วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

"อัจฉริยะ" หอบหลักฐานเด็ดพึ่ง DSI ลุยเต็มสูบหวังพลิกคดีแตงโม

อัจฉริยะ เปิดใจ มั่นใจดาราสาวถูกฆาตกรรมอำพราง นำหลักฐานชุดใหญ่มอบให้ DSI เพื่อพิจารณารับคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษ 


เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(18 พ.ค. 2565) นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาเผยข้อมูลเพิ่มเติมของคดีดาราสาว "แตงโม นิดา" ตกเรือ ผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ใจความว่า 

จากกรณีที่ไปร้องขอผบ.ตร. ให้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษ เพื่อมาสืบสวนคดีนี้ให้ชัดเจน ล่าสุดได้มีหนังสือตอบกลับโดยเขียนชัดเจนเลยว่ามีการตั้งคณะกรรมการพิเศษมาสืบสวนแล้ว ซึ่งประธานคณะกรรมการคือ พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม และท่านได้นัดไปคุยกับตนในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เพื่อสอบปากคำ เกี่ยวกับกรณีที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ทุจริตไหม มีคนช่วยผู้ต้องหาให้พ้นผิดหรือเปล่า ทาง ดีเอสไอ จึงนัดตนสอบปากคำปากแรก ในสำนวนคดีที่ นายแซน กับ พวก ฆาตกรรมอำพราง แตงโม วันอังคารที่จะถึงนี้ จะสอบปากคำอีก 2 ปาก รวมทั้งบริษัทฯ Garmin ด้วย เป็น 3 ปาก ซึ่งบริษัทฯ Garmin เจ้าของคือ คุณอาร์ต ไม่ใช่ คุณอู๊ด โดยวันที่ 24 พ.ค. ดีเอสไอนัดสอบปากคำในประเด็นที่ว่า GPS สามารถแก้ได้ไหม แต่ตนเชื่อว่ามีการแก้ได้ เพราะข้อมูลไม่ได้ออกมาจาก SD Card มันสามารถแก้ไขได้ ซึ่งก็มีคนทำตัวอย่างให้ดูแล้ว อย่างตอนที่ตำรวจแถลงเมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมาตำรวจได้ปักหมุดจุดตกไว้ แต่ตอนจอดปั๊มเติมน้ำมันทำไมไม่ปักหมุด ดังนั้นเราก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมตำรวจถึงเลือกได้ว่าจะเอาจุดไหนมาแถลง ทำไมไม่แถลงทั้งหมด ทั้งนี้ทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวกับบริษัทฯ Garmin เพราะเรือสปีดโบ๊ทใช้ GPS ของบริษัทฯ Garmin เท่านั้นเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เขามีความน่าเชื่อถือระดับโลก 

ส่วนเรื่องที่แซนไม่ได้ตรวจสารเสพติด ได้มีการสอบถามไปทางตำรวจภูธรภาค 1 ว่า แซนได้อภิสิทธิ์อะไรถึงไม่ได้ตรวจสารเสพติด ซึ่ง มาตรา 131/1 ถ้าหากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธการตรวจสารเสพติด ให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้ และสันนิษฐานได้เลยว่าคนนั้นมีสารเสพติด หรือแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด  ต้องใช้มาตรา 131/1 แต่ทางผบ.ตร.แถลงว่าเป็นมาตรา 131 มันแตกต่างกัน ประเด็นที่โฆษก ตร. ได้ออกมาโต้ว่าตนยุยงให้ประชาชนปฏิเสธการตรวจแอลกอฮอล์ และสารเสพติด จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะถ้าที่ ผบ.ตร. พูดมีคนนำไปใช้ มันจะส่งผลให้ข้อกฎหมายมีปัญหา ผิดเพี้ยน เพียงแค่ต้องการอธิบายว่า ผบ.ตร.พูดมาตราผิด จริงๆแล้วมันคือ 131/1 

ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ไปแม่น้ำเจ้าพระยา และให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำไปด้วย เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยว่าทำไมในปอดของแตงโมมีโคลน จึงได้ตรวจสอบจากบริเวณจุดตกที่ทางตำรวจกล่าวอ้าง ทีนี้พอลงไปตรวจพบว่าบริเวณนั้นไม่มีโคลน มีแต่ทราย และทรายมีความหนากว่า 30 ซม. อีกที่หนึ่งที่ไปตรวจสอบ คือบริเวณที่พบศพ ทำแบบเดียวกันกับจุดแรก ก็พบแต่ทรายไม่มีโคลนเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงยืนยันได้เลยว่าจุดนี้ไม่เป็นไปตามที่ตำรวจและแซนกล่าวอ้างมา ส่วนจุดที่สามเป็นจุดที่เราสงสัยว่าเป็นจุดตก เป็นบริเวณท่าทราย แต่กลับพบโคลนไม่พบทราย และความลึกจุดแรก 15 เมตร จุดที่สอง 17 เมตร จุดที่สาม 7 เมตร ซึ่งจากที่คุณหมอพรทิพย์ยืนยันมาว่า แตงโม เสียชีวิตบริเวณน้ำตื้น  จากประเด็นนี้เลยชี้ชัดได้ว่าที่แซนพูดเรื่องจุดตกไม่เป็นความจริง 

อีกประเด็นหนึ่ง ที่ในมือของแตงโมกำทรายไว้แน่น ซึ่งมันจะตรงกับจุดตกที่สามที่ทีมงานสงสัย เพราะเป็นบริเวณท่าทราย และทรายในมือตรงกับทรายในบางกระบะ และวันที่เกิดเหตุก็มีเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำมาบริเวณนี้โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจับไว้ได้ แต่ไม่สามารถระบุยี่ห้อรุ่นได้ เลยเกิดการตั้งข้อสงสัยขึ้นทำไมถึงมากันบริเวณนี้ เพราะเขาบอกว่าจุดตกคือ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา จากหลักฐานทั้งหมดทำให้คิดได้ว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรมอำพราง เพราะข้อแรก จุดตกก็ไม่ใช่แล้ว จากบริเวณที่แซนบอกว่าเป็นจุดตกไม่มีอะไรรองรับได้เลยว่าเป็นบริเวณนี้ แถมท้ายเรือก็ไม่มีDNA หรือลายนิ้วมือแฝงเลย กราบเรือด้านซ้ายขวาที่ตำรวจแถลงว่าน้ำท่วม แต่ทำไมแซนถึงไม่เปียก และประเด็นที่แต๊ง พงศกร บอกว่าแตงโมเป็นคนขี้กลัวจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปปัสสาวะท้ายเรือ 

สำหรับประเด็นเรื่องมีด ที่คนบนเรือมีการพกไว้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับไว้ได้ โดยพบว่าเป็นมีด K2 จึงได้ไปหาซื้อให้หมอธวัชชัย นำไปจำลองกับเนื้อหมู โดยใช้จำลองด้วยโจทย์ความลึกของแผลแบบเดียวกับตำรวจแถลง ซึ่งบาดแผลคล้ายคลึงกับบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม ลักษณะของขอบแผลจะเรียบคล้ายกัน จึงสันนิษฐานได้ว่าไม่เกิดจากใบพัดเรือ เพราะถ้าหากเกิดจากใบพัดเรือ บาดแผลมันจะยุ่ย จะมีรอยช้ำและไม่เป็นขอบเรียบ ทั้งนี้หมอธวัชชัยก็ได้ท้าให้ตำรวจ หรือใครก็ได้นำใบพัดเรือมาจำลองให้แผลได้เหมือนแบบนี้ ตอนนี้ทุกคนได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม เกิดจากของมีคมมากกว่า จึงทำให้เห็นว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง 

เรื่องของหลักฐานของมีดนี้ว่ามีอยู่จริงไหม ทางตำรวจแถลงว่าไม่พบมีดของกลาง แต่ไม่ถามให้สิ้นข้อสงสัยว่ามันหายไปไหน อยู่ที่ มันมีแต่ไม่รู้อยู่ไหน ถ้าเอาไปทิ้งน้ำ จะได้งมหามาตรวจ DNA ส่วนเรื่องแรงจูงใจ คิดว่ามีการดื่มสุรา พอเมาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ แต่แตงโมขัดขืน จึงเกิดการทำร้ายกัน 


ทางด้าน ประธานสมาคมกู้ภัยทางน้ำ กาญจนบุรี (ภาค 7) เฉลิมพนธ์ หงษ์ยนต์ เล่าว่า ลงดำน้ำจุดแรกที่เป็นจุดที่คาดว่าเป็นจุดตกของทางตำรวจ ก็ได้ใช้แท่งพีวีซีความยาว 50 ซม. กดลงไปเพื่อเก็บตัวอย่าง แต่จุดนี้เจอเพียงทราย และจุดที่สอง ก็ทำเหมือนกัน และเจอแต่ทรายเหมือนกัน ส่วนจุดที่สามที่ทางทีมงานตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจุดตก ความลึกประมาณ6-7 ม. ตรงบริเวณนี้กับพบแต่เลน ไม่เจอทราย และทุกจุดก็ได้ตรวจสอบหาอาวุธเพิ่มเติมด้วย แต่ยังไม่พบ ขณะที่วิสัยทัศน์ใต้น้ำมองเห็นได้ประมาณ 1 ฟุต เพราะว่ากระแสน้ำค่อนข้างแรง 

ขณะเดียวกัน กิตติภัฎ ธนาสนธิราช (อู๊ด) ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ กล่าวว่า Garmin เขาขายหลายอย่าง ต้องค้นหาคำว่าGARMIN Marine ถึงจะเจอ ซึ่งตนเป็น GARMIN Marine ของประเทศไทย มันจะแยกจาก GARMIN THAILAND เพราะอันนั้นเขาจะขายพวกนาฬิกา และยังบอกอีกว่า ตนขายของด้วย และก็เป็นเจ้าของบริษัทฯ Pattaya Water Sports Club ซึ่งต้องไปอธิบาย เป็นวิทยากร เรื่องระบบ การก่อสร้างต่างๆของเรือ ต้องตอบลูกค้าให้ได้ จึงมีความรู้เรื่องพวกนี้

สำหรับ GPS ของเรือ เขาใช้เดินทางทางน้ำ จะบันทึกข้อมูลไม่ต่างจากเครื่องบิน ที่จะบันทึกการเข้าออกตลอด และขอยืนยันว่าไปเปิดที่เรือตอนนี้ข้อมูลก็ยังขึ้นอยู่ สามารถดึงข้อมูลได้ โดยข้อมูล GPS จะอยู่ในเครื่อง ไม่ใช่ SD Card ซึ่งมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าจะให้สิ้นข้อสงสัยข้อนี้ตรงไปเอาข้อมูลสดๆจากที่เรือเลย

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com หรือติดตามทางยูทูปได้ทาง https://youtu.be/i2spqz7zwoo 

ที่มา คมชัดลึก


วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ศบค.ชุดเล็ก เตรียมชงเปิดสถานบันเทิง-เพิ่มโซนสีเขียว

หลังจากที่มีผู้ประกอบการสถานบันเทิง ยื่นหนังสือขอ ศบค. ผ่อนคลายมาตรการ ให้เปิดกิจการได้ ทางด้าน ศบค.ชุดเล็กเตรียมชงศบค. 20 พ.ค. เปิดสถานบันเทิง ปรับโซนพื้นที่เป็นสีเขียว ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม ชี้หากติดเชื้อ-ตายลด ประกาศเป็นโรคประจำถิ่นเร็วขึ้น

เมื่อวานนี้(19 พ.ค. 65) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือเลขาสมช. พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ได้กล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19หรือศบค.ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ว่า ในที่ประชุมรายงานผลและประเมินทิศทางการทำงาน หลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการเปิดประเทศ และปรับพื้นที่โซนสีจังหวัดให้มาตรการผ่อนคลายลง จากสีส้มเป็นสีเหลืองทั้งหมด และมีพื้นที่สีใช้มาตรการสีเขียว 17 จังหวัด และที่ประชุมจะพิจารณาปรับพื้นที่โซนสีให้ผ่อนคลายมากขึ้นจากสีเหลืองเป็นสีเขียว รวมทั้งเพิ่มพื้นที่สีฟ้ามากขึ้น เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในบรรยากาศที่สามารถจะผ่อนคลายมาตรการได้ และจะปรับมาตรการอื่น เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเดินได้สะดวกกว่าเดิม สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้คล่องตัว ลดภาระการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายส่วนที่มีข้อกังวลและต้องจับตาคือหลังจากเปิดสถานศึกษาเต็มรูปแบบ 100%โดยเรามีมาตรการรองรับไว้

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอของผู้ประกอบการให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมในวันที่20 พ.ค.ด้วย ที่ผ่านมาพิจารณามาหลายรอบแต่ทางสาธารณสุข ยังมีความกังวลอยู่ แต่ในครั้งนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยดูจากวิธีการจัดการตนเองเมื่อติดเชื้อเป็นไปด้วยดี คิดว่าน่าจะได้รับการพิจารณา

พล.อ.สุพจน์ ยังได้กล่าวต่ออีีกว่า ส่วนการพิจารณาเปิดสถานบันเทิงทั่วประเทศ อยู่ในขั้นตอนพิจารณา โดยจะดูพื้นที่ปลอดภัยเป็นหลัก และประเมินตามปัจจัยที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเรื่องนี้นายกฯมอบแนวทางไว้นานแล้วว่าจะต้องพิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง หากพื้นที่ใดพร้อม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะพิจารณาจากปัจจัยที่วางหลักเกณฑ์ไว้

ด้านการประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเพิ่มแค่ไหน หากมีการผ่อนคลายสถานบันเทิงพล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากข้อมูลตัวเลขผู้ประกอบอาชีพกลางคืนมีหลายล้านคน ดังนั้นตัวเลขไม่ต้องกังวลเพราะจะเพิ่มขึ้นแน่นอน อีกทั้งพื้นที่ภาคการท่องเที่ยวก็จะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวด้วยสำคัญที่สุดคืออาชีพของคนไทยที่เกี่ยวข้องข้อง 10 ล้านคน จะทำให้ธุรกิจจะขยาย สำหรับการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ต้องดูการฉีดวัคซีนจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต การบริหารจัดการของแต่ละพื้นที่ การปรับตัวของประชาชน เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ โดยนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไปก่อนจะประกาศ และมีโอกาสประกาศให้เร็วขึ้น หากสถานการณ์อาจเป็นไปตามปัจจัยที่วางไว้

โดยก่อนหน้าการประชุม ศปก.ศบค. นายคทาวุธ ทองไทย หรือ อ.ไข่ มาลีฮวนน่า ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมศิลป์หอไตร พร้อมด้วย นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย ตัวแทนสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารกลางคืน เข้าหารือกับ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถึงแนวทางการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ประเทศไทย โดยเป็นการยื่นตามความประสงค์ของสมาคมและผู้ประกอบการสถานบันเทิง ที่ต้องการขอให้ผ่อนคลายมาตรการให้สถานบันเทิงสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างอาชีพสร้างรายได้ หลังได้รับผลกระทบต้องปิด ไม่ประกอบกิจการ นอกจากการ ขอเปิดกิจการสถานบันเทิง ที่จะครอบคลุมและมีมาตรการเฝ้าระวังอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ผู้ประกอบการยังขอรัฐปรับลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยผู้ประกอบการได้อีกวิธีหนึ่ง

ที่มา โพสต์ทูเดย์

กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...