วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

"อัจฉริยะ" หอบหลักฐานเด็ดพึ่ง DSI ลุยเต็มสูบหวังพลิกคดีแตงโม

อัจฉริยะ เปิดใจ มั่นใจดาราสาวถูกฆาตกรรมอำพราง นำหลักฐานชุดใหญ่มอบให้ DSI เพื่อพิจารณารับคดีแตงโมเป็นคดีพิเศษ 


เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(18 พ.ค. 2565) นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาเผยข้อมูลเพิ่มเติมของคดีดาราสาว "แตงโม นิดา" ตกเรือ ผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ใจความว่า 

จากกรณีที่ไปร้องขอผบ.ตร. ให้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษ เพื่อมาสืบสวนคดีนี้ให้ชัดเจน ล่าสุดได้มีหนังสือตอบกลับโดยเขียนชัดเจนเลยว่ามีการตั้งคณะกรรมการพิเศษมาสืบสวนแล้ว ซึ่งประธานคณะกรรมการคือ พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม และท่านได้นัดไปคุยกับตนในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เพื่อสอบปากคำ เกี่ยวกับกรณีที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ทุจริตไหม มีคนช่วยผู้ต้องหาให้พ้นผิดหรือเปล่า ทาง ดีเอสไอ จึงนัดตนสอบปากคำปากแรก ในสำนวนคดีที่ นายแซน กับ พวก ฆาตกรรมอำพราง แตงโม วันอังคารที่จะถึงนี้ จะสอบปากคำอีก 2 ปาก รวมทั้งบริษัทฯ Garmin ด้วย เป็น 3 ปาก ซึ่งบริษัทฯ Garmin เจ้าของคือ คุณอาร์ต ไม่ใช่ คุณอู๊ด โดยวันที่ 24 พ.ค. ดีเอสไอนัดสอบปากคำในประเด็นที่ว่า GPS สามารถแก้ได้ไหม แต่ตนเชื่อว่ามีการแก้ได้ เพราะข้อมูลไม่ได้ออกมาจาก SD Card มันสามารถแก้ไขได้ ซึ่งก็มีคนทำตัวอย่างให้ดูแล้ว อย่างตอนที่ตำรวจแถลงเมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมาตำรวจได้ปักหมุดจุดตกไว้ แต่ตอนจอดปั๊มเติมน้ำมันทำไมไม่ปักหมุด ดังนั้นเราก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมตำรวจถึงเลือกได้ว่าจะเอาจุดไหนมาแถลง ทำไมไม่แถลงทั้งหมด ทั้งนี้ทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวกับบริษัทฯ Garmin เพราะเรือสปีดโบ๊ทใช้ GPS ของบริษัทฯ Garmin เท่านั้นเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เขามีความน่าเชื่อถือระดับโลก 

ส่วนเรื่องที่แซนไม่ได้ตรวจสารเสพติด ได้มีการสอบถามไปทางตำรวจภูธรภาค 1 ว่า แซนได้อภิสิทธิ์อะไรถึงไม่ได้ตรวจสารเสพติด ซึ่ง มาตรา 131/1 ถ้าหากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธการตรวจสารเสพติด ให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้ และสันนิษฐานได้เลยว่าคนนั้นมีสารเสพติด หรือแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด  ต้องใช้มาตรา 131/1 แต่ทางผบ.ตร.แถลงว่าเป็นมาตรา 131 มันแตกต่างกัน ประเด็นที่โฆษก ตร. ได้ออกมาโต้ว่าตนยุยงให้ประชาชนปฏิเสธการตรวจแอลกอฮอล์ และสารเสพติด จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะถ้าที่ ผบ.ตร. พูดมีคนนำไปใช้ มันจะส่งผลให้ข้อกฎหมายมีปัญหา ผิดเพี้ยน เพียงแค่ต้องการอธิบายว่า ผบ.ตร.พูดมาตราผิด จริงๆแล้วมันคือ 131/1 

ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ไปแม่น้ำเจ้าพระยา และให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำไปด้วย เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยว่าทำไมในปอดของแตงโมมีโคลน จึงได้ตรวจสอบจากบริเวณจุดตกที่ทางตำรวจกล่าวอ้าง ทีนี้พอลงไปตรวจพบว่าบริเวณนั้นไม่มีโคลน มีแต่ทราย และทรายมีความหนากว่า 30 ซม. อีกที่หนึ่งที่ไปตรวจสอบ คือบริเวณที่พบศพ ทำแบบเดียวกันกับจุดแรก ก็พบแต่ทรายไม่มีโคลนเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงยืนยันได้เลยว่าจุดนี้ไม่เป็นไปตามที่ตำรวจและแซนกล่าวอ้างมา ส่วนจุดที่สามเป็นจุดที่เราสงสัยว่าเป็นจุดตก เป็นบริเวณท่าทราย แต่กลับพบโคลนไม่พบทราย และความลึกจุดแรก 15 เมตร จุดที่สอง 17 เมตร จุดที่สาม 7 เมตร ซึ่งจากที่คุณหมอพรทิพย์ยืนยันมาว่า แตงโม เสียชีวิตบริเวณน้ำตื้น  จากประเด็นนี้เลยชี้ชัดได้ว่าที่แซนพูดเรื่องจุดตกไม่เป็นความจริง 

อีกประเด็นหนึ่ง ที่ในมือของแตงโมกำทรายไว้แน่น ซึ่งมันจะตรงกับจุดตกที่สามที่ทีมงานสงสัย เพราะเป็นบริเวณท่าทราย และทรายในมือตรงกับทรายในบางกระบะ และวันที่เกิดเหตุก็มีเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำมาบริเวณนี้โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจับไว้ได้ แต่ไม่สามารถระบุยี่ห้อรุ่นได้ เลยเกิดการตั้งข้อสงสัยขึ้นทำไมถึงมากันบริเวณนี้ เพราะเขาบอกว่าจุดตกคือ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา จากหลักฐานทั้งหมดทำให้คิดได้ว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรมอำพราง เพราะข้อแรก จุดตกก็ไม่ใช่แล้ว จากบริเวณที่แซนบอกว่าเป็นจุดตกไม่มีอะไรรองรับได้เลยว่าเป็นบริเวณนี้ แถมท้ายเรือก็ไม่มีDNA หรือลายนิ้วมือแฝงเลย กราบเรือด้านซ้ายขวาที่ตำรวจแถลงว่าน้ำท่วม แต่ทำไมแซนถึงไม่เปียก และประเด็นที่แต๊ง พงศกร บอกว่าแตงโมเป็นคนขี้กลัวจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปปัสสาวะท้ายเรือ 

สำหรับประเด็นเรื่องมีด ที่คนบนเรือมีการพกไว้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับไว้ได้ โดยพบว่าเป็นมีด K2 จึงได้ไปหาซื้อให้หมอธวัชชัย นำไปจำลองกับเนื้อหมู โดยใช้จำลองด้วยโจทย์ความลึกของแผลแบบเดียวกับตำรวจแถลง ซึ่งบาดแผลคล้ายคลึงกับบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม ลักษณะของขอบแผลจะเรียบคล้ายกัน จึงสันนิษฐานได้ว่าไม่เกิดจากใบพัดเรือ เพราะถ้าหากเกิดจากใบพัดเรือ บาดแผลมันจะยุ่ย จะมีรอยช้ำและไม่เป็นขอบเรียบ ทั้งนี้หมอธวัชชัยก็ได้ท้าให้ตำรวจ หรือใครก็ได้นำใบพัดเรือมาจำลองให้แผลได้เหมือนแบบนี้ ตอนนี้ทุกคนได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าบาดแผลใหญ่ที่ขาของแตงโม เกิดจากของมีคมมากกว่า จึงทำให้เห็นว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง 

เรื่องของหลักฐานของมีดนี้ว่ามีอยู่จริงไหม ทางตำรวจแถลงว่าไม่พบมีดของกลาง แต่ไม่ถามให้สิ้นข้อสงสัยว่ามันหายไปไหน อยู่ที่ มันมีแต่ไม่รู้อยู่ไหน ถ้าเอาไปทิ้งน้ำ จะได้งมหามาตรวจ DNA ส่วนเรื่องแรงจูงใจ คิดว่ามีการดื่มสุรา พอเมาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ แต่แตงโมขัดขืน จึงเกิดการทำร้ายกัน 


ทางด้าน ประธานสมาคมกู้ภัยทางน้ำ กาญจนบุรี (ภาค 7) เฉลิมพนธ์ หงษ์ยนต์ เล่าว่า ลงดำน้ำจุดแรกที่เป็นจุดที่คาดว่าเป็นจุดตกของทางตำรวจ ก็ได้ใช้แท่งพีวีซีความยาว 50 ซม. กดลงไปเพื่อเก็บตัวอย่าง แต่จุดนี้เจอเพียงทราย และจุดที่สอง ก็ทำเหมือนกัน และเจอแต่ทรายเหมือนกัน ส่วนจุดที่สามที่ทางทีมงานตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจุดตก ความลึกประมาณ6-7 ม. ตรงบริเวณนี้กับพบแต่เลน ไม่เจอทราย และทุกจุดก็ได้ตรวจสอบหาอาวุธเพิ่มเติมด้วย แต่ยังไม่พบ ขณะที่วิสัยทัศน์ใต้น้ำมองเห็นได้ประมาณ 1 ฟุต เพราะว่ากระแสน้ำค่อนข้างแรง 

ขณะเดียวกัน กิตติภัฎ ธนาสนธิราช (อู๊ด) ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ กล่าวว่า Garmin เขาขายหลายอย่าง ต้องค้นหาคำว่าGARMIN Marine ถึงจะเจอ ซึ่งตนเป็น GARMIN Marine ของประเทศไทย มันจะแยกจาก GARMIN THAILAND เพราะอันนั้นเขาจะขายพวกนาฬิกา และยังบอกอีกว่า ตนขายของด้วย และก็เป็นเจ้าของบริษัทฯ Pattaya Water Sports Club ซึ่งต้องไปอธิบาย เป็นวิทยากร เรื่องระบบ การก่อสร้างต่างๆของเรือ ต้องตอบลูกค้าให้ได้ จึงมีความรู้เรื่องพวกนี้

สำหรับ GPS ของเรือ เขาใช้เดินทางทางน้ำ จะบันทึกข้อมูลไม่ต่างจากเครื่องบิน ที่จะบันทึกการเข้าออกตลอด และขอยืนยันว่าไปเปิดที่เรือตอนนี้ข้อมูลก็ยังขึ้นอยู่ สามารถดึงข้อมูลได้ โดยข้อมูล GPS จะอยู่ในเครื่อง ไม่ใช่ SD Card ซึ่งมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าจะให้สิ้นข้อสงสัยข้อนี้ตรงไปเอาข้อมูลสดๆจากที่เรือเลย

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com หรือติดตามทางยูทูปได้ทาง https://youtu.be/i2spqz7zwoo 

ที่มา คมชัดลึก


วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ศบค.ชุดเล็ก เตรียมชงเปิดสถานบันเทิง-เพิ่มโซนสีเขียว

หลังจากที่มีผู้ประกอบการสถานบันเทิง ยื่นหนังสือขอ ศบค. ผ่อนคลายมาตรการ ให้เปิดกิจการได้ ทางด้าน ศบค.ชุดเล็กเตรียมชงศบค. 20 พ.ค. เปิดสถานบันเทิง ปรับโซนพื้นที่เป็นสีเขียว ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม ชี้หากติดเชื้อ-ตายลด ประกาศเป็นโรคประจำถิ่นเร็วขึ้น

เมื่อวานนี้(19 พ.ค. 65) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือเลขาสมช. พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ได้กล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19หรือศบค.ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ว่า ในที่ประชุมรายงานผลและประเมินทิศทางการทำงาน หลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการเปิดประเทศ และปรับพื้นที่โซนสีจังหวัดให้มาตรการผ่อนคลายลง จากสีส้มเป็นสีเหลืองทั้งหมด และมีพื้นที่สีใช้มาตรการสีเขียว 17 จังหวัด และที่ประชุมจะพิจารณาปรับพื้นที่โซนสีให้ผ่อนคลายมากขึ้นจากสีเหลืองเป็นสีเขียว รวมทั้งเพิ่มพื้นที่สีฟ้ามากขึ้น เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในบรรยากาศที่สามารถจะผ่อนคลายมาตรการได้ และจะปรับมาตรการอื่น เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเดินได้สะดวกกว่าเดิม สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้คล่องตัว ลดภาระการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายส่วนที่มีข้อกังวลและต้องจับตาคือหลังจากเปิดสถานศึกษาเต็มรูปแบบ 100%โดยเรามีมาตรการรองรับไว้

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอของผู้ประกอบการให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมในวันที่20 พ.ค.ด้วย ที่ผ่านมาพิจารณามาหลายรอบแต่ทางสาธารณสุข ยังมีความกังวลอยู่ แต่ในครั้งนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยดูจากวิธีการจัดการตนเองเมื่อติดเชื้อเป็นไปด้วยดี คิดว่าน่าจะได้รับการพิจารณา

พล.อ.สุพจน์ ยังได้กล่าวต่ออีีกว่า ส่วนการพิจารณาเปิดสถานบันเทิงทั่วประเทศ อยู่ในขั้นตอนพิจารณา โดยจะดูพื้นที่ปลอดภัยเป็นหลัก และประเมินตามปัจจัยที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเรื่องนี้นายกฯมอบแนวทางไว้นานแล้วว่าจะต้องพิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง หากพื้นที่ใดพร้อม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะพิจารณาจากปัจจัยที่วางหลักเกณฑ์ไว้

ด้านการประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเพิ่มแค่ไหน หากมีการผ่อนคลายสถานบันเทิงพล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากข้อมูลตัวเลขผู้ประกอบอาชีพกลางคืนมีหลายล้านคน ดังนั้นตัวเลขไม่ต้องกังวลเพราะจะเพิ่มขึ้นแน่นอน อีกทั้งพื้นที่ภาคการท่องเที่ยวก็จะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวด้วยสำคัญที่สุดคืออาชีพของคนไทยที่เกี่ยวข้องข้อง 10 ล้านคน จะทำให้ธุรกิจจะขยาย สำหรับการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ต้องดูการฉีดวัคซีนจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต การบริหารจัดการของแต่ละพื้นที่ การปรับตัวของประชาชน เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ โดยนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไปก่อนจะประกาศ และมีโอกาสประกาศให้เร็วขึ้น หากสถานการณ์อาจเป็นไปตามปัจจัยที่วางไว้

โดยก่อนหน้าการประชุม ศปก.ศบค. นายคทาวุธ ทองไทย หรือ อ.ไข่ มาลีฮวนน่า ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมศิลป์หอไตร พร้อมด้วย นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย ตัวแทนสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารกลางคืน เข้าหารือกับ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถึงแนวทางการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ประเทศไทย โดยเป็นการยื่นตามความประสงค์ของสมาคมและผู้ประกอบการสถานบันเทิง ที่ต้องการขอให้ผ่อนคลายมาตรการให้สถานบันเทิงสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างอาชีพสร้างรายได้ หลังได้รับผลกระทบต้องปิด ไม่ประกอบกิจการ นอกจากการ ขอเปิดกิจการสถานบันเทิง ที่จะครอบคลุมและมีมาตรการเฝ้าระวังอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ผู้ประกอบการยังขอรัฐปรับลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยผู้ประกอบการได้อีกวิธีหนึ่ง

ที่มา โพสต์ทูเดย์

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

อาเลีย บาตต์ (Alia Bhatt) นางเอกตัวจริง คังคุไบ แชร์โพสต์ พิมรี่พาย พร้อมแคปชั่น รักเลย

สมราคาเจ้าแม่ออนไลน์ยืนหนึ่งเมืองไทย เมื่อ พิมรี่พาย โพสต์ภาพตัวเองคัฟเวอร์สวมบทเป็นคังคุไบเมืองไทย สวยเข้าตา นางเอกคังคุไบตัวจริง ถึงกับแชร์โพสต์ พิมรี่พาย พร้อมแคปชั่นรักเลย


ต้องบอกเลยว่านาทีนี้คือคังคุไปฟีเวอร์จริง ถ้าใครไม่คัฟเวอร์เป็น คังคุไบ ถือว่าเอาท์ ที่รับบทโดย นางเอกดัง อาเลีย บาตต์ (Alia Bhatt) นางเอกสุดฮอตจากภาพยนตร์ดัง Gangubai Kathiawadi “คังคุไบ” หญิงแกร่งแห่งมุมไบ 


ไม่เว้นแม้แม่ค้าออนไลน์และยูทูบเบอร์ชื่อดังของไทย อย่าง พิมรี่พาย หรือ พิมรดาภรณ์ ที่ล่าสุด ไม่ตกเทรนด์โพสต์ภาพตัวเองคัฟเวอร์สวมบทเป็นคังคุไบเมืองไทยได้สุดเหมือน สวยเข้าตา  จนนางเอก คังคุไบ ตัวจริง อย่าง อาเลีย บาตต์ นางเอกดังที่มีผู้ติดตามในไอจีส่วนตัวถึง 65.3 ล้านฟอลโลเวอร์ ถึงกับแชร์ไอจีสตอรี่ พิมรี่พาย พร้อมข้อความภาษาอังกฤษบอกว่า "Love it" ด้วย

งานนี้แฟนๆ ถึงกับกรี๊ดยกย่องว่าสมฉายาแม่ค้าออนไลน์ยืนหนึ่งของเมืองไทย พิมรี่พาย คังคุไบ เมืองไทย สวยไม่แพ้ใคร ขนาดนางเอกตัวจริงคังคุไบยังรักเลย

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เซียนพระชื่อดัง ป้อง "หลวงปู่แสง" ฟาดคนใกล้ชิดทำเสื่อมเสีย ซัดสื่อใส่สีตีไข่

เซียนพระเมืองขอนแก่น อ.ลิ้งค์  ป้อง"หลวงปู่แสง" ถาม"หมอปลา"ต้องการอะไร ฟาดคนใกล้ชิดทำเสื่อม สื่อทำเสี้ยม ทางด้านชาวโซเชียลเริ่มออกมา#saveหลวงปู่แสง


หลังจากเมื่อวานนี้ (11 พ.ค. 65) ที่ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ "หมอปลา" พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนายโสธร และสื่อมวลชน บุกไปที่พักสงฆ์ของ "หลวงปู่แสง ญาณวโร" พระเกจิชื่อดัง อายุ 98 พรรษา และป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ที่บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร โดยอ้างเหตุมีการร้องเรียนพฤติกรรมลวนลามผู้หญิง จับหน้าอก จับของสงวน และให้ดื่มน้ำปัสสาวะ อ้างว่ารักษาโรค จนเกิดข่าวเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก 

ต่อมา เซียนพระชื่อดังเมืองขอนแก่น "ชนะวุธ อุทโท"หรือ อ.ลิ้งค์ คชาวุธ ได้มีการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า 

หลวงปู่อายุ 100 ปี อายุกาลพรรษาเกือบ 80 ปีท่านก็เหมือนปู่ย่าตายายของเรา คนแก่สังขารท่านหลงๆลืมๆ ผมขอพูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ "ท่านไม่เล่นขี้ก็บุญแล้ว" ท่านเดินไม่ได้ ลุกนั่งเองไม่ได้ จำใครแทบไม่ได้ ที่ผ่านมาเกือบ 80 ปีในร่มกาสาวพัตรท่านเคยมีเรื่องพวกนี้หรือ ท่านเป็นที่เคารพสักการะของสงฆ์และฆราวาสทั้งหลายในการปฏิบัติไร้ข้อด่างพร้อย

คณะอุปฐากก็ควรจะเอาใจใส่ท่านให้มากกว่านี้ หาใช่แต่ยุยงส่งเสริม ปล่อยเลยตามเลย อาสน์สงฆ์ไม่ใช่บริเวณที่ใครก็ขึ้นไปได้ โดยเฉพาะสตรี  เรื่องเคาะหัว เป่าหัวรักษาโรคภัยเป็นแค่ความเชื่อเฉพาะตน มันรักษาใครไม่ได้หรอก แต่มันคือกำลังใจ มันมีมานานแล้ว  อีกอย่างคณะอุปฐากตอบคำถามนักข่าวก็ตอบงงๆ งูๆปลาๆ ไม่ตั้งสติก่อนตอบ มีแต่ต่อปากต่อคำนักข่าวแทน จนหาเหตุผลปกป้องหลวงปู่ ต่อมากินเยี่ยวโชว์ เพื่อแจ้งให้เห็นถึงความศรัทธาบนความเขลาเป็นช่องให้นักข่าวขยี้

นักข่าวใส่สีตีไข่ ว่าเรื่องรักษาโรคบ้างล่ะ เรื่องพระธาตุบ้างล่ะ เพื่อจะให้เป็นการอวดอุตริมนุษธรรม เพื่อจะสึกพระอายุร้อยปี แล้วคิดว่าตนเจ๋งงั้นหรือ หลวงปู่ท่านเคยพูดงั้นหรือว่าเคาะหัวจับโน่นนี่นั่นแล้วจะหายมะเร็ง ท่านเคยพูดหรือว่าท่านเป็นอรหันต์ ท่านเคยยืนยันหรือว่าที่เป็นพระธาตุนั้นคือปฏิหาริย์ของท่าน ก็ศิษย์ท่านทั้งนั่นแหละ ที่เชื่อและมันเป็นสิทธิ์ของเขา อย่าไปเสือกเรื่องของเขาเพราะเขาก็ไม่เคยเสือกเรื่องของท่าน 

สองผัวเมียรับเรื่องมา ตั้งตนเป็นมือปราบได้พิจารณาก่อนมั้ยว่าในคลิปสื่อถึงอะไร คนถ่ายคลิปต้องการอะไร หาใช่จะเอาความคิดส่วนตนมาพิพากษาท่าน ใช้ถ้อยคำยั่วยุ ผรุสวาท มันสมควรแล้วหรือ แนะนำย้อนไปพันปีไปตัดสินอรหันต์จี้กงด้วย

เวรกรรมมีจริง เรื่องสงฆ์ให้สงฆ์ตัดสิน เรื่องกฎหมายให้ศาลตัดสิน เราทุกคนไม่มีสิทธิ์ตัดสิน ขบวนการรักษาศาสนาของท่าน มันกำลังบ่อนทำลายศาสนาอย่าไม่รู้ตัว พวกคอมเมนต์กันสนุกปากก็พิจารณาเอาเถิด 

ผมขอพูดภาษาชาวบ้านอีกครั้ง ท่านได้สี้ใครหรือยัง ถึงไปตัดสินท่านแบบนี้ จะเอาอะไรกับพระมหาเถระอายุร้อยปี ท่านประคองธาตุขันธ์มาถึงร้อยปีได้ก็บุญแล้ว การแตะเนื้อต้องตัวสตรีต้องอาบัตหากไม่รู้เนื้อตัวหรือสงฆ์อาพาธเป็นสังฆาทิเสส ตามพระธรรมวินัยหากแตะเนื้อต้องตัวแต่จิตใจไม่ได้คิดกำหนัดกามรมย์ก็เป็นอาบัต สามารถปลงอาบัตได้ 

ถ้าเหตุการณ์นี้ถ้าสองผัวเมียล้มหลวงปู่แสงลงได้ ก็ไม่ต้องไปหวังพึ่งอะไรแล้วในวงกรรมฐาน





ขณะที่ชาวโซเชียลต่างกดแชร์และคอมเม้นต์จำนวนมาก ส่วนใหญ่พูดถึงไปที่ลูกศิษย์หรือคนใกล้ชิด เช่น ลูกศิษย์ทั้งนั้นหลวงปู่คงไม่ปัญญาทำอะไรใครได้หรอกดูสังขารท่านสิท่านมีบารมีทำร้ายท่านไม่ได้หรอกพวกมาร , ขอกรรมจัดการพวกสื่อเสี้ยมและหมอผีตกงานพร้อมพรรคพวก สาธุๆ , ปัญหาคือ ลูกศิษย์ลูกหา พระลูกวัด หรือคนที่ใกล้ชิดทำไมไม่ดูแลท่าน ท่านแก่มากๆๆแล้วนะ..อย่าหาแต่ผลประโยชน์จากท่าน..,ไอ้พวกลูกศิษย์ตัวดีเห็นแก่ผลประโยชน์ เป็นต้น 


วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

"ป๋าเต็ด" โพสต์วลีแสบๆ คันๆ ถึงวงการพระ "ผู้ชายดีๆ คงมีแต่ในนิกาย"

แฟนคลับถูกใจ "ป๋าเต็ด ยุทธนา" โพสต์ถึงวงการพระ แสบๆ คันๆ ทำเอาสะดุ้งกันไปตามๆ กัน จากเหตุปมอดีตพระ "กาโตะ" แอบกินแซ่บ สีกา "ตอง" แถมเบิกเงินวัด 6 แสน ก่อนสึก 3 วัน


ข่าวเด่นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังให้ความสนใจ ณ เวลานี้คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ "กาโตะ" อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง วัย 22 ปี กับ "ตอง" สาววัย 37 ปี ที่ออกมายอมรับว่า แอบมีความสัมพันธ์กัน โดยกาโตะอ้างว่า เจออีกฝ่ายมายั่ว และพลาดเพราะยังเด็ก ส่วนตองก็รับว่าเรียกเงินจากกาโตะจริง แต่เงินที่ได้มาจากความเสน่หา หลังจากที่เกิดเรื่องทั้งคู่ต่างขอโทษกัน และยืนยันว่าจากนี้จะไม่มีการคบกันแน่นอน ส่วนเงินที่ให้ตองไปไม่เอาคืน แต่ถ้าตองจะเอาคืน ให้เอาไปทำบุญที่วัด 


นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่อง "กาโตะ" จ่ายเงิน 3 แสน ให้นักข่าวเพื่อปิดข่าว โดยอ้างว่าเงินที่ให้ตองกับนักข่าวเป็นเงินส่วนตัว ก่อนคณะกรรมการวัดเพ็ญญาติ ออกโรงแฉร่วมเซ็นชื่อเบิกเงินวัด 6 แสน ก่อน "กาโตะ" สึก 2-3 วัน อ้างนำมาก่อสร้างเสนาสนะในวัด เชื่อว่าเป็นก้อนเดียวกับที่ จ่ายเคลียร์สีกาตองและนักข่าว 



ข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้ "ป๋าเต็ด ยุทธนา" ได้ออกมาโพสต์ดุ แสบๆ คันๆ สะดุ้งถึงวงการพระ ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า 

"สมัยนี้ผู้ชายดีดีมันคงหายากจริงๆ ผู้หญิงเขาเลยข้ามไปพระเลย ศีลเยอะดี" 

ท่ามกลางแฟนคลับที่เข้ามาคอมเมนต์ถูกใจกับข้อความของป๋าเต็ด ซึ่งเจ้าตัวได้เข้ามาคอมเมนต์ตอบกลับอีกว่า 

"เพราะผู้ชายดีดี คงมีแต่ในนิกายยยย" ยิ่งถูกใจแฟนคลับเข้าไปอีก 

ที่มา คมชัดลึก

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

'อิงฟ้า' งานเข้า ต้นสังกัดจ่อดำเนินคดีผิดสัญญาห้ามรับงาน 'ณวัฒน์' ลั่นอยู่กับแกรนด์ไม่ต้องกลัว

อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2022 งานเข้าเมื่อต้นสังกัดจ่อดำเนินคดี รับงานโดยที่ติดสัญญาอยู่ ทางด้าน ‘ณวัฒน์’ คอมเมนต์ป้องไม่ต้องกลัว เดี๋ยวจัดให้


เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า เพจ Sangravee Entertainment Official ต้นสังกัดค่ายเพลงของ “นางสาวอิงฟ้า วราหะ” หรือ มุก อิงฟ้า มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2022 แถลงจะดำเนินคดีเนื่องจากทำผิดสัญญาห้ามไม่ให้รับงานแสดงต่างๆ ยกเว้นได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางบริษัท โดย อิงฟ้า ได้ร่วมแสดงคอนเสิร์ต “Miss Grand Thailand x ระเบียบวาทะศิลป์” ในวันที่ 3-5 พฤษภาคม ที่ลานจอดรถ สวนรถไฟ

พร้อมระบุว่า บริษัท แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ขอประกาศให้ทราบ โดยทั่วกันว่า “นางสาวอิงฟ้า วราหะ” หรือ มุก อิงฟ้า มีสถานะเป็นศิลปิน นักร้อง นักแสดงของบริษัทฯ ตามสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายไปจนถึงวันที่ 21 กันยายน 2568 ซึ่งในสัญญามีข้อตกลงระบุอย่างชัดแจ้งว่า

“ห้ามมิให้รับงานแสดงต่างๆ เช่น การเป็นพิธีกร แสดงละคร แสดงภาพยนตร์ ขับร้องเพลง ถ่ายแบบ เดินแบบ หรือ รับจ้างโฆษณา ให้กับบุคคลอื่น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทฯ ก่อนทุกครั้ง” และยังมีรายละเอียดอีกหลายประการ ดังนั้น การใดที่กระทำขึ้นอันเป็นการละเมิดข้อตกลงในสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินคดี กับผู้ละเมิดให้ถึงที่สุด ประกาศ ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2565

ต่อมา อิงฟ้า ออกมาโพสต์ว่า “รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก” โดยมี ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานและผู้ก่อตั้ง Miss Grand International เข้ามาคอมเมนต์ว่า “ไม่ต้องกลัวครับอยู่กับแกรนด์ เดี๋ยวจัดให้”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจอิงฟ้าเป็นจำนวนมาก และยังสังเกตด้วยว่า เพจ Sangravee Entertainment Official ไม่ได้อัปเดตหรือโพสต์อะไรมากว่า 3 ปีแล้ว โดยโพสต์ก่อนหน้าแถลงการณ์นั้นโพสต์เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019

ที่มา ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เจ้าอาวาสวัดติดป้ายต้านหมอปลา ยอมรับสั่งทำป้าย-ดื่มเหล้า-ฉันหมูกระทะ ขอเวลาเตรียมสึก

หมอปลาบุกวัดติดป้ายต้านที่พิษณุโลก พร้อมควักเงินร่วมทำบุญค่าป้ายไวนิล ขณะเจ้าอาวาสวัดยอมรับสั่งทำป้าย-ดื่มเหล้า-ฉันหมูกระทะจริง ขอเวลา3วันสึก


เช้านี้ (5 พ.ค.65) หมอปลาพร้อมด้วยป้ารัตนา และทีมงาน ได้เดินทางมาถึงวัดใหม่พรหมพิราม ตั้งอยู่เลขที่ 294/3 หมู่ 2 ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นวัดที่เป็นกระแสกรณีติดป้ายต้านหมอปลาจนโด่งดังในโลกโซเชียล และเมื่อวานตลอดทั้งวันก็มีกระแสอยู่เป็นระยะ ชาวบ้านยังคงออกมาพูดคุยกันต่อเนื่องในเรื่องที่พระนพ หรือ พระครูธีรศาส กิตจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม มีการดื่มเหล้าหงส์ทอง มีการสั่งหมูกระทะมาฉันท์ถึงในวัด และฉันท์กันทั้งวัด ซึ่งหมายความว่าพระในวัดมี 6 รูป ก็ฉันกันหมดทั้งวัด

โดยเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (4 พฤษภาคม 2565) พระครูปลัดธวัชชัย ธวชชยเมธี เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย พระครูสิทธิธรรมานุสนธิ์ เจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม และพระครูธีรศาสน์กิจจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า กรณีมีการติดป้ายไวนิลต้านหมอปลาสรุปแล้วเจ้าอาวาสเป็นคนสั่งทำป้ายไวนิลด้วยตนเองในราคา 1,800 บาท ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เพราะเห็นป้ายข้อความดังกล่าวในสื่อโซเชียล แล้ว นำส่งไปให้ร้านมาพิมพ์ติดที่วัด โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เบื้องต้นทางคณะสงฆ์ได้ว่ากล่าวตักเตือนเจ้าอาวาสว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ยังมีข้อร้องเรียนของชาวบ้านในสื่อสังคมออนไลน์เรื่องการดื่มเหล้าและฉันหมูกระทะในวัดนั้นทางคณะสงฆ์จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวต่อไป

ล่าสุด หมอปลา ป้ารัตนา พร้อมด้วยทนายความและคณะชาวบ้านในพื้นที่ ได้เดินทางมาถึงวัดก็ได้พบกับพระครูธีรศาส กิตจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม ได้ตั้งโต๊ะพูดคุยกันพร้อมกับมีการไลฟ์สดผ่านเพจ หมอปลาช่วยด้วย โดยทางหมอปลาได้ทำบุญยอด 1800 บาท บอกว่าเป็นค่าป้ายไวนิล และคณะก็ได้ร่วมทำบุญเพิ่มด้วย จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันทางเจ้าอาวาสวัดก็ได้มีการยอมรับว่าเป็นคนสั่งทำป้ายจริง ขออภัยหมอปลาและทางญาติโยมด้วย ถือว่าทำความผิดก็ได้ทำการปลงอาบัติไปแล้ว แต่ตอนทำนั้นยืนยันว่าคิดน้อยไปหน่อย พอดีมีการส่งต่อภาพป้ายกันมาในไลน์ ตนก็เลยสั่งร้านทำว่าเอาป้ายแบบนี้ ยืนยันว่าข้อความทั้งหมดไม่ได้คิดเองดูจากหลักฐานในไลน์ได้ ยอมรับผิดว่าคิดน้อยไม่หน่อยไม่ทันได้นึกถึงผลกระทบที่จะตามมา

หลังจากนั้น ทีมข่าวก็ได้สอบถามถึงกรณีที่มีการร้องเรียนเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเรื่องเจ้าอาวาสติดเหล้า ฉันเหล้าเป็นประจำ ทางด้านเจ้าอาวาสก็ยอมรับว่าฉันเหล้าจริง แต่ฉันเฉพาะเวลาเครียดไม่ได้ฉันบ่อยและยอมรับว่าเพิ่งฉันไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.65 ส่วนเรื่องหมูกระทะก็ยอมรับเช่นกันว่าเคยมีการโทรสั่งมาฉันและเลี้ยงพระลูกวัดภายในวัดจริง ทางด้านตัวแทนชาวบ้านที่มาสั่งเกตุการณ์ล้วนบอกว่า เจ้าอาวาสเคยทำแบบนี้มาแล้ว เมื่อ 3 ปีก่อนชาวบ้านก็จับได้เรื่องฉันเหล้าตัวเจ้าอาวาสก็ขอโอกาสมาแล้ว 1 ครั้ง แล้วก็มาทำอีก ส่วนครั้งนี้ชาวบ้านก็เห็นร่วมกันว่าจะไม่ขับไล่เจ้าอาวาสแต่จะให้เจ้าอาวาสพิจารณาตัวเองว่าสมควรที่จะอยู่ในสมณะเพศครองผ้าเหลืองต่อไปหรือไม่ จากนั้นได้มีการโฟนอินคุยกับผู้ใหญ่บ้านให้คุยกับเจ้าอาวาส ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็ยืนยันว่าหากเจ้าอาวาสทำผิดจริงและยอมรับความจริงก็ควรลาสิกขาไป เจ้าอาวาสเองก็ยินดีรับข้อพิจารณานี้ขอเวลาเก็บของตรวจสอบทรัพย์สินเป็นเวลา 3 วัน ก็จะสึกให้แล้วเจ้าอาวาสก็ได้ขอตัวไปพักผ่อน

ด้านหมอปลา หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว ได้บอกว่าขออธิบายว่าทีมงานหมอปลา พอลงพื้นที่วัดมีการทุบโน่นนี่นั่น ขออธิบายว่าทุกวัดตนไปกับสื่อ สื่อทุกคนจะขออนุญาตก่อน ยกเว้นวัดที่เกิดเรื่องก่อนหน้านี้เพราะวัดนั้นตัวผู้กระทำความผิดคือเจ้าอาวาส จะไปขอเขาก็ไม่ให้เข้า ตนจึงขอแค่ชาวบ้าน และอยากจะฝากพระพวกนี้ว่าไม่ต้องต่อต้านตนหรอกเพราะจะได้เจอกันแน่โดยเฉพาะเดือนนี้ทั้งเดือนมีอีกหลายแห่ง พวกผู้ใหญ่ นักการเมือง ไม่ต้องมาข่มขู่ตนหรอกเพราะตนและทีมงานทำเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา คนทำนุบำรุงศาสนามีเยอะ แต่คนที่มาปกป้องอย่างพวกตนมันมีน้อย

ด้านทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ บอกว่าเรามาเพื่อกำจัดมารศาสนาการขึ้นป้ายแบบนี้เรียกว่ามีพิรุธ เราทำทุกอย่างตามกฏหมายไปวัดไหนเราขออนุญาต ฝากไว้เจ้าอาวาสบอกบวชมา 35 ปี ชาวบ้านบอกเป็นมานานแล้ว สำนักพุทธท่านทำอะไรอยู่ ชาวบ้านเขาทนกันมาตั้ง 35 ปีแล้ว ท่านไปอยู่ไหนชาวบ้านเขาอยากเปลี่ยน เรามาเพื่อกำจัดมารศาสนากำจัดเห็บไรพวกนี้ที่มาหากินกับผ้าเหลือง

ที่มา โพสต์ทูเดย์

กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...