว่า แต่เจ้าหน้าที่กลับอ้างว่า ผ้าก๊อซที่เห็นนั้นเพื่อช่วยซับเลือด เป็นการช่วยเหลือคนป่วยไม่ให้เสียเลือดมาก ซึ่งเป็นการช่วยชีวิต แต่ฟังแล้วไม่ได้ช่วยให้สบายใจ เพราะแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ควรมีความรอบคอบ หากเกิดการติดเชื้อ หรือมีผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพของผู้ป่วยจะทำอย่างไร อยากให้มีความรับผิดชอบมากกว่าคำพูดที่พูดออกมา

จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ทราบว่า ภายหลังทราบเรื่องจากโซเชียล ก็รีบตรวจสอบทันที พบว่าขณะนี้ผู้ป่วยเข้ามาพักรักษาตัวใน รพ.ขอนแก่น ที่ห้องพิเศษ อาคาร 14 ตึกราชนครินทร์ โดยแพทย์ได้เอาผ้าก็อซออกให้เรียบร้อย ให้ยาฆ่าเชื้อ รักษาให้จนแข็งแรงจึงจะให้กลับบ้าน

"อาการโดยรวมปลอดภัยดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน ซึ่งจากการตรวจสอบรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ ทราบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในฐานะ ผอ. รพ.ขอนแก่น ขอยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษคนป่วยและญาติพี่น้องด้วย จะนำเอาความผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ" นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าว

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ ทางโรงพยาบาลไม่ได้นิ่งเฉย โดยได้ประสานไปที่ สปสช. เพื่อทำเรื่องเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรา 41 แล้ว

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ โรงพยาบาลขอนแก่น ได้โพสต์หนังสือชี้แจง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และว่าโรงพยาบาลขอนแก่นเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โรงพยาบาลยินดีปรับปรุงการให้บริการ การดูแลผู้ป่วย และพร้อมให้การดูแลเยียวยาช่วยเหลือ โดยยื่นคำร้องตามมาตรา 41 (ม.41) สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า กรณีได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นขณะรับการรักษาในโรงพยาบาล ตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งการประชุมพิจารณาของคณะกรรมการฯ จะมีขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม 2565

โดยหลังจากนี้ จะมีการทบทวนระบบการให้บริการ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

ที่มา ไทยรัฐ, เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลขอนแก่น

อัพเดทจุดฉีดวัคซีนโควิดฟรี กรุงเทพ - นนทบรี เดือนธันวาคม 2565

เปิดบริการจุดฉีดวัคซีนโควิดฟรีเดือนธันวาคม 2565 โดยเปิดวอล์คอิน-ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ เข็ม 1, 2, 3, 4 และ 5 ใน กทม. และ จ.นนทบุรี รายละเอียดได้ที่นี่


"ฐานเศรษฐกิจ" ชวนผู้ที่สนใจต้องการฉีดวัคซีนโควิดฟรี เข็ม 1, 2, 3, 4 และ 5 ในเดือนธันวาคม 2565 โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยงรวมถึงผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดมาระยะหนึ่งแล้วเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดฟรีตามจุดให้บริการซึ่งรวบมาไว้ให้แล้วที่นี่  

1.โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ 

เปิด walk in ให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับประชาชนทั่วไป เข็ม 1, 2, 3, 4 และ 5 ในเดือนธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนใหม่ จำนวน 300 คน 

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 

เริ่มแจกบัตรคิว เวลา 11.30 น.

ให้บริการฉีดวัคซีนตั้งแต่เวลา 12.00-14.00 น.

เงื่อนไข 

อายุ 18 ขึ้นไป หรือ อายุ 12-18 ปีต้องมีผู้ปกครองมาด้วย

หากต้องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เว้นระยะห่างจากเข็ม 2  อย่างน้อย 90 วัน 

หากต้องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 หรือ เข็มที่ 5 เว้นระยะห่างจากเข็มก่อนหน้าอย่างน้อย 120 วัน 

แสดงบัตรประชาชนตัวจริง หรือ หลักฐานการฉีดวัคซีนต่อเจ้าหน้าที่ 

งดให้บริการฉีดวัคซีนเข็ม 1 เด็ก อายุ 5-12 ปี

2.สถาบันโรคผิวหนังอนุสาวรีย์ 

ขยายวันให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวันธรรมดาเพิ่มโดยสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนในวันทำการวันจันทร์-ศุกร์ (เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) และวันเสาร์ที่ 17 ธ.ค. 65 ตั้งแต่เวลา 9.00 - 15.00 น. จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยเปิดให้ลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้าก่อนวันฉีด 1 วัน และผู้ที่ไม่สะดวกลงทะเบียนนัดหมายสามารถ walk in เข้ารับการได้ในวัน และเวลาที่กำหนดไว้ 

ชนิดวัคซีนที่ให้บริการ

1.อายุ 12 ปีขึ้นไป

ให้บริการฉีดวัคซีน "ไฟเซอร์ฝาสีม่วง" โดยเลือกรูปแบบการฉีดแบบเต็มโด๊ส หรือ แบบครึ่งโด๊ส โดยฉีดเข้าชั้นผิวหนัง

เชิญประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุ หรือ กลุ่มเสี่ยงโรคเรื้อรัง หากรับวัคซีนเข็มล่าสุด นานเกิน 4 เดือนขึ้นไป ให้เข้ามารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ จะสามารถป้องกัน การป่วยหนักและลดโอกาสเสียชีวิตได้

2.อายุ 5-11 ปี

ให้บริการฉีดวัคซีน "ไฟเซอร์ฝาสีส้ม" รูปแบบการฉีดเต็มโด๊ส

คนไทย / ต่างชาติ / ต่างด้าว

ทุกเข็ม ตั้งแต่เข็มที่ 1 ขึ้นไป (เข็มกระตุ้น ควรเว้นระยะห่างจากเข็มก่อนหน้าอย่างน้อย 120 วัน)

กรณีต้องการลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้าก่อนวันฉีด 1 วัน ได้ที่นี่ ลงทะเบียนฉีดวัคซีน จุดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สถาบันโรคผิวหนัง 

สถานที่ให้บริการ 

สถาบันโรคผิวหนัง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ชั้น 20 อาคารสถาบันโรคผิวหนัง เลขที่ 456 ถ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. 

คลิกดูแผนที่ : แผนที่สถาบันโรคผิวหนัง

3.โรงพยาบาลกลาง สำนักการแพทย์ กทม.

เปิดให้บริการ walk in ฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ ดังนี้

1.บุคคลทั่วไปและเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป

ทุกวันทำการจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.00-15.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ (จนกว่าวัคซีนจะหมด) 

2.เด็กอายุ 5-11 ปี

ทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30-12.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยมากรอกเอกสารใบยินยอมที่หน้าจุดคัดกรอง ชั้น 1 และนำเอกสารไปยื่นที่จุด ลงทะเบียนวัคซีน ข้างเวชระเบียน หน้าหน่วยแพทย์กู้ชีวิต (EMS)

สิ่งที่ต้องเตรียมมาในวันที่ฉีดวัคซีน

บัตรประชาชน บัตรต่างด้านสีชมพู หรือใบอนุญาตทำงาน

ปากกาส่วนตัว

หลักฐานการฉีดวัคซีน (เปิดในแอพหมอพร้อม)

4. ศูนย์บริการสาธารณสุข ทั่ว กทม.ทั้ง 69 แห่ง

กทม.ให้บริการฉีดวัคซีนตามความสมัครใจโดยเปิดให้บริการทั้งแบบนัดหมายล่วงหน้าโดยสแกน QR Code จองคิวผ่าน QueQ และรับ Walk in โดยให้บริการ "ฉีดทุกวันศุกร์ ฉีดทุกสูตร และฉีดทุกเข็ม" ติดต่อศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน โทร 02-2032883

วิธีการจองคิวผ่านแอป QueQ

โหลดแอปได้ทั้งระบบ iOS และ Andriod

เลือก "ศูนย์ฉีดวัคซีน กทม."

ค้นหา ศูนย์ฉีดวัคซีนที่ต้องการ, กรอกเลขข้อมูล, เลือกวันที่-เวลา และ กดยืนยัน ให้เก็บบัตรคิว นำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในวันนัด

เอกสารประกอบ

บัตรประจำตัวประชาชน / Passport

หลักฐานรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 (สำหรับผู้เคยฉีดวัคซีนมาแล้ว)

5.โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 

เปิดลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกเข็มในเดือนธันวาคม 2565 เป็นวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไป ตั้งแต่เวลา 9.00-14.00 น. โดยสแกนที่ภาพ QR Code ด้านล่างเพื่อเลือกวันฉีดวัคซีนได้ ดังนี้ 

วันที่ 7 ธันวาคม 2565 (เต็มแล้ว) 

วันที่ 14 ธันวาคม 2565

วันที่ 21 ธันวาคม 2565

วันที่ 28 ธันวาคม 2565

เงื่อนไขผู้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด

อายุระหว่าง 6 เดือนถึง 4 ปี 11 เดือน 29 วัน (ไม่เกิน 5 ปี) 

จำกัดจำนวนวันละ 80 คน

สถานที่ให้บริการฉีดวัคซีน 

ห้องตรวจโรคกุมารเวช ชั้น 1 อาคารพัชรกิติยาภา รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 6.ศูนย์ฉีดวัคซีนกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 

เปิด walk in ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกเข็ม เป็นวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไป ตั้งแต่เวลา 9.00-14.00 น. ดังนี้ 

เดือนพฤศจิกายน 2565

วันพุธที่ 30 พ.ย.65

เดือนธันวาคม 2565 

วันอังคารที่ 6 ธ.ค.65

วันอังคารที่ 13 ธ.ค.65

วันอังคารที่ 20 ธ.ค.65 

วันอังคารที่ 27 ธ.ค.65

สถานที่ให้บริการฉีดวัคซีน : 

ศูนย์ฉีดวัคซีนกระทรวงสาธารณสุข ณ โถงชั้น 1 อาคาร 3 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 

ที่มา www.thansettakij.com

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

"ชูวิทย์" ตั้งรางวัลแสนบาท สำหรับคลิป "สันธนะ" ทำผิดกฎหมาย

"ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ตั้งรางวัล 100,000 บาท สำหรับผู้ที่มีคลิป การกระทำความผิด ของ "สันธนะ ประยูรรัตน์" แจงเจตนาเพื่อรักษาเกียรติ หลังถูกคู่กรณีหยามระหว่างเข้าพบ "บิ๊กโจ๊ก" จนสังคมมองเป็นความรุนแรง


เมื่อวันที่ 10 พ.ย.65 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีการเผชิญหน้ากันกับ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล จน"หวิดวางมวย"ที่ สน.ทองหล่อ ว่า สาเหตุที่ทำให้ตนเองเข้าเผชิญหน้ากับนายสันธนะ ด้วยลักษณะรุนแรงเช่นนั้น เนื่องจากทนไม่ไหวที่นายสันธนะ ไม่ให้เกียรติ ขึ้นไปเคาะประตูเสียงดังระหว่างที่ตนเองกำลังยื่นหนังสือ และพยานหลักฐานเกี่ยวกับ"กลุ่มนายทุนจีน"สีเทา ให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) และตะโกนเรียกท้าทายเสียงดัง

เมื่อยื่นหนังสือเสร็จ ก็แค่แสดงตัวว่าอยู่ตรงนี้ ตามที่นายสันธนะอยากเจอเท่านั้น เพราะตนเองคนจริง เป็นนักเลง เมื่อไม่ให้เกียรติกันทั้งที่มีตำรวจผู้ชั้นใหญ่อยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติตอบ อีกทั้งก็ยอมรับในการกระทำ หากสังคมจะมองว่าเป็นการใช้ความรุนแรง ก็ต้องขอบอกว่า บางครั้งความรุนแรงก็เหมาะต้องใช้กับคนบางคน

กรณีที่มีเสียงเชียร์ ว่าอยากให้มีโปรโมเตอร์จัดมวยไฟต์พิเศษ ระหว่างตนเองกับนายสันธนะ อยากบอกว่า ถ้านายสันธนะเป็นคนจริงเหมือนกันก็นัดมาเจอกันเลยดีกว่า สะดวก วัน เวลาใด ให้แจ้งมา ตนพร้อม เพราะแค่ตนเองผลักนายสันธนะเบาๆ นายสันธนะก็ล้มแล้ว และหากนายสันธนะสามารถยืนอยู่ได้เกิน 1 นาทีได้โดยไม่ล้ม ตนเองจะกราบเท้าให้ดู และหากตนเองตายไปเป็นผี ก็จะไปเป็นผีเกาะหลังนายสันธนะ พร้อมเตือนนายสันธนะอย่าพลาดละกัน

พร้อมทิ้งท้ายว่าหากประชาชนคนใดที่มีหลักฐาน หรือคลิปวิดีโอการกระทำความผิดของนายสันธนะ ขอให้ส่งมาที่ตนเอง ตนเองจะให้รางวัลเป็นเงิน 100,000 บาท

ที่มา คมชัดลึก

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

มินดา แทนทรัพย์(Minda Thaensub) อวดหุ่นแซ่บในบิกินี พร้อมแคปชั่นเด็ด

ดารานางแบบสาวเซ็กซี่ ที่เพิ่งฝ่านกระแสดราม่าปมเขาหาว่าเธอเป็นมือที่สาม ..ระหว่าง นักร้องลูกทุ่งหนุ่ม "อ๊อฟ ศุภณัฐ" กับนักร้องสาว "ธัญญ่า อาร์สยาม" จนเป็นไฟลามทุ่งไปหยกๆ 


ล่าสุด "มินดา มีทรัพย์สิน" ก็ขอพาร่างบางๆ ไปพักใจพักกายพักสมองอยู่แถวประจวบ,หัวหิน นั่งกินปู สบายใจแถมมีเซอร์ไพรส์ ..เขย่าใจแฟนๆ อวดหุ่นสุดสยิวผ่านบิกินี ตัวน้อยเล่นน้ำขี่ม้า โพสต์ภาพให้แฟนๆ ได้ชมพร้อมแคบชั่น 




"จะชอบทะเลหรือชอบเขา..แต่ถ้าไม่ชอบความเหงา..หันมาชอบเราก็ได้นะ" 


งานนี้ ทำเอาบรรดาแฟนคลับหนุ่มๆ ต้องขยี้ตากันรัวๆ

ที่มา ที่นี่ดอทคอม


ประวัติ มินดา มีทรัพย์สิน

มินดา แทนทรัพย์ มีชื่อเดิมว่า ศรสวรรค์ แทนทรัพย์ เกิดวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2537 เป็นลูกสาวคนที่ 2 ของ สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือว่าเป็นตระกูลนักการเมืองชื่อดังของจังหวัด นอกจากนี้ทางบ้านยังทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ อาทิ รับสร้างบ้าน รีสอร์ต ปั๊มน้ำมัน และสวนน้ำที่จังหวัดชัยภูมิ ด้านการศึกษา จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจาก โรงเรียนสุรนารีวิทยา ระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มินดา เคยมีผลงานในวงการบันเทิงทั้งการแสดงละคร ภาพยนตร์ มิวสิควิดีโอ รวมถึงเดินแบบ ถ่ายแบบมาไม่น้อย อย่างผลงานละครเรื่องเด่น ๆ คือ ลูกตาลลอยแก้ว และ บางกอกนฤมิต นอกจากงานในวงการบันเทิงแล้ว เธอยังเคยได้รับตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์สโมสรฟุตบอลไทยลีก นครราชสีมา มาสด้า Fc อีกด้วย

ชีวิตส่วนตัว มินดา แทนทรัพย์ อดีตเคยคบหาดูใจกับศิลปินหนุ่ม แซ็ค ชุมแพ ก่อนที่จะเลิกรากันไป ต่อมาเธอถูกสนใจอีกครั้ง จากกรณีถูกโยงเป็นมือที่สามคู่ของ ธัญญ่า อาร์สยาม กับ อ๊อฟ ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ ซึ่งเธอยืนยันว่าไม่ใช่มือที่สามอย่างแน่นอน เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน พร้อมถามกลับว่า หากอนาคตจะสานสัมพันธ์ต่อ ปัญหาจะติดอยู่ที่ใคร 

ผลงานละครโทรทัศน์ / ซีรีส์

ลูกตาลลอยแก้ว 

บางกอกนฤมิต 

ผลงานภาพยนตร์

โลงจำนำ

บนบานศาลกล่าว

7 วันจองเวร 2

มิวสิควิดีโอ

เพลง กะฮักคือเก่า ศิลปิน บิ๊กไบค์ สายลำ

เพลง ไม่มีเงื่อนไข ศิลปิน สงกรานต์ รังสรรค์

เครดิต entertainment.trueid.net, ไอจี มินดา มีทรัพย์สิน @minda_thaensub

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2565

“โต๋ ศักดิ์สิทธิ์” ลั่น! พลาดเองที่เชื่อลงทุน Forex-3D สิ่งที่สูญเสีย คือบทเรียนที่ต้องจ่ายให้กับความโง่

“โต๋ ศักดิ์สิทธิ์” เผยเสียค่าโง่ให้ Forex-3D เป็นบทเรียนราคาแพง ยันเป็นผู้เสียหาย ดาวน์ไลน์เป็นศูนย์ ไม่ได้ชวนใครต่อ บอกไม่แน่ใจเส้นกั้นระหว่างชวนกับแนะนำคืออะไร หลัง “กระทิง” ตอบผ่านโหนกระแสว่าไม่ได้ชวน ลั่น! ไม่ได้รับเงินค่าปิดปาก ยังไม่เคยได้อะไรทั้งสิ้น มีปรึกษาทนายเรื่องคดี พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง 


วานนี้ (15 ก.ย.2565) หนุ่ม “โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร” ที่ได้ชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ว่าไม่ได้มีเอี่ยวกับคดี Forex-3D และเป็นเพียงหนึ่งในผู้เสียหาย ที่ไม่ได้ออกมาแจ้งความ เพียงเพราะรู้สึกอายเท่านั้น ล่าสุดได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อแบบชัดๆ อีกครั้ง ในงานแถลงข่าวเปิดตัว บริษัท ทูโทน จำกัด (TRUETONE) ที่ได้ประกาศว่าหนุ่มโต๋ จะเข้ามานั่งบริหารค่าย LOVEiS Entertainment ในฐานะ Business Development and Worldwide Business Partnership ณ ร้าน HOBS The Playhouse at Groove ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

โดยโต๋ได้เผยกับสื่อมวลชนว่า “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในคำที่ผมเขียนชี้แจงลงไปในไอจีของผมแล้ว คนแรกที่ผมโทษเลยในเรื่องนี้ก็คือตัวผมเอง เพราะผมไม่รู้ว่าผมคิดอะไร รู้สึกว่าตัวเองไปหลงเชื่อได้ยังไง โง่มากที่บอกว่าเว็บไซต์หนึ่งสามารถจะมาเทรดแทนเราได้ ฉะนั้นสิ่งที่ผมสูญเสียไปทั้งหมดผมคิดกับตัวเองตลอดว่านั่นคือบทเรียนราคาแพงที่ผมจ่ายไปกับความโง่ของตัวเอง เจ็บเราก็ต้องจำ”

ในรายการโหนกระแส “กระทิง ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์” ยืนยันว่าไม่ได้ชักชวน แต่เป็นโต๋ที่เข้ามาถามเอง

“มันเป็นการพูดคุยแนะนำกันอยู่ในกลุ่มที่เล่นกีฬาด้วยกัน ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมเขียน คือผมไม่แน่ใจว่าเส้นระหว่างการบอกว่าชักชวนหรือการแนะนำมันคืออะไร แต่เราเรียนรู้จากการที่เราไปนั่งเล่นกีฬาด้วยกัน แล้วก็พูดถึงเรื่องนี้ด้วยกัน จากนั้นก็มีการส่งเว็บไซต์มา แล้วเราก็เข้าไปดูซึ่งมันดูน่าเชื่อถือมากๆ จริงๆ ผมไม่อยากพูดเยอะ เพราะออกมาพูดตอนนี้หลายคนก็จะสงสัยว่าไปเชื่อได้ยังไง แต่ถ้าตอนนั้นคุณได้เห็นเว็บไซต์จริงๆ มันก็ทำให้เชื่อได้ ผมพลาดเองที่ไปหลงเชื่อ”

หลังมีข่าวยังไม่ได้คุยกับ “กระทิง” คิดว่าคือราคาที่ต้องจ่าย ให้กับความโง่ของตัวเอง

“ไม่ได้คุยครับ ผมเข้าใจมาตลอดว่า Forex-3D มันคือการลงทุน ฉะนั้นผมจึงคิดว่ามันคือราคาที่เราต้องจ่ายกับความโง่ของเราเอง ณ ตอนนั้นที่ไม่ทำอะไรเลยเพราะว่ามันเป็นความผิดของผมเองล้วนๆ ผมนั่งบอกตัวเองทุกวันว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว จะไม่มีการลงทุนหรือทำอะไรโดยที่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

ยกเป็นบทเรียน ไม่ได้เคยคิดมาก่อน ว่าจะกลายเป็นลูกทีมของใคร ต่อไปทำอะไรต้องศึกษาให้ดี

“ไม่คิด ผมไม่ทราบว่ามันคืออะไร ผมก็รู้พร้อมทุกคนครับ ส่วนที่หลายคนมองว่าติดกับดักความโลภ ต้องบอกว่าเมื่อ 3-4 ปีก่อนการลงทุนมีหลายรูปแบบมาก แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร นี่คือการลงทุนครั้งแรกของผมเลย อย่างที่ผมบอกว่ามันคือบทเรียนสำหรับผม ว่าก่อนที่จะลงทุนทำอะไร เราต้องรู้ว่ามันคืออะไร หลังจากนี้จะทำอะไร ในเมื่อเรามีประสบการณ์แล้ว เราเจ็บแล้วเราจำ ต่อไปนี้จะทำอะไรเราก็ต้องศึกษาให้ดีก่อน”

ไม่โทษใคร โทษตัวเอง

“อย่างที่บอกว่าผมโทษตัวเองครับ ถ้าเราไม่เข้าไปลองดูว่ามันคืออะไร แล้วก็ลองลงทุนโดยที่เราไม่รู้เนี่ย มันคือความผิดที่ตัวเราล้วนๆ”

ยืนยันไม่ได้รับเงินค่าปิดปาก ไม่เคยได้รับอะไรทั้งสิ้น

“ผมไม่เคยได้อะไร แล้วก็ไม่เคยได้รับเงินเพื่อจะไม่พูด ไม่เคย ตรงนี้ผมมั่นใจว่ามีหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ แล้วผมก็ยินดีให้ตรวจสอบด้วย ว่าผมไม่เคยได้รับอะไรทั้งสิ้นครับ”

กำลังปรึกษาผู้ใหญ่กับทนาย เรื่องการดำเนินคดีในฐานะผู้เสียหาย

“ตอนนี้กำลังปรึกษาผู้ใหญ่กับทนายอยู่ครับ ถ้ามีอะไรอัปเดตจะแจ้งให้ทราบอีกที”

คำว่า “อาย” ที่โพสต์ลงไปถูกตีความไปหลายแง่มุม

“ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่ามันคืออะไรเลยครับ ผมก็ทราบพร้อมๆ ทุกคน แล้วผมถามหน่อยว่าถ้าเกิดคุณเป็นผมที่โดนหลอก ผมก็อาย อย่างที่ผมบอกเลยว่าคนแรกที่ผมโทษคือผมโทษตัวเองตัวเองที่ไปหลงเชื่อ”

เจ็บแล้วจำ จะลงทุนอะไรต้องศึกษา

“หลังจากนี้คือเรามีประสบการณ์แล้ว เราเจ็บและเราจำ ต่อไปนี้จะทำอะไร ลงทุนอะไรเราต้องศึกษา เราต้องรู้ เราต้องอธิบายได้ว่ามันคืออะไรครับ”

ผู้เสียหายบางส่วน พูดถึงการจะออกมารับผิดชอบของคนดัง

“อย่างที่ผมบอกครับ อันนี้พูดถึงเรื่องการแจ้งความใช่ไหมครับ คือ ณ ตอนนั้นเรารู้สึกอย่างนั้น ณ ตอนนี้ผมกำลังคุยกับผู้ใหญ่และทนายความอยู่ครับ”

ตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมา

“ไม่มีครับ อย่างที่ผมบอกว่าตามข้อมูลทาง DSI ที่ผมบอกไป กรณีเดียวที่จะเป็นผู้เสียหายได้ก็คือผมไม่ได้ชวนใครต่อ ดาวน์ไลน์ของผมคือศูนย์ ผมยินดีให้ความร่วมมือทุกๆ อย่างครับ”

บอกตัวเองก็คือเหยื่อ และผู้เสียหายคนหนึ่ง

“ใช่ครับ พูดตรงๆ ผมก็คือเหยื่อและผู้เสียหายคนหนึ่ง”

รับเครียดนิดหน่อย แต่มั่นใจว่าตนก็เสียหายเหมือนกัน ดาวน์ไลน์เป็นศูนย์ ไม่ได้ไปชวนใครต่อ

“นิดหน่อยครับ แต่ผมมั่นใจว่าผมก็เสียหายเหมือนกัน และตามข้อมูล DSI ที่ผมบอกเลยครับ ดาวน์ไลน์ของผมคือศูนย์ และคุณไม่ได้ชวนใครต่อ ซึ่งผมมั่นใจว่าผมอยู่ในกลุ่มนี้ และผมยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง ยินดีให้ข้อมูลทุกๆ อย่างครับ

ส่วนเรื่องแจ้งความเดี๋ยวผมขอปรึกษาผู้ใหญ่และทนายความ แล้วจะอัปเดตให้ทราบครับ”

ขอบคุณทุกกำลังใจ ยังเขินที่จะบอก พลาดเสียค่าโง่

“ผมขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ส่งเข้ามานะครับ ผมก็พลาดได้ ผมก็เสียค่าโง่ได้ ผมมายืนอยู่ตรงนี้ผมก็รู้สึกว่ามันเขินที่จะบอก คือเราเสียค่าโง่ไปครับ และนี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกทุกคนแค่นี้ครับ นี่คือคำอธิบายที่ผมบอกว่าเขินและอาย เพราะเราก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันครับ”

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565

เริ่มใช้ อัตราค่าปรับกฎหมายจราจรใหม่ เพิ่มโทษปรับ-จำคุก

กฎหมายจราจรใหม่ 2565 ได้เริ่มบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 โดยอัตราค่าปรับฝ่าฝืนกฎจราจรล่าสุด มีโทษปรับ จำคุก หนักกว่าเดิมหลายเท่า มีรายละเอียดอย่างไรอ่านได้ที่นี่


พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ได้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากยังเป็นช่วงเริ่มต้นเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัวกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่นี้ ล่าสุด พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) ระบุว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยบังคับใช้กฎหมายจราจรฉบับใหม่ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ

โดยเฉพาะประเด็นเรื่องโทษปรับที่กฎหมายใหม่เพิ่มอัตราโทษสูงขึ้น เพื่อบังคับใช้ให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้รถใช้ถนน บางความผิดมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 4,000 บาท แต่ในช่วง 3 เดือนแรกนี้ ตร.จะยังใช้เกณฑ์ค่าปรับใบสั่งจราจรตามกฎหมายเดิมไปพลางก่อน (ตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องเกณฑ์ค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ พ.ศ.2563) เพื่อให้เวลาประชาชนได้ปรับตัวและปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง 

ตัวอย่างเช่น 

ข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

โทษสูงสุดตามกฎหมายใหม่มีโทษปรับสูงถึง 4,000 บาท แต่ค่าปรับตามใบสั่งจะกำหนดไว้ที่ 500 บาท

ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจะปรับปรุงเกณฑ์ค่าปรับตามใบสั่งให้สอดคล้องกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่  

ข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือปัจจัยเกิดความสูญเสียต่อผู้ขับขี่

ฝ่าฝืนเครื่องหมายทางม้าลาย ขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ตร.จะพิจารณากำหนดอัตราโทษปรับเป็นขั้นบันได ตามจำนวนครั้งและประวัติการกระทำผิดด้วย เช่น ทำผิดครั้งที่ 1 โทษปรับตามใบสั่ง 500 บาท 

หากทำผิดข้อหาเดิมเป็นครั้งที่ 2 โทษปรับตามใบสั่งเป็น 1,000 บาท เป็นต้น 

ทั้งนี้ ใบสั่งทุกใบจะถูกกำกับโดยระบบฐานข้อมูลใบสั่งที่เรียกว่า PTM (Police Ticket Management) ซึ่งจะระบุจำนวนค่าปรับตามเกณฑ์ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ในใบสั่งทุกใบ ดังนั้น ค่าปรับจึงเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

นอกจากนี้กรณีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ตร.ได้พิจารณาตามหลักกฎหมายแล้ว จะไม่นำประวัติการกระทำผิดที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 5 กันยายน 2565 มาประกอบการพิจารณาเพิ่มโทษ แต่จะเริ่มบันทึกประวัติการทำผิดครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.2565 เป็นต้นไป

สำหรับการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามมาตรฐาน SOP การตั้งจุดตรวจงานจราจร ตามที่ ตร. ได้กำหนดไว้แล้วอย่างเคร่งครัด 

สำหรับกฎหมายฉบับใหม่ได้เพิ่มอัตราโทษปรับที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยงในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทางไว้ ดังนี้ 

ขับรถเร็วเกินกำหนด

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถย้อนศร

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่สวมหมวกนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น จากอัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เมาแล้วขับ

ทำผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ทำความผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท (ศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ)

การรัดเข็มขัดนิรภัย

รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้ 

รถกระบะ

ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า กรณีเป็นรถกระบะสองตอนผู้โดยสารตอนหลัง ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยด้วย หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัดดังกล่าวข้างต้นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

การนั่งบริเวณแคป หรือนั่งท้ายกระบะ

สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยแต่ต้องนั่งไม่เกินจำนวนที่กำหนดในลักษณะที่ปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศกำหนดซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธ.ค. 2565 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ


วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2565

เช็คด่วน! บัตรคนจนรอบใหม่ใครมีสิทธิบ้าง? รีบลงทะเบียนเลย

วิธีลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 “บัตรคนจน” รอบใหม่ ที่ได้เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. – 19 ต.ค.65 ใครมีสิทธิบ้าง? เช็คสิทธิแล้วรีบลงทะเบียนเลย


เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 65 ที่ผ่านมานี้ กระทรวงการคลัง ได้เปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 “บัตรคนจน” โดยเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 5 ก.ย. 65 - 19 ต.ค.65 สามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. - 11 พ.ย. 65 โดยผลการลงทะเบียนจะประกาศทุกวันศุกร์

สำหรับการลงทะเบียน มี 2 ช่องทาง

ช่องทางแรก ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มี 6 ขั้นตอนง่ายๆ

1.เข้าเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th

2.กรอกข้อมูลบัตรประชาชน และเลข Laser หลังบัตรบัตรประชาชน

3.กรอกข้อมูล 4 ส่วน

-ข้อมูลส่วนตัวของผู้ลงทะเบียน

-การประกอบอาชีพ

-รายได้และหนี้สินของผู้ลงทะเบียน

-ความต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ

4.ผู้ลงทะเบียนที่จดทะเบียนสมรส

หรือมีบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

เลือกหน่วยรับลงทะเบียนที่จะไปยื่นเอกสาร

5. ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง แล้วกดยืนยัน

6.ไม่มีครอบครัว รอผลการตรวจสอบ

สถานะบุคคล

-มีครอบครัว ไปแสดงตัวคนและยื่นเอกสารยังหน่วยรับลงทะเบียนที่เลือกไว้


ช่องทางที่ 2. ลงทะเบียนผ่านหน่วยรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

1.ธนาคารกรุงไทย

2.ธนาคารออมสิน

3.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

4.สำนักงานคลังจังหวัด (ไม่รวมกทม.)

5.สำนักงานเขต กทม.

6.ที่ว่าการอำเภอ

7.สำนักงานเมืองพัทยา

สำหรับผู้ลงทะเบียนที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือ ผู้พิการ ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่ได้ก็สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ซึ่งหนังสือมอบอำนาจนั้นสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย

ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 รอบใหม่ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1.สัญชาติไทย

2.อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

3.ไม่เป็น ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขังบุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ฯ ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือนผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง ส.ส. , ส.ว.

4.รายได้ผู้มีสิทธิลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน รอบใหม่ 2565

-รายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท บุคคล

-ครอบครัวรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท

-ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตรและตราสารหนี้ภาครัฐ

-ทรัพย์สินทางการเงินต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาทต่อบุคคล

-ครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท

5.ไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์

-วงเงินกู้บ้านไม่เกิน 1.5 ล้านบาท

-วงเงินกู้รถไม่เกิน 1 ล้านบาท

-ต้องไม่มีบัตรเครดิต

-ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือ มีกรรมสิทธิ์ ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้

ผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว

-ห้องชุดขนาด ไม่เกิน 35 ตารางเมตร

-ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่

-ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)

-บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และ ตึกแถว ไม่เกิน 25 ตารางเมตร

-ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่

-ใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่จะต้องมีขนาดขึ้น

ที่รวมกันทั้งหมด เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ และ ไม่ใช่เพื่อการเกษตรไม่เกิน 1 ไร่

ผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว

-ห้องชุดขนาดไม่เกิน 35 ตารางเมตร ต่อคน

-กรณีเป็นเจ้าของร่วมกันไม่เกิน 35 ตารางเมตร

-ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)

-บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และตึกแถว

-กรณีเป็นจ้าของแยกจากกัน ไม่เกิน 25 ตร.ว.ต่อคน

-กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่เกิน 25 ตร.ว.

-ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ หรือใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

-จะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด เพื่อการเกษตรไม่เกิน 20 ไร่

-ไม่ใช้เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

โดยมีเวลาให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2565 ถึง 19 ต.ค.65 นี้เท่านั้น


ที่มา www.ejan.co


วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2565

เตือนผู้ร่วมโครงการ "คนละครึ่งเฟส 5" รายเก่า-รายใหม่ ระวังถูกตัดสิทธิ

หลังการเปิดให้ลงทะเบียน ยืนยันสิทธิผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" หรือ www.คนละครึ่ง.com กับประชาชนกว่า 26.5 ล้านคน ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดี


ล่าสุดขออัปเดตโครงการ "คนละครึ่งเฟส 5" ผู้ร่วมโครงการรายเก่า-รายใหม่ ที่ได้รับเงิน 800 บาท โดยโอนเข้าแอปฯ เป๋าตัง ในวันที่ 1 กันยายน 2565 (ทั้งรายเก่า และรายใหม่) เพื่อให้เริ่มสิทธิรัฐช่วยจ่าย 50% ไม่เกินวันละ 150 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่ 1 ก.ย. - 31 ต.ค.2565

สำหรับ "คนละครึ่งเฟส 5" รายใหม่ ที่ลงทะเบียนผ่านแอป "เป๋าตัง" หรือ www.คนละครึ่ง.com เรียบร้อย จะต้องดำเนินการยืนยันตัวตนก่อนการใช้สิทธิ โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ 3 รูปแบบ ดังนี้

1.ยืนยันตัวตนผ่านแอป "เป๋าตัง"

เลือก "สมัครใช้และบริการ"

ยินยอม การจัดการข้อมูล ยืนยันตัวตน

เตรียมถ่ายบัตรประชาชน

ถ่ายบัตรประชาชน

กรอกข้อมูลบัตรประชาชน

กรอกข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม

กรอกข้อมูล CDD

เลือกวิธีการยืนยันตัวตนด้วยแอป Krungthai NEXT หรือสแกนใบหน้า


2.ยืนยันตัวตนด้วย Krungthai NEXT

เข้าสู่ Krungthai NEXT

ระบุ PIN Krungthai NEXT

กดปุ่มดำเนินการบนแอปเป๋าตัง

กรอกรหัส OTP (OTP จะถูกส่งไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับ Krungthai NEXT)

ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล

เมื่อสมัครสำเร็จ การ์ดวอลเล็ตจะค้างหน้า "กำลังตรวจสอบข้อมูล" เลือก "ตรวจสอบสถานะล่าสุด" เพื่อดูผลการสมัคร

หน้าจอเมื่อสมัคร G-Wallet สำเร็จกดไปที่หน้าหลัก

หน้าจอใช้สิทธิโครงการภาครัฐ


3.ยืนยันตัวตนด้วยการ สแกนใบหน้า

ยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า

ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล

เมื่อสมัครสำเร็จ การ์ดวอลเล็ตจะค้างหน้า "กำลังตรวจสอบข้อมูล" เลือก "ตรวจสอบสถานะล่าสุด" เพื่อดูผลการสมัคร

หน้าจอเมื่อสมัคร G-Wallet สำเร็จกดไปที่หน้าหลัก

หน้าจอใช้สิทธิโครงการภาครัฐ

ส่วน รายเก่า ที่เคยร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 4 สามารถตรวจสอบ ยืนยันสิทธิคนละครึ่งเฟส 5 ผ่าน คนละครึ่ง.com ตามขั้นตอนดังนี้ 

เข้าสู่เว็บไซต์ 

กดปุ่ม "ลงทะเบียนรับสิทธิ" เลือก "สำหรับผู้เคยใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 4"

กดรับทราบ หลักเกณฑ์เงื่อนไขและยินยอมโครงการฯ 

กรอกรายละเอียดต่างๆและกดปุ่ม ยืนยัน 

ตรวจสอบข้อมูลและกดปุ่ม ยืนยัน 

ระบบแสดงผลตรวจสอบสิทธิ

ข้อควรระวัง! ถูกตัดสิทธิ

สำหรับรายเก่า หรือ ผู้ที่เคยร่วมโครงการฯ ต้องใช้สิทธิใช้จ่ายครั้งแรกภายในวันที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. จึงจะสามารถใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาโครงการ ซึ่งหากไม่ใช้สิทธิตามระยะเวลาดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิทันที

รายใหม่ ผู้ที่ไม่เคยร่วมโครงการฯ ต้องใช้สิทธิใช้จ่ายครั้งแรก ต้องเริ่มใช้จ่ายครั้งแรกภายใน 14 วันหลังจากที่ได้รับ SMS ยืนยันเข้าร่วมโครงการหลังวันที่ 1 กันยายน 2565  จึงจะสามารถใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาโครงการ ซึ่งหากไม่ใช้สิทธิตามระยะเวลาดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิทันทีเช่นกัน

ที่มา กรุงเทพธุระกิจคนละครึ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สปาเกตตี้-ชาไข่มุก พาทัวร์ลง ฮีบี เถียน (Hebe Tien)

ดาราสาวชื่อดังชาวไต้หวัน ฮีบี เถียน (Hebe Tien) โดนทัวร์จีนลง หลังจากโพสต์รูป กินสปาเกตตี้-ชาไข่มุกช่วงที่กำลังมีประเด็น แนนซี เพโลซี ประธานสภาสหรัฐไปไต้หวัน


ด้วยความทีประเด็นดราม่า ระหว่าง จีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ ค่อนข้างดุเดือดในโลกออนไลน์ และมีความอ่อนไหว ส่งผลต่อทิศทางในบริบทโลก  ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเองก็มีส่วนที่ถูกดึงไปเกี่ยวข้องกับดราม่านี้ รวมถึงบรรดาศิลปิน-ดารา ที่มีชื่อเสียงเองก็เช่นกัน 

ล่าสุดดาราสาวชาวไต้หวัน อย่าง ฮีบี เถียน (Hebe Tien) หนึ่งในสมาชิกวง S.H.E. ซึ่งเคยโด่งดังมากในยุค 2000 ที่มี เซลิน่า เหริน และ เอลล่า เฉิน นางเอกซีรี่ส์ดัง ปิ๊งรัก สลับขั้ว ก็โดนพิษจากดราม่านี้เช่นกัน

หลังจากที่ ฮีบี เถียน โพสต์รูปของตัวเอง ขณะกำลังเอร็ดอร่อยกับ สปาเกตตี้ และชานมไข่มุก ทำให้ชาวเน็ตจีนหลายคนไม่พอใจ และไปโจมตีเธอ ตีความว่าเธอกำลังสนับสนุนเรื่องที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาสหรัฐ เดินทางไปเยือนไต้หวัน เพราะตีความว่า สปาเกตตี้ = อเมริกา และ ชานมไข่มุก = ไต้หวัน

ซึ่งประเด็นที่ดูเล็กน้อยจากการถูกตีความนี้ ทำให้จากเดิมที่อินสตาแกรมของ ฮีบีมีคนติดตามถึง 1.4 ล้าน ลดเหลือ 1.2 ล้าน คาดว่าเกิดจากการที่แฟนคลับชาวจีนหลายคนไม่พอใจและกดยกเลิกการติดตามเธอ 

อย่างไรก็ตาม ฮีบี เถียน ก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไรถึงประเด็นที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจาณ์ขึ้น เพียงแต่ได้ลบรูปที่เป็นปัญหาออกไปจากบัญชีเท่านั้น  โดย ฮีบี เถียน เป็นดาราชาวไต้หวัน ที่มีผู้ติดตามใน weibo สูงถึง 13 ล้านคน

ที่มา: MSNappledaily

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

'หมอธีระวัฒน์' แฉ! รพ.เอกชนซื้อ 'โมลนูพิราเวียร์' จากรัฐราคาแพงกว่าที่หมอหาซื้อเอง

‘หมอธีระวัฒน์’ โพสต์วอนรัฐช่วยทำให้โควิดเป็นเรื่องปกติ สามารถนำเข้ายาในราคาถูก พร้อมสั่งจ่ายได้เลย ไม่ต้องรอให้อาการหนัก ไม่ต้องหามเข้าโรงพยาบาล



นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thiravat Hemachudha โดยระบุว่า

"ขอร้องทางการช่วยทำให้โควิดเป็นเรื่องปกติ (ด้วยความเคารพครับ)

น้องๆหมอบอกว่า โรงพยาบาลเอกชนสั่งซื้อโมลนูพิราเวียร์ทำจากอินเดีย ยี่ห้อ mylan จากทางการไทย ได้ราคาชุดละ 10,600 บาท แต่หมอกันเองซื้อกันประมาณ 2,000 กว่าบาท ต่อชุด (40 เม็ด) หรือถูกกว่า จากสปป.ลาว เขมร อินเดีย (ยี่ห้อ เดียวกัน) เวียดนาม ประเทศเหล่านี้ขอความยินยอมจากบริษัทในการผลิตยาเองตั้งแต่ต้น

ทำอย่างไรประเทศไทยถึงจะได้ราคาถูกแบบนี้ และสามารถสั่งจ่ายได้เลยทั้งที่โรงพยาบาลทุกแห่ง และที่สำคัญก็คือร้านขายยาทุกแห่ง ทั้งนี้ หลักเกณฑ์คือสีเหลืองขึ้นไปไม่ใช่ใช้เกินความจำเป็น จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องดื้อยา และไม่ต้องกังวลว่าจะมียาปลอมหรือไม่

คนที่รู้จักสนิทกลับมาจากเวียดนามสองวันที่แล้ว ยืนยันราคาตามนี้ขายตามร้านขายยาทั่วไป คนในประเทศเห็นเป็นเรื่องปกติแล้ว ไม่สบายซื้อยาและได้ยาตามความเหมาะสมเลย

ไม่ใช่รออาการหนัก จนยาเหล่านี้ไม่ได้ผล (เพราะต้องใช้แต่เนิ่นๆ) และไม่ต้องหามเข้าโรงพยาบาลที่ไม่มีเตียง ถ้าทางการมีการติดต่ออย่างจริงจังเราก็น่าจะได้ผลบุญเช่นนี้นะครับ"

ที่มา www.posttoday.com

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

"อัจฉริยะ" หอบหลักฐานเด็ดพึ่ง DSI ลุยเต็มสูบหวังพลิกคดีแตงโม

อัจฉริยะ เปิดใจ มั่นใจดาราสาวถูกฆาตกรรมอำพราง นำหลักฐานชุดใหญ่มอบให้ DSI เพื่อพิจารณารับคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษ 


เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(18 พ.ค. 2565) นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาเผยข้อมูลเพิ่มเติมของคดีดาราสาว "แตงโม นิดา" ตกเรือ ผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ใจความว่า 

จากกรณีที่ไปร้องขอผบ.ตร. ให้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษ เพื่อมาสืบสวนคดีนี้ให้ชัดเจน ล่าสุดได้มีหนังสือตอบกลับโดยเขียนชัดเจนเลยว่ามีการตั้งคณะกรรมการพิเศษมาสืบสวนแล้ว ซึ่งประธานคณะกรรมการคือ พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม และท่านได้นัดไปคุยกับตนในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เพื่อสอบปากคำ เกี่ยวกับกรณีที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ทุจริตไหม มีคนช่วยผู้ต้องหาให้พ้นผิดหรือเปล่า ทาง ดีเอสไอ จึงนัดตนสอบปากคำปากแรก ในสำนวนคดีที่ นายแซน กับ พวก ฆาตกรรมอำพราง แตงโม วันอังคารที่จะถึงนี้ จะสอบปากคำอีก 2 ปาก รวมทั้งบริษัทฯ Garmin ด้วย เป็น 3 ปาก ซึ่งบริษัทฯ Garmin เจ้าของคือ คุณอาร์ต ไม่ใช่ คุณอู๊ด โดยวันที่ 24 พ.ค. ดีเอสไอนัดสอบปากคำในประเด็นที่ว่า GPS สามารถแก้ได้ไหม แต่ตนเชื่อว่ามีการแก้ได้ เพราะข้อมูลไม่ได้ออกมาจาก SD Card มันสามารถแก้ไขได้ ซึ่งก็มีคนทำตัวอย่างให้ดูแล้ว อย่างตอนที่ตำรวจแถลงเมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมาตำรวจได้ปักหมุดจุดตกไว้ แต่ตอนจอดปั๊มเติมน้ำมันทำไมไม่ปักหมุด ดังนั้นเราก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมตำรวจถึงเลือกได้ว่าจะเอาจุดไหนมาแถลง ทำไมไม่แถลงทั้งหมด ทั้งนี้ทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวกับบริษัทฯ Garmin เพราะเรือสปีดโบ๊ทใช้ GPS ของบริษัทฯ Garmin เท่านั้นเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เขามีความน่าเชื่อถือระดับโลก 

ส่วนเรื่องที่แซนไม่ได้ตรวจสารเสพติด ได้มีการสอบถามไปทางตำรวจภูธรภาค 1 ว่า แซนได้อภิสิทธิ์อะไรถึงไม่ได้ตรวจสารเสพติด ซึ่ง มาตรา 131/1 ถ้าหากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธการตรวจสารเสพติด ให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้ และสันนิษฐานได้เลยว่าคนนั้นมีสารเสพติด หรือแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด  ต้องใช้มาตรา 131/1 แต่ทางผบ.ตร.แถลงว่าเป็นมาตรา 131 มันแตกต่างกัน ประเด็นที่โฆษก ตร. ได้ออกมาโต้ว่าตนยุยงให้ประชาชนปฏิเสธการตรวจแอลกอฮอล์ และสารเสพติด จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะถ้าที่ ผบ.ตร. พูดมีคนนำไปใช้ มันจะส่งผลให้ข้อกฎหมายมีปัญหา ผิดเพี้ยน เพียงแค่ต้องการอธิบายว่า ผบ.ตร.พูดมาตราผิด จริงๆแล้วมันคือ 131/1 

ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ไปแม่น้ำเจ้าพระยา และให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำไปด้วย เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยว่าทำไมในปอดของแตงโมมีโคลน จึงได้ตรวจสอบจากบริเวณจุดตกที่ทางตำรวจกล่าวอ้าง ทีนี้พอลงไปตรวจพบว่าบริเวณนั้นไม่มีโคลน มีแต่ทราย และทรายมีความหนากว่า 30 ซม. อีกที่หนึ่งที่ไปตรวจสอบ คือบริเวณที่พบศพ ทำแบบเดียวกันกับจุดแรก ก็พบแต่ทรายไม่มีโคลนเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงยืนยันได้เลยว่าจุดนี้ไม่เป็นไปตามที่ตำรวจและแซนกล่าวอ้างมา ส่วนจุดที่สามเป็นจุดที่เราสงสัยว่าเป็นจุดตก เป็นบริเวณท่าทราย แต่กลับพบโคลนไม่พบทราย และความลึกจุดแรก 15 เมตร จุดที่สอง 17 เมตร จุดที่สาม 7 เมตร ซึ่งจากที่คุณหมอพรทิพย์ยืนยันมาว่า แตงโม เสียชีวิตบริเวณน้ำตื้น  จากประเด็นนี้เลยชี้ชัดได้ว่าที่แซนพูดเรื่องจุดตกไม่เป็นความจริง 

อีกประเด็นหนึ่ง ที่ในมือของแตงโมกำทรายไว้แน่น ซึ่งมันจะตรงกับจุดตกที่สามที่ทีมงานสงสัย เพราะเป็นบริเวณท่าทราย และทรายในมือตรงกับทรายในบางกระบะ และวันที่เกิดเหตุก็มีเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำมาบริเวณนี้โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจับไว้ได้ แต่ไม่สามารถระบุยี่ห้อรุ่นได้ เลยเกิดการตั้งข้อสงสัยขึ้นทำไมถึงมากันบริเวณนี้ เพราะเขาบอกว่าจุดตกคือ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา จากหลักฐานทั้งหมดทำให้คิดได้ว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรมอำพราง เพราะข้อแรก จุดตกก็ไม่ใช่แล้ว จากบริเวณที่แซนบอกว่าเป็นจุดตกไม่มีอะไรรองรับได้เลยว่าเป็นบริเวณนี้ แถมท้ายเรือก็ไม่มีDNA หรือลายนิ้วมือแฝงเลย กราบเรือด้านซ้ายขวาที่ตำรวจแถลงว่าน้ำท่วม แต่ทำไมแซนถึงไม่เปียก และประเด็นที่แต๊ง พงศกร บอกว่าแตงโมเป็นคนขี้กลัวจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปปัสสาวะท้ายเรือ 

สำหรับประเด็นเรื่องมีด ที่คนบนเรือมีการพกไว้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับไว้ได้ โดยพบว่าเป็นมีด K2 จึงได้ไปหาซื้อให้หมอธวัชชัย นำไปจำลองกับเนื้อหมู โดยใช้จำลองด้วยโจทย์ความลึกของแผลแบบเดียวกับตำรวจแถลง ซึ่งบาดแผลคล้ายคลึงกับบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม ลักษณะของขอบแผลจะเรียบคล้ายกัน จึงสันนิษฐานได้ว่าไม่เกิดจากใบพัดเรือ เพราะถ้าหากเกิดจากใบพัดเรือ บาดแผลมันจะยุ่ย จะมีรอยช้ำและไม่เป็นขอบเรียบ ทั้งนี้หมอธวัชชัยก็ได้ท้าให้ตำรวจ หรือใครก็ได้นำใบพัดเรือมาจำลองให้แผลได้เหมือนแบบนี้ ตอนนี้ทุกคนได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม เกิดจากของมีคมมากกว่า จึงทำให้เห็นว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง 

เรื่องของหลักฐานของมีดนี้ว่ามีอยู่จริงไหม ทางตำรวจแถลงว่าไม่พบมีดของกลาง แต่ไม่ถามให้สิ้นข้อสงสัยว่ามันหายไปไหน อยู่ที่ มันมีแต่ไม่รู้อยู่ไหน ถ้าเอาไปทิ้งน้ำ จะได้งมหามาตรวจ DNA ส่วนเรื่องแรงจูงใจ คิดว่ามีการดื่มสุรา พอเมาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ แต่แตงโมขัดขืน จึงเกิดการทำร้ายกัน 


ทางด้าน ประธานสมาคมกู้ภัยทางน้ำ กาญจนบุรี (ภาค 7) เฉลิมพนธ์ หงษ์ยนต์ เล่าว่า ลงดำน้ำจุดแรกที่เป็นจุดที่คาดว่าเป็นจุดตกของทางตำรวจ ก็ได้ใช้แท่งพีวีซีความยาว 50 ซม. กดลงไปเพื่อเก็บตัวอย่าง แต่จุดนี้เจอเพียงทราย และจุดที่สอง ก็ทำเหมือนกัน และเจอแต่ทรายเหมือนกัน ส่วนจุดที่สามที่ทางทีมงานตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจุดตก ความลึกประมาณ6-7 ม. ตรงบริเวณนี้กับพบแต่เลน ไม่เจอทราย และทุกจุดก็ได้ตรวจสอบหาอาวุธเพิ่มเติมด้วย แต่ยังไม่พบ ขณะที่วิสัยทัศน์ใต้น้ำมองเห็นได้ประมาณ 1 ฟุต เพราะว่ากระแสน้ำค่อนข้างแรง 

ขณะเดียวกัน กิตติภัฎ ธนาสนธิราช (อู๊ด) ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ กล่าวว่า Garmin เขาขายหลายอย่าง ต้องค้นหาคำว่าGARMIN Marine ถึงจะเจอ ซึ่งตนเป็น GARMIN Marine ของประเทศไทย มันจะแยกจาก GARMIN THAILAND เพราะอันนั้นเขาจะขายพวกนาฬิกา และยังบอกอีกว่า ตนขายของด้วย และก็เป็นเจ้าของบริษัทฯ Pattaya Water Sports Club ซึ่งต้องไปอธิบาย เป็นวิทยากร เรื่องระบบ การก่อสร้างต่างๆของเรือ ต้องตอบลูกค้าให้ได้ จึงมีความรู้เรื่องพวกนี้

สำหรับ GPS ของเรือ เขาใช้เดินทางทางน้ำ จะบันทึกข้อมูลไม่ต่างจากเครื่องบิน ที่จะบันทึกการเข้าออกตลอด และขอยืนยันว่าไปเปิดที่เรือตอนนี้ข้อมูลก็ยังขึ้นอยู่ สามารถดึงข้อมูลได้ โดยข้อมูล GPS จะอยู่ในเครื่อง ไม่ใช่ SD Card ซึ่งมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าจะให้สิ้นข้อสงสัยข้อนี้ตรงไปเอาข้อมูลสดๆจากที่เรือเลย

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com หรือติดตามทางยูทูปได้ทาง https://youtu.be/i2spqz7zwoo 

ที่มา คมชัดลึก


วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ศบค.ชุดเล็ก เตรียมชงเปิดสถานบันเทิง-เพิ่มโซนสีเขียว

หลังจากที่มีผู้ประกอบการสถานบันเทิง ยื่นหนังสือขอ ศบค. ผ่อนคลายมาตรการ ให้เปิดกิจการได้ ทางด้าน ศบค.ชุดเล็กเตรียมชงศบค. 20 พ.ค. เปิดสถานบันเทิง ปรับโซนพื้นที่เป็นสีเขียว ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม ชี้หากติดเชื้อ-ตายลด ประกาศเป็นโรคประจำถิ่นเร็วขึ้น

เมื่อวานนี้(19 พ.ค. 65) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือเลขาสมช. พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ได้กล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19หรือศบค.ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ว่า ในที่ประชุมรายงานผลและประเมินทิศทางการทำงาน หลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการเปิดประเทศ และปรับพื้นที่โซนสีจังหวัดให้มาตรการผ่อนคลายลง จากสีส้มเป็นสีเหลืองทั้งหมด และมีพื้นที่สีใช้มาตรการสีเขียว 17 จังหวัด และที่ประชุมจะพิจารณาปรับพื้นที่โซนสีให้ผ่อนคลายมากขึ้นจากสีเหลืองเป็นสีเขียว รวมทั้งเพิ่มพื้นที่สีฟ้ามากขึ้น เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในบรรยากาศที่สามารถจะผ่อนคลายมาตรการได้ และจะปรับมาตรการอื่น เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเดินได้สะดวกกว่าเดิม สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้คล่องตัว ลดภาระการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายส่วนที่มีข้อกังวลและต้องจับตาคือหลังจากเปิดสถานศึกษาเต็มรูปแบบ 100%โดยเรามีมาตรการรองรับไว้

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอของผู้ประกอบการให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมในวันที่20 พ.ค.ด้วย ที่ผ่านมาพิจารณามาหลายรอบแต่ทางสาธารณสุข ยังมีความกังวลอยู่ แต่ในครั้งนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยดูจากวิธีการจัดการตนเองเมื่อติดเชื้อเป็นไปด้วยดี คิดว่าน่าจะได้รับการพิจารณา

พล.อ.สุพจน์ ยังได้กล่าวต่ออีีกว่า ส่วนการพิจารณาเปิดสถานบันเทิงทั่วประเทศ อยู่ในขั้นตอนพิจารณา โดยจะดูพื้นที่ปลอดภัยเป็นหลัก และประเมินตามปัจจัยที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเรื่องนี้นายกฯมอบแนวทางไว้นานแล้วว่าจะต้องพิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง หากพื้นที่ใดพร้อม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะพิจารณาจากปัจจัยที่วางหลักเกณฑ์ไว้

ด้านการประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเพิ่มแค่ไหน หากมีการผ่อนคลายสถานบันเทิงพล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากข้อมูลตัวเลขผู้ประกอบอาชีพกลางคืนมีหลายล้านคน ดังนั้นตัวเลขไม่ต้องกังวลเพราะจะเพิ่มขึ้นแน่นอน อีกทั้งพื้นที่ภาคการท่องเที่ยวก็จะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวด้วยสำคัญที่สุดคืออาชีพของคนไทยที่เกี่ยวข้องข้อง 10 ล้านคน จะทำให้ธุรกิจจะขยาย สำหรับการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ต้องดูการฉีดวัคซีนจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต การบริหารจัดการของแต่ละพื้นที่ การปรับตัวของประชาชน เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ โดยนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไปก่อนจะประกาศ และมีโอกาสประกาศให้เร็วขึ้น หากสถานการณ์อาจเป็นไปตามปัจจัยที่วางไว้

โดยก่อนหน้าการประชุม ศปก.ศบค. นายคทาวุธ ทองไทย หรือ อ.ไข่ มาลีฮวนน่า ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมศิลป์หอไตร พร้อมด้วย นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย ตัวแทนสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารกลางคืน เข้าหารือกับ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถึงแนวทางการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ประเทศไทย โดยเป็นการยื่นตามความประสงค์ของสมาคมและผู้ประกอบการสถานบันเทิง ที่ต้องการขอให้ผ่อนคลายมาตรการให้สถานบันเทิงสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างอาชีพสร้างรายได้ หลังได้รับผลกระทบต้องปิด ไม่ประกอบกิจการ นอกจากการ ขอเปิดกิจการสถานบันเทิง ที่จะครอบคลุมและมีมาตรการเฝ้าระวังอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ผู้ประกอบการยังขอรัฐปรับลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยผู้ประกอบการได้อีกวิธีหนึ่ง

ที่มา โพสต์ทูเดย์

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

อาเลีย บาตต์ (Alia Bhatt) นางเอกตัวจริง คังคุไบ แชร์โพสต์ พิมรี่พาย พร้อมแคปชั่น รักเลย

สมราคาเจ้าแม่ออนไลน์ยืนหนึ่งเมืองไทย เมื่อ พิมรี่พาย โพสต์ภาพตัวเองคัฟเวอร์สวมบทเป็นคังคุไบเมืองไทย สวยเข้าตา นางเอกคังคุไบตัวจริง ถึงกับแชร์โพสต์ พิมรี่พาย พร้อมแคปชั่นรักเลย


ต้องบอกเลยว่านาทีนี้คือคังคุไปฟีเวอร์จริง ถ้าใครไม่คัฟเวอร์เป็น คังคุไบ ถือว่าเอาท์ ที่รับบทโดย นางเอกดัง อาเลีย บาตต์ (Alia Bhatt) นางเอกสุดฮอตจากภาพยนตร์ดัง Gangubai Kathiawadi “คังคุไบ” หญิงแกร่งแห่งมุมไบ 


ไม่เว้นแม้แม่ค้าออนไลน์และยูทูบเบอร์ชื่อดังของไทย อย่าง พิมรี่พาย หรือ พิมรดาภรณ์ ที่ล่าสุด ไม่ตกเทรนด์โพสต์ภาพตัวเองคัฟเวอร์สวมบทเป็นคังคุไบเมืองไทยได้สุดเหมือน สวยเข้าตา  จนนางเอก คังคุไบ ตัวจริง อย่าง อาเลีย บาตต์ นางเอกดังที่มีผู้ติดตามในไอจีส่วนตัวถึง 65.3 ล้านฟอลโลเวอร์ ถึงกับแชร์ไอจีสตอรี่ พิมรี่พาย พร้อมข้อความภาษาอังกฤษบอกว่า "Love it" ด้วย

งานนี้แฟนๆ ถึงกับกรี๊ดยกย่องว่าสมฉายาแม่ค้าออนไลน์ยืนหนึ่งของเมืองไทย พิมรี่พาย คังคุไบ เมืองไทย สวยไม่แพ้ใคร ขนาดนางเอกตัวจริงคังคุไบยังรักเลย

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์

กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...