วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564

พระมหาไพรวัลย์ แจง สวดมนต์บทไหนก็ไม่ช่วยไล่พายุ หลวงพ่อยังต้องพายเรือ สภาพ!

พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ตอบ จะไปสวดมนต์ไล่พายุไม่ได้ สภาพ วัดยังน้ำท่วม เอาอะไรมาสวดมนต์ ปมชาวเน็ตคอมเมนต์ ถามสวดมนต์บทไหน ไล่พายุได้บ้าง?


หลังจาก นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมคณะเดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย อ.ศรีสำโรง จำนวน 2 จุด ได้แก่ บ้านคลองชัด หมู่ ที่ 8 ต.วังใหญ่ และวัดดอนจันทร์ หมู่ที่ 4 ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ด้วยรถยนต์ พร้อมมีการพูดคุยผ่านเครื่องขยายเสียงและทักทายสวัสดี “นะจ๊ะ” ประชาชนที่อยู่ตามบ้านเรือนตลอดเส้นทาง โดยบอกว่า นี่เป็นภัยธรรมชาติ ก็ต้องแก้กันไป ขอให้ทุกคนแข็งแรง ปลอดภัย พร้อมกล่าวว่า ปีที่แล้วพายุเข้ามา 5 ลูก และนี่ เพียงลูกเดียว จึงขอให้ช่วยกันสวดมนต์ อย่าให้พายุเข้ามาอีกเลย พายุลูกเดียวนี่ก็พอแล้ว 

ล่าสุดมีชาวเน็ตคอมเมนต์ ถาม พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ในไลฟ์เมื่อคืนวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมาว่า มีบทสวดมนต์บทไหน ไล่พายุได้บ้าง โดยพระอาจารย์ตอบกลับว่า "ไล่พายุไม่ได้ ไล่อย่างอื่นได้ไหม สภาพ จะไปสวดมนต์ยังไง วัดยังน้ำท่วมเลย หลวงพ่อยังพายเรือ ล่าสุดหลวงพ่อพายเรือแล้ว 1 น้ำท่วมหลังคาโบสถ์ สภาพ วัดยังน้ำท่วม เอาอะไรมาสวดมนต์"

"การภาวนาโดยไม่ลงมือทำไม่มีผล มันไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงกฎธรรมชาติ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้แล้ว กฎธรรมชาติจะเปลี่ยนแปลงได้ก็ต่อเมื่อเราร่วมมือกัน ร่วมใจกัน อาตมาเห็นพระอาจารย์หลายรูปที่ จ.สุโขทัย ก็ช่วยโยม ก็หวังว่าไม่มีใครไปตำหนิท่านอีก ไม่ใช่กิจของสงฆ์ เป็นพระช่วยโยม คนที่พูดนั่งอยู่ในห้องแอร์ ถ้าไม่อยากให้พระทำงานสาธารณะสงเคราะห์ออกมาจากห้องแอร์แล้วไปช่วยเขา น้ำท่วมชาวบ้านลำบากเดือดร้อน พระท่านทำอะไรได้ก็ต้องทำ เกิดอุทกภัยพระท่านก็ต้องช่วย จะให้ท่านนิ่งดูดายได้อย่างไร น้ำท่วมไม่เลือกพระเลือกโยม ถ้าไม่ทำในฐานะพระก็ทำในฐานะเพื่อนมนุษย์เถิด"

"น้ำมาก็เดือดร้อนพอทนแล้ว พอน้ำจากไปทิ้งความทุกข์ยากลำบากไว้อีก สมบัติพัสถาน ส่งกำลังใจแล้วกันเนาะ นนทบุรีก็ร่อแร่แล้ว น้ำเหนือกำลังจะลงมาแล้ว สวดมนต์ได้แต่ลงมือทำด้วย ร่วมด้วยช่วยกัน มันไม่มีมนต์บทไหนไม่มีคาถาบทไหนไล่น้ำไล่ฝนได้ เราต้องช่วยกันป้องกัน ต้องช่วยกันดูแล"

ที่มา สนุกดอทคอม

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564

โอปอล์ ปาณิสรา อวดความเซ็กซี่ในชุดว่ายน้ำสีดำ

"โอปอล์ ปาณิสรา" ทำเอาน้ำในสระว่ายน้ำเดือดปุดๆ เมื่อใส่ชุดว่ายน้ำที่ให้เห็นเผยความเซ็กซี่เบาๆ จนแฟนคลับยกให้เป็น "ความแซ่บที่สุดในท้องทะเลไทย"


หลังจากดารา-พิธีกรสาว "โอปอล์ ปาณิสรา" โพสต์ภาพตัวเอง ใส่ชุดว่ายน้ำสีดำลงสระ อวดความเซ็กซี่เบาๆ ให้แฟนๆได้ชมกันเป็นบุญตา ระหว่างออกทริปเที่ยวทะเลกับครอบครัว ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @opalpanisara พร้อมแคปชั่นว่า "หัวหินฝนตกนิดหน่อยค่ะ"

งานนี้แฟนคลับ "โอปอล์ ปาณิสรา" หลายคนรีบเข้ามาดูความเซ็กซี่ของเธอ เพราะนานๆ จะได้เห็นซีกที พร้อมกับชื่นชมมากมายว่า ที่สุดในท้องทะเลลลลลลไทย , ไฟลุกกกกกกกกกกที่หัวหินค่าา , ความหุ่นสวยความลีนของแม่สวยมาก เป็นต้น 

ที่มา คมชัดลึกออนไลน์, อินสตาแกรม @opalpanisara

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

เปิ้ล-นาคร นำเจ็ทสกี เข้าไปช่วยหญิงท้องแก่ ที่ประสบภัยน้ำท่วม

สุดยอด เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย นำเจ็ทสกี ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จังหวัดลพบุรี สามารถช่วยหญิงท้องแก่ได้อย่างปลอดภัย โดยมี "น้องออก้า" ลูกชายขอขี่เจ็ทสกีช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามรอยพ่อด้วย


จากอิทธิพลของร่องมรสุมและพายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ประชาชนตั้งตัวไม่ทันจนหลายครัวเรือนได้รับเดือดร้อนหนัก โดยสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดยังคงวิกฤติอย่างหนัก 

ล่าสุด ดาราหนุ่ม นาคร ศิลาชัย พร้อมด้วยครอบครัว และทีมงาน ได้นำเจ็ทสกีลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่จังหวัดลพบุรี เนื่องจากยังคงมีประชาชนชาวบ้านที่ติดอยู่ในบ้าน โดยภรรยา "จูน กษมา" ได้โพสต์คลิปขณะครอบครัวลงพื้นที่ช่วยเหลือ ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว "จูน กษมา" ได้เล่าเรื่องราวผ่านแคปชั่นว่า 

"ในที่สุดก็รับน้องที่ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที่ออกมาทันน้องจะคลอดวันที่ 1 ตค. นี้แล้ว ดีใจกันสุดๆ ปลอดภัยแล้วน๊าาาา" 

หลังจากคลิปถูกเผยแพร่ออกไป บรรดาแฟนๆ เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับสาวท้องแก่ และ แสดงความชื่นชมครอบครัว เปิ้ล นาคร อย่างมากมาย

ที่มา คมชัดลึก, IG @june_kasama

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2564

เช็กเลย ! ม.33-คนละครึ่ง ได้เงินอีก 4,000 บาท โอนสัปดาห์หน้า

สัปดาห์นี้ ผู้ประกันตน ม.33 ใน 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง รวมกับเงินเยียวยารอบสองเป็นเงิน 4,000 บาท 


เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 27 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2564 รัฐบาลจะโอนเงินช่วยเหลือเยียวยาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ประกันตน ม.33 ที่อาศัยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 13 จังหวัด ใน 9 กิจการ และ กลุ่มผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3

ทำให้กลุ่มของผู้ประกันตน ม.33 ในจังหวัดสีแดงเข้ม ใน 9 กิจการ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 จะได้รับเงิน 1,500 บาท บวกกับเงินเยียวยารอบสอง รวมเป็นเงิน 4,000 บาท

หลังจากเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 กระทรวงแรงงานได้โอนเงินรอบแรกไปแล้ว จำนวน 2,500 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน และจะมีการโอนเงินเยียวยารอบ 2 ระหว่างวันที่ 27-28 กันยายน 2564  จำนวน 2,500 บาท ให้กลุ่มผู้ประกันตน ม.33 ในพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา

โดยเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ใน 9 กิจการ ได้แก่ 1.ก่อสร้าง 2.ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 3.ศิลปะความบันเทิงและนันทนาการ 4.กิจกรรม บริการด้านอื่น ๆ 5.การขายส่ง ปลีก ซ่อมยานยนต์ 6.การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า 7.กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน 8.กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และกิจกรรมทางวิชาการ 9.ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร

นอกจากนี้ ผู้ประกันตน ม.33 ยังมีสิทธิได้รับอีก 1,500 บาท จากการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ที่กระทรวงการคลังจะโอนเงินให้ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2564

หลังจากเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้โอนเงินรอบแรกไปแล้ว จำนวน 1,500 บาท ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”

โดยผู้ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ยังสามารถลงทะเบียนได้ผ่านทาง www.คนละครึ่ง.com ซึ่งขณะนี้ยังมีสิทธิคงเหลือ จำนวน 1,019,639 สิทธิ (ข้อมูลวันที่ 24 ก.ย. เวลา 18.00 น.)

ที่มา www.prachachat.net

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2564

ผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับสิทธิรอรับ 10,000 บาท รอเงินเข้าพร้อมเพย์ ไม่ต้องทำอะไร

ผู้ประกันตนที่มีสถานะสีเขียว “ได้รับสิทธิ” ไม่ต้องทำอะไร รอเงินเข้าพร้อมเพย์อย่างเดียว เริ่ม 27-28 ก.ย.นี้ โดยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 รอบ 2 พื้นที่ 13 จังหวัด รับคนละ 2,500 บาท  มาตรา 40 รับรวดเดียว 10,000  บาท ผู้ประกันตนผูกพร้อมเพย์ช้าหรือพึ่งเปิดบัญชี รอรอบเก็บตก โดยจะทำการโอนทุกวันพฤสบดี จนถึง 31 ธ.ค. 64 


สำนักงานประกันสังคม ได้ทยอยจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 ให้กับผู้ประกันตนมาตั้งแต่วันที่ 20-23 กันยายนที่ผ่านมา สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือน ในรอบ 2 

ล่าสุด เพจเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด และ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อัพเดทข้อมูล โดยระบุว่า คนที่มีสถานะ “ได้รับสิทธิ” ไม่ต้องทำอะไร รอเงินเข้าพร้อมเพย์อย่างเดียว วันที่ 27-28 กันยายน 2564

โดยเริ่มจากวันวันที่ 27 กันยายน 2564 เป็นการโอนเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 รอบที่ 2 ในพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือน

วันที่ 28 กันยายน 2564 มาตรา 40 พื้นที่ 10 จังหวัดแรก สมัครและจ่ายเงินสมทบตั้งแต่วันที่ 1-10 สิงหาคม 2564 มีสถานะ “ได้รับสิทธิ” ได้รับเงินเยียวยา 2 เดือน รวมรับทีเดียว 10,000 บาท

พื้นที่ 3 จังหวัด สมัครและจ่ายเงินสมทบตั้งแต่วันที่ 4-24 สิงหาคม 2564  มีสถานะ “ได้รับสิทธิ” ได้รับเงินเยียวยา 2 เดือน รวมรับทีเดียว 10,000 บาท

พื้นที่ 16 จังหวัดหลัง ที่จ่ายตู้บุญเติม อัพเดต วันที่  22 กันยายน 2564  มีสถานะ “ได้รับสิทธิ” ได้รับเงินเยียวยา 1 เดือน รวม 5,000 บาท

คนที่ผูกพร้อมเพย์ช้า พึ่งเปิดบัญชี หรือแก้ไขบัญชี รอรอบเก็บตก ทุกวันพฤสบดี ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564

พื้นที่ 10 จังหวัดแรก กทม.นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา

พื้นที่ 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี อยุธยา

พื้นที่ 16 จังหวัด กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ปราจีนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ลพบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ราชบุรี ระยอง สมุทรสงคราม สิงห์บุรี สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง

โดยทาง สำนักงานประกันสังคม เริ่มทยอยโอนเงินเยียวยา เข้าบัญชีพร้อมเพย์ ที่ผูกกับบัตรประชาชน ของผู้ประกันตน ในส่วนที่เหลือตามไทม์ไลน์ดังนี้

วันที่ 20-21 กันยายน 2564

โอนเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 16 จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบด้วย

นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี

สำหรับผู้ขึ้นทะเบียนใหม่ และจ่ายเงินสมทบ เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ระหว่างวันที่ 4-24 สิงหาคม 2564 จำนวน 2.3 ล้านคน กลุ่มนี้ได้รับเงินเยียวยา 1 เดือน คนละ 5,000 บาท

วันที่ 21 กันยายน 2564

โอนเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือนในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบด้วย

กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จำนวน 1.17 ล้านคน จะได้รับเยียวยา รอบ 2 อีกคนละ 5,000 บาท

วันที่ 22-23 กันยายน 2564

โอนเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 รอบ 2 ในพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือน ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จำนวน 4 ล้านคน จะได้รับเยียวยารอบ 2 อีกคนละ 5,000 บาท

วันที่ 27 กันยายน 2564 โอนเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 รอบที่ 2 ในพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือน คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จำนวน 2,000,000 คน อีกคนละ 2,500 บาท

วันที่ 28 กันยายน 2564

โอนเงินเยียวยามาตรา 40 ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จำนวน 3.56 แสนคน ที่ขึ้นทะเบียนใหม่ และจ่ายเงินสมทบเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ระหว่างวันที่ 4 – 24 สิงหาคม 2564 จะได้รับเยียวยารอบ 2 อีกคนละ 5,000 บาท รวมเป็น 10,000 บาท

ขั้นตอนเช็คสิทธิดังนี้

เช็คในระบบว่า เป็นผู้ประกันตนอยู่หรือเปล่า

เช็คสิทธิผ่านเวบไซต์ ประกันสังคม เพื่อรับ 5,000 บาท

เมื่อเช็คแล้ว หากไม่ได้รับสิทธิ ให้ยื่นทบทวนสิทธิด่วน ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2564 นี้ 

ที่มา www.thebangkokinsight.com

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564

อัปเดต "เราเที่ยวด้วยกันเฟส3" เหลือสิทธิไม่ถึง 4 ล้านสิทธิแล้ว

เช็คด่วนๆ โครงการ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส3" สิทธิที่พักเหลือ 2 ล้าน สิทธิตั๋วเหลือ 1.2 ล้านเท่านั้น ลงทะเบียนรอบนี้ได้ส่วนลดสูงสุด 40 % มีค่าอะไรกันบ้างตรวจสอบเลย


ช่วงเช้าที่ผ่านมา(24ก.ย.64) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เปิดให้ลงทะเบียนโครงการ เราเที่ยวด้วยกันเฟส3 ตั้งแต่เวลา 06.00น.  ล่าสุดเว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกัน.com ได้โพสต์รายละเอียดสิทธิและเงื่อนไขสำหรับการลงทะเบียนเราเที่ยวด้วยกันเฟส3  

จากการอัพเดตล่าสุดสำหรับสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันล่าสุดพบว่า จำนวนสิทธิที่พักเหลือ 2,000,000  สิทธิ จำนวนสิทธิตั๋วเครื่องบินเหลือ 1,263,132  สิทธิ

โดยผู้ที่ลงทะเบียนเที่ยวด้วยกันเฟส 3 จะได้ส่วนลดค่าต่าง ๆ ดังนี้

สิทธิที่ 1ส่วนลดค่าที่พัก 40% 15 ห้องหรือคืน สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน

สิทธิที่ 2 คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว สูงสุด 600 บาท/วัน ทุกวันใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าสถานที่ท่องเที่ยว ที่ร่วมโครงการโดยชำระเพียง 60 % อีก 40% ตัดจากคูปอง

สิทธิที่ 3 เงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร(เฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวที่กำหนด) จำกัดห้องพักละ 2 ที่นั่งตามจำนวนห้องที่เข้าพักจริง แต่ไม่เกิน 30 ที่นั่ง

24 กันยายน 2564 เปิดลงทะเบียนสำหรับผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์ ในเฟส 1 และ 2

8 ตุลาคม 2564 เปิดให้ประชาชนจองโรงแรมหรือที่พัก

15 ตุลาคม 2564 เริ่มเข้าที่พัก

23 มกราคม 2565 เปิดจองโรงแรมหรือที่พักวันสุดท้าย

31 มกราคม 2565 สิ้นสุดระยะเวลาเดินทาง และ Check Out วันสุดท้าย

เงื่อนไขการลงทะเบียนสำหรับประชาชน

มีบัตรประจำตัวประชาชนและเป็นบุคคลสัญชาติไทย

อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

ประชาชนจะได้รับสิทธิเมื่อลงทะเบียนสำเร็จ และใช้จ่ายในโรงแรม ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยว ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้น จังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ

ประชาชนที่เคย ลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และ 2 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิใหม่ สามารถใช้สิทธิที่คงเหลือต่อได้

โดยสิทธิที่จะได้รับนั้นแบ่งเป็น 2 สิทธิ คือ

รับสิทธิส่วนลดค่าห้องพัก

รับสิทธิส่วนลดค่าอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว

จองห้องพักได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ

1 เบอร์โทรศัพท์ ต่อ 1 เลขบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น

หมายเหตุ เบอร์ลงทะเบียนที่ใช้รับสิทธิ ต้องเป็นเบอร์เดียวกับที่ลงทะเบียนแอปฯ เป๋าตัง

รับสิทธิตั๋วเครื่องบิน

รัฐบาลคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของมูลค่าตั๋วเครื่องบินไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร เข้า G-Wallet โดยห้องพัก 1 ห้อง ได้สิทธิ 2 ผู้โดยสาร

สิทธิเพิ่มเติมรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร เมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย สำหรับผู้ที่ออกตั๋วเครื่องบิน และเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป 

ผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินจะต้องเป็นผู้จองห้องพักในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเป็นผู้จองและร่วมโดยสารในเที่ยวบิน โดยจะต้อง Check out จากห้องพักแล้ว จึงจะสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินได้

ที่มา คมชัดลึก


วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2564

เช็คด่วน 10 จังหวัด เฮ!! รับสิทธิเพิ่มเติมเยียวยา 2 เดือนรวด 10,000 บาทปลายเดือนนี้

หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ทางกระทรวงแรงงาน เร่งตรวจสอบโอนเงินให้ผู้ประกันตนตาม มาตรา 39 และ มาตรา 40 ที่ยืนยันตัวตนเป็นผู้ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 10 จังหวัด ก่อนเวลากำหนด ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564  พร้อมทั้งให้ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเติมในพื้นที่ 10 จังหวัด โดยผู้ที่ลงทะเบียนต้องจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 สำหรับพื้นที่ 19 จังหวัด จะต้องลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564


เพจประกันสังคมแจ้งข่าวอัพเดทล่าสุด เป็นข่าวดีสำหรับกลุ่ม 10 จังหวัดแรก ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ยะลา ปัตตานี นราธิวาสและ สงขลา

โดยผู้ที่ได้ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบภายใน วันที่ 1-10 สิงหาคม 2564 ท่านจะได้รับเงินเยียวยา 2 เดือน จะโอนเงิน วันที่ 28  กันยายน 2564

ล่าสุด ทางเว็บประกันสังคม เปิดให้ผู้ประกันตนสามารถเช็คสิทธิของตนเองได้แล้ว โดยมีสองกลุ่มที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท

เงื่อนไขการได้รับการเยียวยา 10,000 บาท เฉพาะจังหวัดใน 2 กลุ่มเท่านั้น

1. กลุ่ม 10 จังหวัด ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินภายใน 1-10 สิงหาคม 2564

2. ส่วน 3 จังหวัด ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ที่ลงทะเบียน 4-24 สิงหาคม 2564 

โดยจะได้รับโอนเงิน รวดเดียว 10,000 บาท ภายใน วันที่ 28 กันยายน 2564

วิธีเช็คสิทธิประกันสังคม สามารถทำได้ดังนี้

1. กดคลิกตรวจสอบสิทธิตามสถานะผู้ประกันตนของท่าน(ม.40 คลิกที่นี่)

2. กรอกเลขบัตรประชาชน และ เลขรหัสยืนยันที่แสดงบนหน้าจอ

3. จากนั้นให้กดปุ่ม ตกลง

4. ระบบจะแสดงผลการได้รับสิทธิของท่าน หากขึ้นตัวอักษรสีเขียวว่า ได้รับสิทธิ ให้ท่านทำตามข้อความด้านล่างที่แจ้งให้ท่านรีบผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนของท่าน

5. ถ้าหากระบบแสดงผลเป็นตัวอักษรสีแดงว่าไม่ได้รับสิทธิ ให้ท่านรีบดำเนินการยื่นทบทวนสิทธิโดยโหลดแบบฟอมร์มยื่นทบทวนสิทธิ ที่นี่ กรอกข้อมูลและเตรียมเอกสารตามที่แจ้งแล้วนำส่งสำนักงานประกันสังคมโดยมีเวลายื่นทบทวนสิทธิถึง 31 ตุลาคม 2564 นี้ หรือ ติดต่อสอบถามที่ 1506 ตลอด 24 ช.ม. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

อนึ่ง ผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิเยียวยาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินให้ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนให้เรียบร้อย โดยทางประกันสังคมจะทยอยโอนเงินให้ตามเลขบัตรประชาชน กับทุกวันพฤหัสฯกับศุกร์ถึงสิ้นปีนี้ ท่านสามารถเช็คสิทธิและวันโอนของเราได้ที่เว็บประกันสังคม

ที่มา:  www.thebangkokinsight.com

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2564

ตำรวจพบพิรุธไทม์ไลน์ เร่งไขปมจัดฉากคืน "น้องจีน่า" ยังไม่แจ้งข้อหา "อาผะ"

ตำรวจเผยความคืบหน้าคดีลักพาตัว "น้องจีน่า" กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อประกอบสำนวนแต่ยังไม่ฟันธงว่า "อาผะ" เป็นผู้ก่อเหตุเพียงผู้เดียว เพราะการให้การยังวกวนสับสน


ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงช่วงกลางดึกของวานนี้ (8 ก.ย.) ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีการลักพาตัว น้องจีน่า เด็กหญิงวัย 1 ปี 11 เดือน 

จากคำให้การของนายอาผะ ที่วกวนสับสน ทั้งเรื่องของไทม์ไลน์ของตนเอง ตลอดจนถึงการรับสารภาพว่าลักพาตัวน้องไป การไปชี้จุดที่อ้างว่านำน้องไปปล่อยทิ้งไว้ รวมถึงเรื่องที่ซัดทอดมาว่ามีผู้บงการเป็นลูกเลี้ยงที่เป็นลูกติดของภรรยา ตลอดช่วงที่ถูกควบคุมตัวไว้

ทางตำรวจจึงได้เรียกตัวผู้ที่ถูกซัดทอดรวมทั้งลุง ป้า และเพื่อนบ้านของน้องจีน่า ที่เป็น 3 คนแรกที่ไปพบตัวน้องในกระท่อม รวมทั้งลูกสาวของภรรยานายอาผะ และสามีที่ถูกซัดทอดว่าเป็นผู้บงการ ตลอดจนอาสาสมัครรถจักรยานยนต์วิบาก ที่เคยไปค้นหาน้อง ณ จุดที่พบตัวล่าสุด 

โดยอาสาสมัครดังกล่าวยืนยันว่าเมื่อวันที่ 7 ก.ย. เวลา 11.00 น. ได้มาที่กระท่อมแต่ไม่พบตัวน้องในจุดที่พบตอนนี้ ซึ่งสอดคล้องกับภาพทางอากาศในวันที่ 7 ก.ย. ที่ตำรวจใช้เฮลิคอปเตอร์ บินสำรวจผ่านจุดดังกล่าวในวันเดียวกันไม่พบว่ามีใครอยู่

จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้ทั้งหมดทำให้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่านายอาผะเป็นผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว ประกอบกับคำให้การที่สับสน และไทม์ไลน์ที่ไม่สอดคล้องกันจากพยานละหลักฐานต่างๆ จึงยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับนายอาผะได้ทันที

อย่างไรก็ตาม คาดว่ามีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีไว้เพื่อไปเปรียบเทียนกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ทางตำรวจได้เก็บไว้ทั้งหมดในคืนที่ผ่านมา หลังสอบปากคำก็ได้ปล่อยตัวทั้งหมดกลับบ้านแล้ว เหลือเพียงนายอาผะที่ยังถูกควบคุมตัวไว้ที่ สภ.แม่แตง ซึ่งนายอาผะเองในช่วงที่ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ห้องสืบ มีอาการที่ค่อนข้างอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องติดตามแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป โดยเฉพาะเรื่องที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องของการจัดฉากคืนตัวน้องจีน่า ทั้งเรื่องของคำให้การของอาผะที่ว่าเอาตัวน้องไปปล่อยเพื่อเซ่นผีที่หน้าถ้ำ

นอกจากนี้ จุดที่พบตัวน้องค่อนข้างห่างไกลกันเด็กวัย 1 ขวบ 11 เดือน ไม่มีทางที่จะเดินมาเองได้ ขนาดผู้ที่ทั้งเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนที่เข้าไปติดตามทำข่าวก็ยังต้องใช้เวลา และพบความยากลำบาก ชนิดที่ว่าหลายคนหมดแรงไม่สามารถขึ้นไปถึงจุดที่พบน้องได้ด้วย

ประกอบกับการที่นายอาผะถูกควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 6 ก.ย.  ซึ่งเป็นช่วงหลังจากเกิดเหตุเพียง 1 วัน และตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. จนถึงวันนี้ก็อยู่ในความควบคุมของตำรวจ จึงเชื่อว่าน่าจะมีใคร หรือผู้ร่วมขบวนการที่คอยดูแลเด็กไว้และนำเด็กมาคืนไว้ในกระท่อมดังกล่าว

แม้ว่าจะเจอตัวน้องจีน่า อย่างปลอดภัยแล้ว แต่คดีในการสืบสวนยังเหมือนเพิ่งจะเริ่มไปได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ทำให้ตำรวจต้องเดินหน้าไขข้อข้องใจในเรื่องนี้จึงยังถือว่า

ขณะที่ทางด้าน นายสุริยะ พ่อของน้องจีน่า เปิดเผยทางโทรศัพท์เช้าวันนี้(9 ก.ย.)ว่า  อาการล่าสุดของน้องจีน่า หลังอยู่ในความดูแลของแพทย์อาการดีขึ้น ทานอาหารได้เป็นปกติ แต่ยังมีอาการอ่อนเพลียบ้าง อาการหวาดกลัวเริ่มลดลง ยอมให้พ่อแม่กอดแล้ว ยืนยันมีบาดแผลถูกขีดข่วนตามร่างกายจากการถูกหญ้าและต้นไม้บาด รวมทั้งรอยยุงและแมลงกัดเต็มตัว

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวดีใจที่ได้ลูกคืนมาด้วยความปลอดภัย ส่วนเรื่องทางคดีเรื่องของการสืบสวนสอบสวนต่างๆ ยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ที่มา สนุกดอทคอม

กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...