วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

หนุ่ม กรรชัย กราบเรียน สนธิญา ปมมาออกรายการไม่ได้ "ค่าน้ำมัน"

หลังจาก นายสนธิญา สวัสดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ทวงถามไปยังพิธีกรรายการโหนกระแส กรรชัย กำเนิดพลอย ที่ได้ไปร่วมเป็นแขกรับเชิญว่า มูลค่าเวลาของรายการนาทีละ 250,000 บาท แต่กลับไม่มีค่าตอบแทนเป็น "ค่าน้ำมัน" ให้แขกรับเชิญเลยหรือ 


พร้อมระบุว่าตอนที่ไปร่วมรายการอื่นก็ยังได้รับเป็นจำนวนไม่กี่พันบาท ซึ่งตนก็บริจาคช่วยเหลือโควิด-19 ไปหมด แต่หากว่าทางรายการมีค่าตอบแทนให้ตน ก็ขอให้บริจาคเข้ากองทุนช่วยเหลือโควิดของช่อง 3 ไปเลยก็ได้ และหวังว่าคราวหน้าจะมีค่าตอบแทนให้แขกรับเชิญท่านอื่นๆ ที่ไปร่วมรายการบ้าง ซึ่งต่อมา นายสนธิญา ก็ได้ลบข้อความดังกล่าวออกไป 

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตหลายคนที่แคปภาพเอาไว้ และนำมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นประเด็นในโลกออนไลน์ต่อกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่ง หนุ่ม กรรชัย ได้โพสต์ข้อความตอบกลับไปยังสนธิญา ระบุว่า

กราบเรียนถึงคุณ สนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (สภาผู้แทนราษฎร)

ก่อนอื่นต้องขออภัยคุณสนธิญา มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ในกรณีที่คุณสนธิญาแจ้งว่าไม่ได้รับเงินค่าน้ำมัน

ผมขอเรียนชี้แจงแบบนี้ครับ ว่า รายการโหนกระแส มีค่าใช้จ่ายให้กับแขกรับเชิญที่มาร่วมรายการทุกท่านครับ และ ผมไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้ค่าใช้จ่ายกับตัวคุณสนธิญาเลย แต่เหตุเพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าทางนักการเมืองท่านใด หรือ ข้าราชการท่านไหนๆ ในทุกๆตำแหน่งที่มาออกรายการโหนกระแส ผมเคยนำเงินมอบให้กับท่านเหล่านั้น แต่ทุกท่านปฏิเสธหมด ไม่ยอมรับเงิน และให้เหตุผลกับผมว่า พวกเขาเป็นนักการเมือง เป็นข้าราชการ ไม่สมควรรับเงินจากรายการไหนๆที่ได้ไปออกเพื่อเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้รับทราบ

เพราะฉะนั้นการรับเงินจะเป็นการดูไม่เหมาะสมอย่างมาก ผมจึงไม่กล้าที่จะให้ซองคุณสนธิญาครับ เหตุครั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าผมเข้าใจผิดว่าคุณสนธิญา จะถือกฎเกณฑ์เหมือนนักการเมืองท่านอื่นๆที่มาออก เพราะคุณสนธิญา มีตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (สภาผู้แทนราษฎร) ผมจึงถือวิสาสะไม่ได้ให้ซองไปเพราะเกรงจะไม่เหมาะสมกับตัวคุณสนธิญาเอง เรื่องนี้ต้องขออภัยที่คิดแทนคุณสนธิญานะครับ และผมขออนุญาตให้ทีมงานโอนเงินไปให้เพื่อความสบายใจของผมและคุณสนธิญานะครับ

กราบเรียนขออภัย มา ณ ที่นี้ครับ

กรรชัย กำเนิดพลอย

ปล. ส่วนค่าเวลารายการที่คุณสนธิญาแจ้งว่านาทีละสองแสนห้า ผมว่าคุณอาจเข้าใจผิดครับ ความหมายคือ วันนั้นในการสัมภาษณ์หลังจบรายการ คุณสนธิญาบอกว่าอยากพูดต่ออีกนิด ผมจึงกล่าวขอโทษและแจ้งคุณว่า มันเกินเวลาสถานีมาห้านาทีแล้ว ผมอาจโดนปรับเงินสองแสนห้าได้ เพราะเกินเวลาเค้ามามากแล้วครับ ไม่ใช่เวลาในรายการผมนาทีละสองแสนห้านะครับ




วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เทนนิส พาณิภัค คว้าเหรียญทองแรก โอลิมปิก "โตเกียว2020" (Tokyo 2020 Olympics)

นักเทควันโดสาวทีมชาติไทย เทนนิส - พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ สร้างชื่อให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ด้วยการคว้าเหรียญทองแรกให้คนไทย ในทัวร์นาเมนต์ โอลิมปิก"โตเกียว2020" 



“เทนนิส”พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ วัย 23 ปี เจ้าของเหรียญทองแดง จากโอลิมปิก “ ริโอ2016” ประเทศบราซิล สร้างผลงานสุดยอดให้กับตัวเองด้วยการคว้าเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิก " โตเกียว2020" ที่ญี่ปุ่น  ด้วยการเอาชนะ เครโซ  อิเกเซีย คู่ต่อสู้วัย 17 ปี จาก สเปน ในรอบชิงชนะเลิศโดยเป็น "เทนนิส" พาณิภัค ที่ชนะไปด้วยคะแนน 11-10 เมื่อครบ 3 ยก  คว้าเหรียญทองแรกให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ได้สำเร็จ


โดยเส้นทางเหรียญทองของเทควันโด หญิงทีมชาติไทย ” เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เริ่มจากเอาชนะคู่ต่อสู้จาก อิสราเอล  29:5 คะแนน  รอบ 16 คน  ,  เอาชนะ เวียดนาม  20:11 คะแนน ในรอบ  8 คน และรอบ 4 คน  ชนะ ญี่ปุ่น 34:12 คะแนน ก่อนเข้าไปชิงชนะเลิศ กับคู่ต่อสู้จากสเปน ที่ทำผลงานในรอบ 4 คน  สุดท้าย  จากการเอาชนะตุรกี


นักกีฬาเทควันโด ทีมชาติไทย ได้โควต้า ส่งนักกีฬา เข้าแข่งขัน 2 ราย โดยได้ส่ง “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในรุ่นไม่เกิน 49 กิโลกรัมหญิง และ ชายรุ่นไม่เกิน 58  กิโลกรัม “จูเนียร์”  รามณรงค์ เสวกวิหารี ที่ไปไม่ถึงรอบ  4 คน สุดท้าย

ก่อนหน้านี้ ในการแข่งโอลิมปิก ที่บราซิล  ในปี 2016 ไทยได้โควตานักกีฬา เข้าแข่งขัน  รวม 3 ราย โดยนักก๊ฬาเทควันโดไทยทำผลงานได้หนึ่งเหรียญเงินจาก เทวินทร์ หาญปราบ ในเทควันโด ชาย รุ่น 58 กิโลกรัม และหนึ่งเหรียญทองแดงจาก  “เทนนิส “ พาณิภัค  วงศ์พัฒนกิจ รุ่น 48 กิโลกรัมหญิง ด้วยการเอาชนะคู่ต่อสู้จากเม็กซิโก ขณะที่ในรุ่น 57 กิโลกรัมหญิง พรรณนภา หาญสุจินต์ พลาดโอกาสคว้าเหรียญรางวัล 

ที่มา คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/sport/475830


วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เจ้าแม่นาคียังขลังไหม? บทสรุปผลตรวจเชื้อและไทม์ไลน์ แต้ว ณฐพร

ผลตรวจ แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ พลิกล็อก สรุปไทม์ไลน์ตั้งแต่ตรวจเจอเชื้อโควิด-19 รวมถึง เต๋า ณัฐวดี เตมีรักษ์ พี่สาวฝากถึงคนที่เคยต่อว่าน้องสาวแรง ๆ ออกมาขอโทษด้วย


หลังจากวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา นางเอกสาว แต้ว ณฐพร ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลแห่งแรกว่าพบเชื้อโควิด-19 จึงได้แจ้งผ่านทางไอจีช่วงกลางดึกวันที่ (16 ก.ค.2564)  จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรง วันรุ่งขึ้น(16 ก.ค.2564) เธอจึงได้ไปตรวจกับโรงพยาบาลแห่งที่สองอีกครั้ง ผลออกมาตอนกลางคืนว่าไม่พบเชื้อโควิด เธอจึงแจ้งข่าวให้ทุกคนได้ทราบอีกครั้งพร้อมหลักฐานยืนยันผ่านทางไอจี โดยทาง TrueID ได้สรุปไทม์ไลน์ของนางเอกสาว ตั้งแต่วันที่ตรวจเจอเชื้อ จนถึงผลตรวจพลิกล็อก ดังนี้

วันที่ 14 ก.ค.2564 แต้ว ณฐพร ได้เดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 เนื่องจากต้องทำงานในวันที่ 16 ก.ค.2564 วันที่ 15 ก.ค.2564 แต้ว ณฐพร ได้โพสต์แจ้งข่าวว่าผลตรวจเป็นบวก พบเชื้อโควิด-19 พร้อมโชว์ไทม์ไลน์ย้อนหลังระหว่างวันที่ 1-15 ก.ค.2564 โดยมีเพื่อนคนบันเทิงได้ส่งกำลังใจกันเป็นจำนวนมาก ขณะที่พี่สาว เต๋า ณัฐวดี ได้โพสต์แจ้งผลตรวจของเธอเป็นลบ พร้อมส่งกำลังใจให้น้องสาว และบอกเป็นห่วงคุณแม่มากที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน #แต้วณฐพร ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทันที เพราะชาวเน็ตได้แสดงความเห็นกันถึงไทม์ไลน์ที่บอกว่าเธอใส่ไม่ครบ เพราะเคยเจอเธอและแฟนหนุ่มไฮโซทีห้างสรรพสินค้า รวมถึงแสดงความเห็นเรื่องที่โรงพยาบาลให้ดาราตรวจโควิด แต่ประชาชนทั่วไปไม่รับตรวจ นอกจากนี้ยังได้พูดถึงเรื่องการกักตัว ถามกลับไหนว่ามีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้โพสต์ให้ข้อมูลว่าเป็นผู้เสี่ยงต่ำ

จนวันที่ 16 ก.ค.2564 แต้ว ณฐพร ได้อัปเดตเพิ่มเติมไทม์ไลน์อีกครั้ง โดยเพิ่มในวันที่ 6 และ 8 ก.ค.2564 พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่มีเจตนาปกปิดข้อมูล และยังบอกอีกว่าเบื้องต้นปรึกษาแพทย์แล้ว เธอสามารถ Home Isolation ได้เอง เพราะยังไม่มีอาการใดๆ บ่งชี้แน่ชัด จึงขอสละเตียงสิทธิ์ให้เตียงกับผู้ป่วยหนักก่อน

ต่อมาช่วงกลางดึก แต้ว ณฐพร ได้โพสต์ผลตรวจหาเชื้อโควิด โรงพยาบาลแห่งที่สอง ซึ่งผลเป็นลบไม่พบเชื้อ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดแต้วจึงได้อธิบายอย่างละเอียดว่า 

"เมื่อวันที่ 15 ก.ค. แต้วได้ทราบผลจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกว่าตรวจพบเชื้อ COVID-19 แต้วได้รับการติดต่อเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งที่ 2 ซึ่งมี Hospitel รองรับจึงได้ทำเรื่องขอเข้ารับการรักษา โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการซักประวัติและอาการ ซึ่งแต้วไม่มีอาการใด ๆ รวมถึงไม่สามารถแจ้งรายละเอียดของความเสี่ยงที่ชัดเจนจนเป็นสาเหตุของการรับเชื้อมาได้ เจ้าหน้าที่จึงลงความเห็นให้ ตรวจซ้ำอีกรอบ ด้วยวิธี RT PCR (swab test) และในวันนี้ (16 ก.ค.) เวลา 21:00 น. แต้วได้รับแจ้งผลการตรวจจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งที่ 2 ว่า ไม่พบเชื้อ ซึ่งผลดังกล่าวได้ผ่านการตรวจซ้ำกันถึงสองครั้ง (repeated process) เพื่อให้มั่นใจว่าผลถูกต้อง แพทย์ลงความเห็นว่าแต้วไม่นับเป็นผู้ติดเชื้อ COVID-19 และไม่ต้องเข้ารับการรักษา จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต้วได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของการรักษา รวมถึงได้เปิดเผย Timeline จากผลการตรวจในครั้งแรกไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้หลายท่านได้รับผลกระทบไปในวงกว้าง อย่างไรก็ตามแต้วต้องขออภัยในความผิดพลาดทางข้อมูลมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ"


หลังจากนั้น เต๋า ณัฐวดี พี่่สาวของแต้วได้โพสต์แสดงความยินดีและดีใจกับน้องสาว พร้อมทั้งเรียกร้องให้คนที่เคยต่อว่าน้องสาวแรง ๆ มาขอโทษน้องสาวอีกด้วย 

ที่มา TrueID







วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

"หญิงหน่อย" จี้มาตรการเยียวยาโควิดของรัฐบาลยังไม่พอ เสนอ 6 มาตรการแก้ไขด่วน! ก่อนคนตัวเล็กจะอดตาย

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยสร้างไทย ฟาดรัฐบาล"กลั้นหายใจไม่ไหวแล้ว" มาตรการเยียวยาโควิดของรัฐบาลแค่นี้ยังไม่พอ ต้องพักหนี้ ลดค่าเช่า ลดค่า GP ส่งอาหาร ฯลฯ โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เนื้อหาดังนี้


‘กลั้นหายใจไม่ไหวแล้ว’ มาตรการเยียวยารัฐยังไม่พอ ต้องพักหนี้ให้ประชาชน เจรจาลดค่าเช่า ลดค่า GP ส่งอาหาร ด่วน! ก่อนคนตัวเล็กจะอดตาย. รัฐบาลประกาศมาตรการล่าสุดในการเยียวยาประชาชน จากการบริหารงานสถานการณ์โควิดที่ล้มเหลวของตัวเองอีกรอบ ดิฉันเรียกร้องมาตลอดทั้งเรื่องมาตรการด้านสาธารณสุขที่ต้องดำเนินการไปพร้อมกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพราะยิ่งนานวันยิ่งชัดว่าประชาชนจะอดตาย ก่อนได้วัคซีนป้องกันโรคด้วยซ้ำ

ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย รวมถึงพี่น้องประชาชนที่สายป่านไม่ยาว อาจจะถึงคราวต้องอดตาย เหมือนถูกบังคับให้กลั้นหายใจ เวลานี้กลั้นกันไม่ไหวแล้ว เขาอยากได้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของธุรกิจที่เดินไปพร้อมกับการมีชีวิตที่ดีมีความหวัง ไม่ใช่ไร้ทิศทาง จะตรวจโควิดหวิดยังต้องนอนรอความหวังข้ามคืน

แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการผ่านครม.มาแล้วในวันนี้ แต่ดิฉันยังยืนยันข้อเสนอการเยียวยา จากเงินกู้ 5 แสนล้านบาท มาช่วยพี่น้องคนไทยที่เดือดร้อนดังนี้ค่ะ

1.ให้จ่ายค้าจ้างลูกจ้างของธุรกิจรายย่อย 75 % ของรายได้ที่หายไป 

2. ประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ให้จ่ายชดเชยเดือนละไม่ต่ำกว่า 7,000 บาท

3.งดเก็บค่าน้ำค่าไฟบ้านที่ใช้ไม่เกิน 1,000 บาท ถึงสิ้นปี (ไม่ใช่แค่ 2 เดือน)

4.พักชำระหนี้ ทั้งค่าผ่อนรถและผ่อนบ้าน อย่างน้อย 6 เดือน โดยธนาคารของรัฐสามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนธนาคารเอกชนอาจต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาเจรจาเพื่อพักชำระหนี้ในส่วนนี้ให้กับประชาชน เพราะบ้านคือที่ซุกหัวนอน และรถคือเครื่องมือทำมาหากิน มันจำเป็นจริงๆ

5. การสั่งล็อกดาวน์กิจการ รัฐต้องหารือกับผู้ให้เช่าพื้นที่งดจัดเก็บค่าเช่าแผง ซึ่งรัฐอาจจะชดเชยผู้ให้เช่าพื้นที่ด้วย

6. รัฐต้องเจรจากับบริษัทส่งอาหาร ให้ลดค่า  GP ร้านอาหารลง เพื่อช่วยร้านอาหารขนาดเล็กที่ ขณะนี้ใกล้จะหมดลมแล้ว เพราะว่าหลังจากนี้ประชาชนที่อยู่บ้าน ต้องใช้บริการบริษัทส่งอาหารเหล่านี้จำนวนมาก อยากให้สนับสนุนอย่าง โรบินฮูด

ข้อเสนอเหล่านี้ 70% สามารถทำได้ทันที อยากขอร้องรัฐบาลให้เร่งดำเนินการ เพราะวันนี้ ประเทศไทยมาถึงจุดที่ยากลำบากมาก ประชาชนอดอยากแร้นแค้นมาก อยากให้รัฐบาลเห็นใจ วันนี้รัฐบาลเลี่ยงใช้คำว่าล็อกดาวน์ แต่ไม่ว่าคุณจะใช้คำว่าอะไรผลกระทบที่เกิดขึ้นมันไปตกอยู่กับประชาชน จนถึงขั้นแยกได้ว่าไม่มีจะกิน

มันถึงเวลาแล้วค่ะ ที่ท่านต้องเอาหัวใจมาทำงาน ต้องเอาหัวใจไปสอดส่องดูแลประชาชน ว่าเขาเดือดร้อนแค่ไหน เขาไม่ได้นั่งสบายๆรอกินเงินเดือน หรือจะตัดเงินเดือน 2-3 เดือน ไม่ได้เป็นผลอะไรกับนายกฯ หรอก แต่วันนี้เงิน 5 บาท 10 บาท ที่ควรจะซื้อกินแต่ละวันยังไม่มี


ที่มา www.posttoday.com

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

พนักงานคลังสินค้า เปิดใจเชื่อสกัดโควิดช้าเหตุแพร่นับร้อยคน

พนักงานกลุ่มเสี่ยงได้เปิดเผยเหตุการณ์เบื้องลึก คลัสเตอร์พนักงานคลังกระจายสินค้าห้างซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดัง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ติดเชื้อ 312 คน จากพนักงานกว่า 1200 คน 


โดยหนึ่งในพนักงานกลุ่มเสี่ยง เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของคลัสเตอร์กับทีมข่าวว่า หากคลังสินค้าตัดสินใจปิดก่อนหน้านี้ ก็เชื่อว่าเชื้อโควิดจะไม่แพร่กระจายรวดเร็วจนเป็นเหตุทำให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก

หลังจากคลังกระจายสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบัวทอง ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดเป็นจำนวนมาก ทำให้พนักงานคลังกระจายสินค้าแห่งนี้ หลายร้อยคนต้องขึ้นรถทัวร์เพื่อไปกักตัวที่โรงแรมเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง โดยพนักงานบางส่วนเป็นผู้ที่ติดเชื้อแล้ว ต้องนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาลสนาม ย่านสุขุมวิท 

โดยหนึ่งในพนักงานกลุ่มเสี่ยงที่ต้องไปกักตัวที่โรงแรม ได้เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวี ทางโทรศัพท์ว่า เธอได้มาทำงานอยู่ในคลังกระจายสินค้าแห่งนี้ช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้ทราบข่าวจากพนักงานด้วยกันเองว่า มีพนักงานแผนกหนึ่งในคลังติดเชื้อ 2-3 คน เนื่องจากตอนนั้นต้องทำงานร่วมกันกับพนักงานกลุ่มดังกล่าว จึงเริ่มรู้สึกกังวลและได้พยายามขอหยุดงานแต่ทางหัวหน้าฝ่ายแจ้งว่าหากหยุดงานเกิน 3 วัน จะถูกไล่ออก จึงจำเป็นต้องทำต่อ โดยทางคลังได้ให้พนักงานที่ติดเชื้อกลับไปรักษาตัว แต่ก็ยังมีพนักงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อยังคงมาทำงานอยู่ตามปกติ หลังจากนั้นไม่นานก็มีพนักงานติดเชื้อเป็นจำนวนมาก

น.ส.เอ (นามสมมติ) ยังบอกอีกว่า ถ้าทางคลังตัดสินใจปิดตั้งแต่ช่วงแรก ตั้งแต่ที่มีพนักงานติดเชื้อแค่ไม่กี่คน สถานการณ์ก็อาจจะไม่ลุกลามบานปลายขนาดนี้ซึ่งตอนนี้เธอเป็นห่วงครอบครัวของเธอ โดยเฉพาะพี่สาวซึ่งทำงานใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ส่วนเธอยังรอผลตรวจอยู่ แต่ที่เป็นห่วงคือคนในครอบครัวโดยเฉพาะแม่ที่สูงอายุ และหลานวัย 4 ขวบ ที่ก่อนหน้านี้ก็อยู่ด้วยกันและใกล้ชิดกัน

นอกจากนี้ คลังสินค้าได้ประกาศแจ้งกำหนดการว่า จะกลับมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ซึ่งหมายถึงว่าเธอจะต้องกลับไปทำงานเหมือนเดิม ทั้งๆที่ยังกักตัวเองไม่ครบกำหนด 14 วัน จึงเกิดกังวลว่าหากยังมีพนักงานที่ติดเชื้ออยู่ ก็จะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ได้อีก

ขณะที่ทางด้านศูนย์กระจายสินค้าโลตัส บางบัวทอง ได้ออกประกาศระบุว่า สำนักงานประกันสังคมทำการตรวจคัดกรองเชิงรุกพนักงานโลตัส และเจ้าหน้าที่ที่จ้างงานจากภายนอก (outsource) โดยทันทีที่ทราบผลการตรวจเมื่อเย็นวันที่ 9 กรกฎาคม

ศูนย์กระจายสินค้าบางบัวทองได้ดำเนินการมาตรการเชิงรุก โดยเบื้องต้นได้ปิดศูนย์กระจายสินค้าโดยทันทีเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 – 16 กรกฎาคม ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งบริเวณโดยทันทีในคืนวันที่ 9 กรกฎาคม และทำความสะอาด deep cleaning ฆ่าเชื้อพื้นผิวสัมผัสทั้งหมด พร้อมทำความสะอาด ฆ่าเชื้อรถขนส่งสินค้าทั้งหมด นอกจากนี้ยังประสานงานให้พนักงานที่ติดเชื้อทั้งหมด เข้ารักษาตามกระบวนการของภาครัฐแล้ว และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเต็มที่ในการควบคุมการแพร่ระบาดต่อไป

ที่มา PPTV




สมัครประกันสังคม มาตรา 40 ได้สิทธิ์อะไรนอกจากรับเยียวยา 5,000 บาทจากรัฐ

รัฐเตรียมจ่ายเยียวยาให้ 5,000 บาท ผู้ได้รับผลกระทบจากประกาศล็อกดาวน์ 10 จังหวัดสีแดงเข้ม โดยต้องสมัครเป็นผู้ประกันตน "ประกันสังคมมาตรา 40" มีใครแรงงานกลุ่มไหน ประกอบอาชีพอะไรที่ได้รับสิทธิ์มีดังนี้


ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับการเยียวยาจากผลกระทบการประกาศล็อกดาวน์ 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มรอบนี้ของรัฐบาล โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งล่าสุดได้เห็นชอบโครงการให้ประกันสังคมช่วยเหลือเงินเยียวยา 5,000 บาทให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มนี้

สำนักงานประกันสังคมเปิดโอกาสให้ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า แม่บ้าน รับจ้างทั่วไป รวมถึงฟรีแลนซ์ ที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม สามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคม มาตรา 40 โดยต้องขึ้นทะเบียนภายในกรกฎาคมนี้ เพื่อรับสิทธิเยียวยาดังกล่าว

โดยการสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรและได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้างเมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ

คุณสมบัติผู้ที่สามารถสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40

บุคคลทั่วไปที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์

ไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และ มาตรา 39

ไม่เป็นข้าราชการหรือบุคคลที่ถูกยกเว้นตามกฎหมายประกันสังคม

ล่าสุด รัฐอนุมัติเห็นชอบให้ลดเงินสมทบให้ผู้ประกันมาตรา 40 จ่ายแค่ 60% เริ่มเดือนสิงหาคม 2564 ถึง มกราคม 2565 

ผู้ประกันตนสามารถเลือกการจ่ายสมทบได้ 3 ทางเลือกดังนี้

ทางเลือกที่ 1 จาก 70 บาท จ่ายเพียง 42 บาท

รับสิทธิประโยชน์ 3 กรณี ประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต 

ทางเลือกที่ 2 จาก 100 บาท จ่ายเพียง 60 บาท

รับสิทธิประโยชน์ 4 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ(รับบำเหน็จ)

ทางเลือกที่ 3 จาก 300 บาท จ่ายเพียง 180 บาท

รับสิทธิประโยชน์ 5 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ(รับบำเหน็จ) และสงเคราะห์บุตร

หลักฐานการการสมัครประกันสังคม ม.40 จะใช้เพียงบัตรประชาชนเพียงใบเดียว โดยสามารถสมัครตามช่องทางต่าง ๆ ได้ดังนี้

สมัครด้วยตนเอง ผ่านมือถือที่เว็บไซต์ www.sso.go.th 

สมัครผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11)

สมัครผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

สมัครผ่านเคาน์เตอร์บิ๊กซี (Big C)

สมัครผ่านผู้แทนเครือข่ายประกันสังคม

โดยเมื่อสมัครแล้วสามารถจ่ายเงินสมทบได้ทันที สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/ จังหวัด/ สาขา ทั่วประเทศ หรือที่สายด่วน 1506 ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่เว้นวันหยุดราชการ

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

อดีตดาราเด็ก ชาร์เลท เป็นสาวแล้ว เผยเหตุออก รร. มาศึกษาด้วยตัวเอง

อดีตดาราเด็ก “ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา” ที่ตอนนี้โตเป็นนักแสดงสาวน่ารัก ได้เปิดเผยการตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ยอมทิ้งชีวิตมัธยมปลาย ด้วยการศึกษาด้วยตัวเองควบคู่การทำงานการแสดงที่ตัวเองชอบ


นักแสดงสาวน่ารัก “ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา” อดีตดาราเด็กลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ที่โลดเล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุเพียง 4 ปี ที่เคยฝากผลงานในวงการบันเทิงที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จัก อาทิ ดอกส้มสีทอง ในบท เรยา (ตอนเด็ก) และ ละครเรื่อง The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ รับ กุมาริกา (โกลเด้นเบบี๋) 



ตอนนี้ ชาร์เลท อายุ 16 ปี ขอทำตามความฝัน ไม่ทิ้งงานวงการบันเทิง โดยได้ลาออกมาจากโรงเรียนปกติ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพื่อออกมาสอบเทียบวุฒิ ม.ปลาย เรียกว่า หลักสูตร GED ของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เพราะต้องทำงาน และ เรียนไปด้วย ตอนแรกตัดสินใจยากมาก เนื่องจาก ทุกอย่างมันไม่เอื้ออำนวยต่อเวลาเรียนจึงพยายามหาทางที่ดีที่สุด


โดยลักษณะเรียนของ GED เป็นเรียนแบบตามวิชาที่เขาให้มา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ , วิทย์ , คณิต และสังคม เราก็สามารถเรียนด้วยตนเองหรือหาติวเตอร์มาสอนให้ก็ได้ พอเราพร้อมก็ไปสอบตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดให้สอบ GED ในประเทศไทย แล้วเขาส่งคะแนนสอบได้ที่สหรัฐอเมริกา พอสอบครบ 4 วิชาแล้ว จะได้วุฒิ ม.6 และสามารถยื่นวุฒินี้เข้ามหาวิทยาลัยได้ ซึ่งตนเองแพลนไว้อยากจะเข้ามหาวิทยาลัยปลายปีนี้

ถึงแม้ว่า การเรียนแบบนี้ จะไม่ได้เรียน ม.4 ม.5 และ ม.6 เหมือนเพื่อนๆ แต่สิ่งที่ได้ คือ ประสบการณ์ใหม่เวลาทำงานในกองถ่ายละคร เพราะ สิ่งเหล่านี้เป็นต้นทุนให้เรา ที่ต้องการทำงานในสายอาชีพนี้อยู่แล้ว จึงถือเป็นการสะสมประสบการณ์ การที่ไม่ได้ไปโรงเรียนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะอาชีพการงานของตนเองไม่ได้เหมาะสมที่จะเรียนเหมือนเด็กทั่วไป แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่ที่เด็กแต่ละคน

ที่มา วันบันเทิง, ข่าวสด



วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

"ครูลูกกอล์ฟ" ฟาดถ้าจะเงียบกันขนาดนี้คงอยู่ไม่ไหว ประกาศลาออกจากวงการบันเทิง

กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วโซเชียล เมื่อ "ครูลูกกอล์ฟ" คณาธิป สุนทรรักษ์ ได้ออกมาประกาศลาออกจากวงการบันเทิง งดรับงานทั้งหมด และขอให้ไม่เอ่ยชื่อตนเองในฐานะคนดัง หรือ คนในวงการบันเทิงอีก หลังจากออกมา call out แต่คนอื่นในวงการยังเงียบกันอยู่


โดยล่าสุด ครูลูกกอล์ฟ ได้โพสต์ข้อความลงในช่องทางโซเชียล ข้อความว่า "ลูกกอล์ฟขอออกจากวงการบันเทิงนะคะ เพราะถ้าจะเงียบขนาดนี้ ลูกกอล์ฟไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ในที่แห่งนี้ค่ะ ขอให้ทุกคนไม่เอ่ยถึงลูกกอล์ฟในฐานะคนในวงการบันเทิงอีกนะคะ ปกติ เข้าไปแค่นิ้วก้อย วันนี้ขอเดินออกมาเต็มตัวแล้วค่ะ 

ต่อจากนี้ ขอให้พี่ ๆ นักข่าวทุกสำนักที่เห็นข้อความนี้ กล่าวถึงลูกกอล์ฟในฐานะ คนไทยคนนึงเท่านั้น ไม่ต้องเชื่อมโยงลูกกอล์ฟกับคำว่า "วงการบันเทิง" อีก ขอบคุณนะคะ  และไม่ต้องทำข่าวเรื่องนี้ค่ะ เสียเวลา เอาเวลาไปทำข่าวช่วยประชาชนค่ะ และลูกกอล์ฟของดรับงานในวงการบันเทิงทั้งหมด ไม่ต้องติดต่อมานะคะ ขอบคุณค่ะ"

ขณะที่มีชาวโซเชียลแห่เข้าไปคอมเมนต์และแชร์ข้อความของครูลูกกอล์ฟออกไปอย่างล้นหลาม

ประวัติ "ครูลูกกอล์ฟ"

ชื่อ คณาธิป สุนทรรักษ์ 

ชื่อเล่น ลูกกอล์ฟ 

เกิดเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2528 อายุ 36 ปี 

อาชึพ

-เจ้าของและผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ Angkriz

-โปรดิวเซอร์และผู้ดำเนินรายการออนไลน์ "LG & Friends" 

-ผู้ช่วยผู้กำกับคอนเสิร์ต (A-Time VS AF GMM Grammy) 

-นักอ่านสปอตโฆษณา

ผลงานเด่น 

"ไฉไล"จากซิตคอม เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร (2553)

รายการ พุธทอล์คพุธโทร ทาง อีเอฟเอ็ม 94 ร่วมกับ พงศธร จงวิลาส และ ศกุนตลา เทียนไพโรจน์

ที่มา สนุกดอทคอม


วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

พรรคไทยสร้างไทย ชวนลงชื่อฟ้องรัฐบาลเหตุดื้อซื้อวัคซีนซิโนแวค

ประชาชนกว่าห้าหมื่นรายแห่ลงชื่อหนุนพรรคไทยสร้างไทยฟ้องรัฐบาล ปมดื้อใช้งบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาทซื้อวัคซีนซิโนแวค 


เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) พรรคไทยสร้างไทยได้เผยว่ามีประชาชนกว่า 50,000 คน ร่วมลงชื่อสนับสนุนให้พรรคฟ้องเพื่อดำเนินคดีคณะรัฐมนตรีและผู้สั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนแวค ทั้งที่ทราบดีว่าป้องกันโรคไม่ได้ โดยทางพรรคมองว่าเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 และ 55 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

โดยในรัฐธรรมนูญปี 2560 มีใจความสำคัญเกี่ยวกับ 2 มาตราดังกล่าวว่า บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พรรคไทยสร้างไทยมองว่าวัคซีนซิโนแวคมีผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า ช่วยให้ไม่ป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แต่ไม่ช่วยป้องกันโรคได้เลย แต่รัฐบาลก็ยังเดินหน้าจัดซื้อโดยใช้งบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท

พรรคไทยสร้างไทยเปิดตัวแคมเปญ #ฟ้องรัฐบาลฆาตกร ด้วยมองว่ารัฐบาลนี้บริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผิดพลาด จนทำให้ประชาชนขาดรายได้ ที่นำไปสู่ความเครียดและจบชีวิตตัวเอง ขณะที่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร บางคนเสียชีวิตในบ้านพัก เพราะไม่มีเตียงรักษา

ที่มา สนุกดอทคอม

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ทนายนิด้า ฟาดแรง! โควิดไม่ได้น่ากลัวเท่าผู้นำที่ดูแลประชาชนไม่ได้

ทนายนิด้า วอนภาครัฐออกมาตรการช่วยให้คนอยู่บ้าน พร้อมฟาดหนัก รัฐพึ่งพาไม่ได้แล้ว "โควิดไม่ได้น่ากลัว ผู้นำต่างหากที่น่ากลัว"


วันนี้(8 ก.ค.64) น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือทนายนิด้า โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิดในตอนนี้ว่า #โควิดไม่ได้น่ากลัวผู้นำต่างหากที่น่ากลัว โดยได้มีการเล่าว่า 

"เมื่อไม่นานเพิ่งได้ดูภาพที่อินเดีย ที่คนตายถูกเผารวมกันมากๆ เหมือนกองขยะ คนป่วยนั่งรอความตายเต็มล้นออกมาหน้าโรงพยาบาล เพราะเตียงไม่พอ บุคคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ แล้วนึกถึงภาพตัวเองในอนาคตอันใกล้"

"ในเมื่อรัฐดูแลเราได้ไม่ดีพอ เราคงต้องดูแลตัวเอง ตอนนี้หลายๆ หน่วยงานราชการก็ยังไม่เลื่อน ทนายก็เลื่อนไม่ได้ ขนาดบอกว่าทนายเดินทางไปจากกรุงเทพนะ เจ้าหน้าที่ก็ยังบอกว่ามาเถอะ เรามีมาตรการตรวจสอบ ตรวจแล้วไง คือถ้าไปถึงตรงนั้นแล้วพบเชื้อว่าเป็นโควิดก็เพียงแต่ไม่ให้เดินขึ้นตึก แต่ระหว่างเดินทางพวกเราสัมผัสคนกี่คน แวะไหนบ้างไม่กลัวเราแพร่เชื้อหรือได้รับเชื้อหรอคะ เราอยากเลื่อน เราอยากช่วยอยู่กับบ้าน มาตรการรัฐไม่ช่วยเราหน่อยหรอ เพราะถ้ารัฐไม่สั่งออกมา ทนายไม่ไปก็ถือว่าละทิ้งคดี"

พร้อมแจ้งข่าวถึงลูกความว่า

"ในส่วนของลูกความที่จะติดต่อจ้างว่าความ นับแต่นี้ขอทางออนไลน์เท่านั้นก่อน งดเจอ งดใกล้ชิด ถ้าไม่สะดวกจะจ้าง ติดต่อทนายความท่านอื่นก่อนก็ได้ นิด้าลูกยังเล็ก ที่ผ่านมาก็นับว่าห้าวพอสมควร เชื่อมั่น เชื่อใจ เชื่อในคำพูดของคนว่าจะไม่มีใครตายอยู่บ้านก็เลยไม่กลัว โควิดไม่น่ากลัวป่วยก็แค่รักษา เราปลูกฝังความคิดนี้มาในตอนต้น คนก็เลยไม่กลัว ปล่อยให้ตัวติดจนล้นเตียง"

ก่อนทิ้งท้ายว่า 

"ตอนนี้ไม่ได้กลัวเป็นโควิดเท่ากับกลัวผู้นำที่ดูแลประชาชนไม่ได้ อยากให้เห็นอินบ็อกซ์เข้ามาขอความช่วยเหลือเรื่องเตียงผู้ป่วยกับดารากับทนาย แปลว่ารัฐพึ่งพาไม่ได้แล้วจริงๆ ตอนนี้กลัวมากแล้วจริงๆ เหมือนคนพูดจะอยู่คนละโลกกับเรา" #ไม่มีใครตายอยู่บ้าน #ทนายนิด้า #ทนายหญิงสายลุย

ที่มา ข่าวสด












วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เชียงใหม่ดำเนินคดี "พิมฐา ฐานิดา" ตะลอนเที่ยวไม่กักตัว

คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อของเชียงใหม่ดำเนินคดี "พิมฐา ฐานิดา" เอาผิดเหตุตะลอนเที่ยวไม่กักตัว หลังจากที่เจ้าตัวออกมายอมรับว่าติดเชื้อโควิด-19 และได้แจ้งไทม์ไลน์ไปท่องเที่ยวหลายแห่งจนกลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมา


จากกรณีที่เน็ตไอดอลสาว "พิมฐา ฐานิดา" ติดโควิด-19 จนเกิดเรื่องราวดราม่า ความไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวม เพราะเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงตะเวนเที่ยวโดยไม่กักตัว รวมถึงประเด็นปกปิดว่าไปเที่ยวกับหนุ่ม "แบงค์ ธิติ" ซึ่งทาง แบงค์ออกมาชี้แจงพร้อมขอโทษไปแล้ว ความคืบหน้าล่าสุดประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายที่เน็ตไอดอลสาวต้องเจอบอกเลยว่าค่อนข้างรุนแรง 

โดยทางเพจเจ๊มอย 108 ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ เน็ตไอดอลสาว "พิมฐา”โดยระบุข้อความว่า

"คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อของเชียงใหม่ ได้ประชุมกันแล้วว่า.. พิมฐา มาจาก กทม แต่ไม่ได้มีการกักตัวแต่ ตะลอนเที่ยว ถือว่ามีความผิดชัดเจน  และเชียงใหม่จะดำเนินคดีอย่างแน่นอนเพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่สังคม" 

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นดราม่าตามมาไม่จบ เมื่อชาวเน็ตได้เห็นภาพที่เพจเจ๊มอย 108ได้โพสต์เอาไว้นั้นเป็นภาพของ "พิมฐา” ถ่ายกับเด็กตัวน้อย ซึ่งทางครอบครัวก็ได้ออกมาชี้แจงว่า 

"ตอนนี้น้องและครอบครัวได้ไปตรวจหาเชื้อแล้วครับ รอผลตรวจ ตอนนี้กักตัวกันทั้งครอบครัวครับ เบื้องต้นยังไม่มีอาการใด ๆ ครับ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงอีกครั้งครับ และขอตอบประเด็นว่าทำไมน้องพิมไม่ใส่แมสก์นะคะ จริง ๆ น้องใส่ตลอดเวลาค่ะ แต่ตอนนั้นถอดแมสก์ออกถ่ายรูป 3-4 รูป ใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาที และยืนห่างกันประมาณ 1 เมตร ในรูปดูเหมือนยืนติดกันเพราะเป็นมุมกล้องค่ะ จากนั้นก็ใส่แมสก์กลับ ยืนคุยกันห่าง ๆ 3-4 เมตร ประมาณ 2 นาที ไม่ได้มีการสัมผัสตัวค่ะ เบื้องต้นคนรอบตัวน้องพิมไม่มีใครติดเชื้อนะคะ แม้กระทั่งคนในครอบครัวก็ไม่มีใครติด งานนี้ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

ประวัติ พิมฐา

พิมฐา มีชื่อจริงว่า ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล

ชื่อเล่นคือ พิม (เนื่องจากคนชื่อพิมเยอะมาก เพื่อนๆ เรียกว่า พิมฐา)

เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2536

ส่วนสูง 164 เซนติเมตร

IG : pimtha

การศึกษา :

จบการศึกษาระดับมัธยมต้นที่ โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัยเชียงใหม่

จบการศึกษาระดับมัธยมปลายที่ Fairfield High School ประเทศ ออสเตรเลีย

จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ Ritsumeikan Asia Pacific University ประเทศญี่ปุ่น

ที่มา คมชัดลึกSanook Campus

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

"พิธีกรดาราดัง" รู้ว่าเพื่อนร่วมงานติดโควิดแต่ไม่ยอมยกเลิกถ่ายรายการ

กลายเป็นเรื่องร้อนๆ ในวงการบันเทิง เมื่อมีการออกมาแฉ "พิธีกรดาราดัง" ที่รู้ว่าเพื่อนร่วมงานติดโควิดแต่ไม่ยกเลิกอัดรายการ แถมฝ่าผืนมาตรการป้องกัน สุดท้ายติดเชื้อทำงานเดือดร้อนไปทั่ว


เพจดังเจ๊มอย 108 โพสต์เฟซบุ๊กเปิดประเด็นแซ่บๆ เหตุ"พิธีกรดาราดัง" ที่ทำวงการบันเทิงผวาติดโควิดกันทั่ว จนกลายเป็นประเด็นสุดร้อนที่แชร์ว่อนไปทั่วโลกออนไลน์ โดยมีข้อความว่า  


"ดาราผู้จัดคนหนึ่งมาถ่ายรายการดัง ย่านรังสิตแล้วกร่าง!!! ฝ่าฝืนมาตรการป้องกันโควิด โดยไม่กักตัว เพราะอยู่กลุ่มเสี่ยง แถมไม่ใส่แมส มาถึงแล้วแต่โดนไล่กลับ ก็เหวี่ยง สุดท้ายติดโควิด บุญบาป"

งานนี้ ชาวเน็ตต่างคาดเดากันไปว่าจะเป็นใคร ขณะที่บางส่วนก็รู้แล้วเพราะคนนี้เดาง่ายมาก แต่เรื่องราวประเด็นร้อนนี้ยังไม่จบ เพราะวงในยังได้แฉแบบละเอียดยิบต่ออีกว่า “ พิธีกรดารดัง” ทำเอาคนร่วมงานต่างเอือมระอามองบนไปตามๆ เวลาเดินเข้าบริษัทมาแล้วไม่สวมแมสก์ แต่จะมาสวมในช่วงก่อนที่จะเริ่มอัดรายการ พร้อมกับพูดเอะอะย้ำๆ ว่า “ใส่ก่อนๆ กลัวดราม่า”   

โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะเริ่มอัดรายการ “พิธีกรดารดัง”  ได้พูดคุยกับทีมงาน  พร้อมกับโชว์โทรศัพท์ที่มีรูปของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง และบอกกับทีมงานว่า “…ติดโควิด อีกเดี๋ยวก็คงจะกำลังแจ้งไทม์ไลน์” ซึ่งเท่ากับว่าพิธีกรคนดังนั้นทราบเรื่องแล้ว รวมถึงไปเจอกับเพื่อนร่วมงานคนนั้นมาด้วย

อย่างไรก็ตาม “พิธีกรดาราดัง” ไม่แสดงความรับผิดชอบด้วยการยกเลิกการอัดรายการ แต่ยังคงถ่ายรายการต่อโดยให้เหตุผลว่า เพิ่งรู้ว่าเพื่อนร่วมงานติดก่อนหน้า 1 ชั่วโมงเอง ซึ่งล่าสุด “พิธีกรดารดัง” รายนี้ออกมาแจ้งว่าตนเองติดโควิด ทำเอาทีมงานที่ใกล้ชิดถ่ายรายในรายการวันนั้นเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะต้องถูกต้องกักตัว 14 วัน และ รีบตรวจหาเชื้อกันเป็นแถวๆ

ที่มา คมชัดลึก 


กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...