‘ชูวิทย์’ เผยไม่รู้ ‘ธนาธร’ คิดว่าคุ้มไหม? หลังพี่น้อง-แม่โดนคดี สังเวยการต่อสู้ กับวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย ที่ไม่ได้เล่นกันแบบตรงไปตรงมา
วันนี้ (2 เมษายน 2565) อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นกรณีที่กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ นส.3 ก. ของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และบุตรอีก 2 คน เนื่องจากพบว่าเป็นที่ป่าไม้ถาวร โดยมีรายละเอียดดังนี้
ไม่รู้ว่าคุ้มไหม?
เรื่องที่ดินของคุณแม่ธนาธรที่เป็นปัญหาเมื่อลูกมาเล่นการเมือง ทำให้ถูกขุดคุ้ย จนถูกหาว่าครอบครัวโกงบ้านโกงเมือง
ผมเข้าใจดีว่าคุณสมพรถูกกล่าวหา ทั้งๆ ที่ซื้อที่ดินมาอย่างถูกกฎหมาย และสุจริตใจ
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องทำใจเมื่อเข้าสู่วงจรการเมือง และไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับรัฐบาล ย่อมเป็นที่ถูกจับจ้อง ไม่ว่าเรื่องใด
คุณธนาธรเข้าสู่การเมือง แรกเริ่มด้วยจิตใจที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลง แต่กลับต้องแลกด้วยการที่ทั้งน้อง ทั้งแม่ ถูกเล่นงาน
รวมทั้งตัวคุณธนาธรเอง ที่ต้องถูกห้ามเล่นการเมือง
จากพรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นพรรคก้าวไกล
จากหัวหน้าพรรค กลายเป็นแค่หัวหน้าคณะ
จากแคนดิเดตนายกฯ กลายเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา
ยังไม่พูดถึงเงินทองที่เสียไปกับการเมือง และบรรดาคน “หน้าไหว้หลังหลอก” ที่แปรสภาพจาก ส.ส.ในพรรคใต้สังกัด กลายสภาพเป็น “งูเห่า”
ไม่พอ ยังมีคดีตามมาอีกเป็นพรวนทั้งตระกูล
ความเจ็บปวดนี้เป็นสิ่งที่คุณธนาธรต้องแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว สังเวยให้กับการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง
คุณธนาธรได้เข้าใจการเมืองไทย ว่าไม่ได้เล่นกันแบบตรงไปตรงมา หนทางไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง มันช่างโหดร้าย จนบางครั้งต้องกลับมาทบทวนว่า
“มันคุ้มหรือ? กับความหวังดีต่อบ้านเมือง”
มีเพียงคุณธนาธรเท่านั้นที่จะตอบได้
ผมไม่ได้พูดให้คุณธนาธรท้อแท้แต่อย่างใด
แต่ ณ วันนี้ ย่อมได้ลิ้มรสชาติของการเมืองไทยได้เป็นอย่างดีแล้ว
ขอต้อนรับเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย”
ที่มา มติชน