วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2565

'ขุน'เคลียร์ค่าเสียหายสาว อึ้งต่อกลางรายการเหลือสองหมื่น 'กรรชัย' จ่ายให้อีกหมื่น

‘ขุน ชานนท์’เคลียร์ขับรถชนวัยรุ่นสาว อ้างมองไม่เห็น-ไม่ได้หนี แม่ผู้เสียหายอยากให้มาชดใช้ อึ้งต่อค่าเสียหายเหลือ 2 หมื่น ‘กรรชัย’ ควักจ่ายให้อีกหมื่น 


จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก ‘หมอแล็บแพนด้า’ โพสต์เรื่องราว ดาราชายขับรถชนจยย.วัยรุ่น จนแขนผิดรูป ตอนแรกบอกจะชดใช้ทุกอย่าง แต่ติดต่อไปขอจ่ายค่าทำขวัญ 10,000 บาท จบเรื่องและท้าผู้เสียหายไปแจ้งความ ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.65) รายการโหนกระแส ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย ได้โทรฯ หาดาราหนุุ่ม ขุน ชานนท์ ที่เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เพิ่งทราบเรื่องว่ามีการตามหาตัวอยู่ ตอนนี้ไปถ่ายรายการที่แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และไม่มีสัญญาณมือถือ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 25 เม.ย. วันนั้นตนจะไปเอารถอีกคัน เพื่อขึ้นเขา จุดเกิดเหตุได้ทำถนนและเป็นทางแยก จึงเลี้ยวซ้าย ก่อนน้องมาชนรถของตน จึงจอดรถไปดูและยกรถจักรยานยนต์ของน้องขึ้นมา ก่อนให้แฟนของตนคุย จากนั้นขับรถตามไปส่งที่คอนโด

“วันนั้นยังไม่ได้คุยเรื่องค่าเสียหาย แต่ให้เบอร์และถ่ายบัตรประชาชนของขุนไปด้วย ส่วนเรื่องค่าเสียหายตามจริง ถ้าผมผิดจริงก็พร้อมรับผิดชอบ ยอมรับจุดเกิดเหตุเป็นทางเบี่ยง เพื่อจะเข้าทางตรง ที่สำคัญเป็นจุดบอดด้วย ถ้าขุนผิดก็พร้อมรับผิดชอบ ส่วนตัวก็เพิ่งเห็นคลิปวันเกิดเหตุเช่นนั้น

ด้านแม่ผู้เสียหาย กล่าวว่า แม่ไม่ได้ติดใจขุน เพราะลงมาช่วยและไม่ได้หนี แต่อยากให้มาชดใช้ค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะน้องผู้หญิงขอให้พูดดีๆ หน่อย เบื้องต้นแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น ยังไม่ได้แจ้งความ โดยขอแค่ 2 หมื่นและจบเรื่องเลย ทั้งที่ค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถรวมแล้วเกือบ 3 หมื่นบาท แต่น้องผู้หญิงบอกไหวแค่ 1 หมื่นบาท

“ตอนนี้อยากไกล่เกลี่ยและคุยกันดีๆ ส่วนตัวไม่อยากขึ้นศาล โดยนัดที่สน.หัวหมาก เพื่อพูดคุยกัน ซึ่งยังไม่ได้แจ้งความ แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น โดยอยากให้หนุ่ม กรรชัย เป็นพยานว่าจะให้ขุนมาพูดคุยตกลงเจรจากันวันหลัง”

หลังจาก พิธีกรดังตกลงยอมเป็นพยานในเรื่องนี้ให้ พร้อมถามและเจรจาชดใช้กับดาราหนุ่มขุน ชานนท์ ที่ค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถรวมแล้วเกือบ 3 หมื่นบาทจะจ่ายทั้งหมดเลยหรือไม่

ก่อนขุน ชานนท์ กล่าวว่า ขอต่อเหลือ 2 หมื่นละกัน โดยแม่ผู้เสียหายก็ตกลง ส่วนอีก 1 หมื่นแม่ผู้เสียหายจะหาเงินมาเอง ทำให้หนุ่ม กรรชัยบอกว่า อีก 1 หมื่นบาทเดี๋ยวตนจ่ายให้เอง

ขณะที่ ขุน ชานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนขอโทษแม่ที่ทำให้ไม่สบายใจ ขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจและมองไม่เห็น ขอให้หายไวๆ โดยจะลงจากเขาในวันที่ 30 เม.ย.

ที่มา ข่าวสด

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565

"อดีตผู้พิพากษา" เดือดประกาศท้า "ทนายเดชา" ช่วยฟ้องหน่อยอยากดังกับเขาบ้าง

"อดีตผู้พิพากษา" เดือดจัดประกาศท้าชน "ทนายเดชา" ฟ้องเลย อยากพิสูจน์ความจริง เพราะคาใจคดีแตงโมเรื่องนี้เรื่องเดียว


ภายหลังการแถลงข่าวการสรุปสำนวนการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ดูเหมือนว่าจะมีปฏิกิริยาออกมาจากหลายฝ่าย ทั้งพอใจและไม่พอใจ จากการเปิดคลิปข้อเท็จจริงบางส่วน และเผยไทม์ไลน์การเสียชีวิต โดยระบุว่า แตงโมเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ ส่วนแผลเข้ากันได้กับใบพัดเรือ พร้อมสั่งฟ้องผู้ต้องหา 6 ราย 


ล่าสุด นายชนบท ศุภศรี "อดีตผู้พิพากษา" โพสต์เฟซบุ๊ค กฎหมายชนบท ประกาศท้าฟ้องผมเลยครับ ระบุว่า ผมคาใจเรื่องบาดแผลที่เกิดขึ้นประมาณ 22-23 จุด ของน้องแตงโม (คนอื่นเขาไม่กล้าพูดถึงเพราะเขากลัวโดนฟ้อง) ทนายเดชาและคุณแม่ กรุณาฟ้องผมได้เลยครับ ผมยินดีตกเป็นจำเลย ผมยินดีติดคุก เพราะผมไม่มีอะไรที่จะต้องสูญเสียอีกต่อไป ผมท้าให้ "ทนายเดชา" ฟ้องผม ผมไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ในอดีตผมเคยใช้ปากกาเขียนสั่งให้คนติดคุกติดตารางมาเป็นร้อย ๆ คน คราวนี้ผมโดนเสียบ้างก็ดี กล้า ๆ หน่อย 



"อดีตผู้พิพากษา" ระบุว่า ทั้งพี่ไทด์ และคุณหญิงหมอพรทิพย์ อาจกลัวว่าจะถูกฟ้อง และครอบครัวจะเดือดร้อน แต่ผมไม่กล้ว ผมอายุ 73 แล้ว ชีวิตผมผ่านมาเยอะแล้ว ครับ หลายคนที่ผมรักและรักผม เตือนผมว่า อย่าเข้าไปยุ่ง มันไม่คุ้ม แต่ผมคิดว่าคุ้ม อย่างน้อยผมก็จะได้เอาไปสอนลูกศิษย์ของผมว่า ผมมีประสบการณ์ตรง ผมไม่เคยหิวแสง ไม่เคยหาผลประโยชน์กับการเสียชีวิตของน้อง แตงโม การที่ผมโพสต์ว่า ผมยินดีจะว่าความให้คุณแม่โดยขอคิดค่าว่าความเพียง 100 บาท ก็เพื่อไม่ให้ผิดมารยาททนายความ ไม่ใช่ว่าคุณแม่ไม่จ้างผม


คุณ "ทนายเดชา" คุณรู้ไหมมีการติดต่อให้ผมว่าความให้น้องแตงโมก่อนทนายกฤษณะเสียอีก ผมมีพยานหลักฐานและคลิปที่คุณพูดถึงผม คุณรู้ไหมผมมีวิธีที่จะทำให้คุณแม่ได้เงิน 30 ล้านบาท และผู้ต้องหาทั้ง 6 คน รอดคุก ทุกอย่างวินวิน แต่ผมเลือกจะไม่ทำ เพราะผมกระดากใจ

รีบฟ้องผมเถอะครับ ผมยินดีไปรับสำเนาคำฟ้อง และหมายเรียกที่ศาลด้วยตนเอง เรามาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและพิสูจน์กันไหมครับว่า บาดแผลของน้องทั้ง 22-26 จุด เกิดจากอะไร ผมจะได้ดังเสียที...ครับ

ที่มา คมชัดลึก

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565

ทนายตั้ม ขอเสี่ยงเผยนักการเมืองลวนลามนศ.สาว นับสิบราย

“ทนายตั้ม” โพสต์เฟสบุ๊กระบุมีเหยื่อนศ.สาว ร้องต่อตนว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดัง ลวนลาม มีเหยื่อติดต่อเข้ามาเพิ่มเกือบ10ราย ลั่นหลักฐานแน่น ยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทเผยความจริง 


วันนี้ (14 เม.ย.) เวลา 12.50 น. นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยข้อความทางเพจเฟซบุ๊ก ถึงกรณีนักศึกษาสาว ถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองดังอนาจาร โดยข้อความระบุว่า “อัพเดทข่าวเบื้องต้น รองหัวหน้าพรรคดัง มีพฤติกรรมชอบลวนลามเด็กสาววัย 18 เหยื่อติดต่อเข้ามาในไลน์ษิทราลอส์เฟิร์มนับสิบราย นอกจากนั้นในเพจข่าวยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในขณะเรียนอยู่ลอนดอน ประเทศอังกฤษก็มีพฤติกรรม Sexual Harrasment [ในกระทู้ข่าวเขียนถึง Rape ซึ่งแปลว่าข่มขืน] สำหรับผมมองว่าในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นอันตรายกับเด็กผู้หญิงหลายคน เท่าที่ดูคือชอบเรียกเด็กเข้ามาฝึกงาน แล้วจบด้วยการแต๊ะอั๋ง บางคนถึงขนาดกระทำชำเราและกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า เหยื่อแต่ละคนไม่กล้าดำเนินคดี เพราะพ่อของผู้กระทำความผิดมีตำแหน่งใหญ่โต แบ็คดี

วันนี้ผมเลยขอเสี่ยงเปิดเผยความเป็นจริงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ยังไงผมขอให้ทางพรรคทำการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยครับ ส่วนเจ้าตัวไม่ต้องมาชี้แจงอะไรกับผมหรอก ไปตามหมายเรียกก็พอ เพราะเหยื่อเริ่มทยอยไปให้การกับเจ้าหน้าที่แล้ว ตัวผมยอมเสี่ยงหมิ่นประมาทครับ ถ้ากล้าก็มา เพราะหลักฐานผมแน่นจริงๆ

#นักการเมืองภัยสังคม #เหยื่อที่เคยถูกบุคคลนี้กระทำติดต่อมาได้ตลอดนะครับ”

ต่อมานายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่ใช่ตนเอง พร้อมเตรียมแถลงข่าวด่วนวันนี้ 15.00 น. ที่ลานแม่พระธรณี พรรคประชาธิปัตย์

ล่าสุดเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (14 เมษายน 2565) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย และผอ.ศูนย์การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า ตนรู้สึกช็อก และตกใจกับเรื่องที่เกิดทางโซเชียลมีเดีย ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ หลายข้อกล่าวหาเกิดขึ้น ตนขอปฏิเสธ และไม่ใช่เรื่องจริง หลายคนที่รู้จักตนก็รู้ดีว่าตนไม่ใช่คนแบบนั้น แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวโดยตรงของตนแต่ก็กระทบกับการทำงานในหน้าที่ภารกิจของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนมีตำแหน่งอยู่

“ผมรู้สึกรับผิดชอบในงานของผมที่กระทบกับภาพลักษณ์การทำงานของผม ผมจึงตัดสินใจที่จะลาออกจากทุกตำแหน่งของพรรคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะให้พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่ให้กระทบกับงานของพรรค” นายปริญญ์ กล่าว


วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565

ปิดฉากเส้นทางการเมือง "ปารีณา" ศาลพิพากษาห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต

"ปารีณา ไกรคุปต์" ให้สัมภาษณ์เสียงสั่น หลังศาลฎีกาพิพากษา ผิดจริยธรรมร้ายแรงจากกรณีรุกป่าราชบุรี สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี และห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต




วันนี้ (7 เม.ย. 65) ศาลฎีกา นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม

โดยศาลฎีกามีคำพิพากษา น.ส.ปารีณา มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง และ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 64 รวมทั้งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี เเละไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง เเละดำรงตำเเหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก คณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดว่า น.ส.ปารีณา ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นส.ส. กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม และกรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมโดยให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย

ทั้งนี้ตาม พระราชบัญัติประกอบรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ระบุว่า ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือ สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหน่งทางการเมืองใดๆตลอดชีวิต

ล่าสุด หลังจากที่ศาลพิพากษา ปารีณา ไกรคุปต์ ปรากฏว่าในไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มี ส.ส.เข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา จนกระทั่งเวลา 10.21 น. น.ส.ปารีณาได้ออกจากไลน์ของกลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อ น.ส.ปารีณา ตั้งแต่รู้ผลมติศาลชี้ออกมาก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งเวลา 13.45 น. น.ส.ปารีณา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า “ตอนนี้ยังไม่เจอใคร ยังไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ ตัวชา กำลังทำใจอย่างเดียว ไม่ต้องทำพื้นที่แล้ว เพราะเหมือนคนตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสภาให้ไป ไม่มีไก่ให้เลี้ยง ไม่เหลืออะไรแล้ว”

ที่มา โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า



วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2565

‘ชูวิทย์’ ชี้ ‘ธนาธร’ เผชิญกับวงจรอุบาทว์การเมืองไทย ครอบครัวโดนเล่นงานสังเวยการต่อสู้

‘ชูวิทย์’ เผยไม่รู้ ‘ธนาธร’ คิดว่าคุ้มไหม? หลังพี่น้อง-แม่โดนคดี สังเวยการต่อสู้ กับวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย ที่ไม่ได้เล่นกันแบบตรงไปตรงมา


วันนี้ (2 เมษายน 2565) อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นกรณีที่กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ นส.3 ก. ของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และบุตรอีก 2 คน เนื่องจากพบว่าเป็นที่ป่าไม้ถาวร โดยมีรายละเอียดดังนี้

ไม่รู้ว่าคุ้มไหม?

เรื่องที่ดินของคุณแม่ธนาธรที่เป็นปัญหาเมื่อลูกมาเล่นการเมือง ทำให้ถูกขุดคุ้ย จนถูกหาว่าครอบครัวโกงบ้านโกงเมือง

ผมเข้าใจดีว่าคุณสมพรถูกกล่าวหา ทั้งๆ ที่ซื้อที่ดินมาอย่างถูกกฎหมาย และสุจริตใจ

แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องทำใจเมื่อเข้าสู่วงจรการเมือง และไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับรัฐบาล ย่อมเป็นที่ถูกจับจ้อง ไม่ว่าเรื่องใด

คุณธนาธรเข้าสู่การเมือง แรกเริ่มด้วยจิตใจที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลง แต่กลับต้องแลกด้วยการที่ทั้งน้อง ทั้งแม่ ถูกเล่นงาน

รวมทั้งตัวคุณธนาธรเอง ที่ต้องถูกห้ามเล่นการเมือง

จากพรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นพรรคก้าวไกล

จากหัวหน้าพรรค กลายเป็นแค่หัวหน้าคณะ

จากแคนดิเดตนายกฯ กลายเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา

ยังไม่พูดถึงเงินทองที่เสียไปกับการเมือง และบรรดาคน “หน้าไหว้หลังหลอก” ที่แปรสภาพจาก ส.ส.ในพรรคใต้สังกัด กลายสภาพเป็น “งูเห่า”

ไม่พอ ยังมีคดีตามมาอีกเป็นพรวนทั้งตระกูล

ความเจ็บปวดนี้เป็นสิ่งที่คุณธนาธรต้องแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว สังเวยให้กับการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง

คุณธนาธรได้เข้าใจการเมืองไทย ว่าไม่ได้เล่นกันแบบตรงไปตรงมา หนทางไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง มันช่างโหดร้าย จนบางครั้งต้องกลับมาทบทวนว่า

“มันคุ้มหรือ? กับความหวังดีต่อบ้านเมือง”

มีเพียงคุณธนาธรเท่านั้นที่จะตอบได้

ผมไม่ได้พูดให้คุณธนาธรท้อแท้แต่อย่างใด

แต่ ณ วันนี้ ย่อมได้ลิ้มรสชาติของการเมืองไทยได้เป็นอย่างดีแล้ว

ขอต้อนรับเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย”


ที่มา มติชน

กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...