วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ลูกค้าประกาศเลิกกิน "จ้อปูไส้ทะลัก"ทันที หลังเห็นสิ่งที่ใช้รัด

คดีพลิก เมื่อลูกประกาศเลิกกิน "จ้อปูไส้ทะลัก" ที่แม่ค้าใช้เชือกฟางรัด โดย "อ.เจษฎ์" ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ "อาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติก ควรเปลี่ยนเป็นเชือกธรรมดาครับ" 


หลังจากที่ "อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ข้อมูลทางเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง by อาจารย์เจษฎ์ หลังพบอาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติกมีสารเคมีอันตราย โดยระบุข้อความว่า 

"อาหารที่มัดด้วยเชือกพลาสติก ควรเปลี่ยนเป็นเชือกธรรมดาครับ"

ไปเจอคลิปติ๊กต๊อกอันนี้มา นับว่าเป็นเรื่องดีเลยครับ คือเป็นของร้านที่ทำ "จ้อปูไส้ทะลัก" ขาย ซึ่งก่อนนี้เค้าใช้เชือกฟาง (ซึ่งก็ทำจากพลาสติกย้อมสี) มามัดจ้อปูก่อนเอาไปนึ่ง และลูกค้าก็มาคอมเม้นต์ว่า "เจอ เชือกฟาง เลิกอยากกินทันที" .... ทางแม่ค้าที่ร้านเลยเปลี่ยนไปใช้เชือกธรรมดา ฝึกผูกแทน ได้รับเสียงชืนชมจากลูกค้าอย่างมากเลยครับ

ซึ่งการเอาเชือกพลาสติก มารัดอาหารก่อนไปให้ความร้อนนั้น ผมเคยเตือนเอาไว้แล้วว่าไม่ควรทำ ตอนที่โพสต์เกี่ยวกับเรื่อง "ไม่ควรเอาหนังยางวง มารัดผักต้ม" ครับ .... ดังนั้น ก็หวังว่าร้านอาหารอื่นๆ น่าจะเอามาเป็นแบบอย่างนะครับ

เอาบทความเก่าเรื่อง หนังยางวงรัดผักต้ม มารีโพสต์ให้อ่านกันครับ

บทความเก่าที่ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้โพสต์เตือนเกี่ยวกับการใช้หนังยางรัดผักต้ม แล้วลงไปต้ม ลงไปลวก อันตรายอาจจะเกิดโรคร้าย ระบุว่า...

ไม่ควรเอาหนังยางวง มารัดอาหารลงไปต้ม ได้รับคำถามมาจากนักข่าวช่อง PPTV ว่า ที่มีคำเตือนเกี่ยวกับการห้ามเอา "หนังยางวง" มารัดผัก รัดอาหาร ลงไปต้มในน้ำเดือด เช่น พวกผักต้มขายคู่กับน้ำพริกตามตลาดนัด เนี่ย มันอันตรายจริงใช่มั้ย ?

คำตอบก็คือ "จริง" ครับ ในหนังยางวง มีสารเคมีอันตรายที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้อยู่หลายชนิด จึงไม่ควรเอาไปต้มให้โดนความร้อนโดยตรง แม้ว่าจะมีปริมาณน้อยก็ตามครับ

ซึ่งตรงกับ อาจารย์อ๊อด รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เคยอธิบายไว้ในรายการข่าวเที่ยงช่องวันว่า หนังยางวงนั้น ทำจากยางพารา แล้วบดอัดผสมกับสารเคมีหลายชนิด เช่น พวกซัลเฟอร์ (กำมะถัน) เพื่อทำให้หนังยางมีความเหนียวและทนทาน แต่เมื่อถูกความร้อนมากกว่า 100 องศาเซลเซียส (เช่น ในน้ำต้มเดือด) จะทำให้สารเคมีในหนังยางปนเปื้อนมากับอาหารได้ หากกินเข้าไปจำนวนมาก หรือมีการสะสมอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน จะเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

นอกจากนี้เพจ "เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว" ได้เคยอธิบายไว้โดยละเอียด สรุปได้ดังนี้

- หนังยางทำจากยางพาราธรรมชาติ แต่ก็มีสารเติมแต่ง ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถ้าสัมผัสกับอาหารที่ได้รับความร้อนโดยตรง

- ในกระบวนการผลิตนั้น จะมียางก้อนที่ได้จากต้นยางพารา แล้วใช้สารเคมีอื่น มาทำการเชื่อมขวาง (ครอสลิงค์ crosslink) เพื่อให้ใช้งานได้ในอุณหภูมิที่กว้างมากขึ้น และมีสมบัติเชิงกล (mechanical properties) ที่ดีขึ้น

- การครอสลิงค์ยางพารา หรือที่มีชื่อเฉพาะว่า “การวัลคาไนซ์” (vulcanization) มักใช้กำมะถัน (ซัลเฟอร์) เป็นตัวเชื่อมขวาง ทำให้มีความยืดหยุ่นที่ดี จากพันธะไดฟอสไฟด์ (disulfide bond (ในรูปของ -S-S-) หรือพันธะโพลีฟอสไฟด์ (polysulfide bond)

- นอกจากจะใช้กำมะถันแล้ว ยังมีการใช้สารกระตุ้นและสารเร่งปฏิกิริยา ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์ (ZnO) /สารประกอบไดไธโอคาร์บาเมต (dithiocarbamate)/ ไธอาโซล (thiazole) /และไทยูแรม (thiuram)

- ไขมันในอาหารและความร้อนจากการประกอบอาหาร สามารถทำละลายสารต่างๆ เหล่านี้ ให้ออกมาปนเปื้อนในอาหารได้ง่าย จึงควรต้องแกะหนังยางออกจากอาหารก่อน ที่จะนำไปประกอบอาหาร ไม่ให้หนังยางสัมผัสกับอาหารที่มีความร้อนโดยตรง

ปล. พวกเชือกฟาง จริงๆ ทำจากพลาสติกผสมสีครับ สารเคมีต่างๆ ก็มีสิทธิที่จะละลายออกมาด้วยน้ำและไขมันร้อนๆ ได้ จึงไม่ควรเอามารัดอาหารลงไปต้มไปทอดเช่นกันครับ

ที่มา www.thainewsonline.co, Tnews

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สาวแชร์เรื่องราว "ชีวิตคนเราไม่แน่นอน" กับมะเร็งปอดระยะที่สี่

เจ้าของเพจ BorTor Baitoey แชร์ประสบการณ์ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เมื่อพบว่าเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในอายุ 24 เรื่องเผยไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


มะเร็งเป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ด้วยสาเหตุต่างๆ นาๆ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง เธอจึงได้เล่าเรื่องราวผ่าน เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ BorTor Baitoey ถึงการเป็น มะเร็งปอดระยะที่สี่ ในวันที่เธออายุเพียง 24 ปีว่า

“ มีคนเคยบอกว่า “ชีวิตคนเราไม่แน่นอน” แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

อายุ 24 ปี กับโรคยอดฮิตในหนังเศร้า “มะเร็งปอดระยะที่สี่” ที่ทุกคนเรียกว่า “ระยะสุดท้าย” ฝันอยากมีชีวิตแบบนางเอกซีรี่ย์ซักครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะได้พลอตนี้ 55555

อาการเริ่มตั้งแต่ปลายปี 64 เริ่มไอ เป็นๆ หายๆ ไม่ได้ไอตลอดเวลา ประมาณ 2 เดือน ตรงกับช่วง pm2.5 คิดว่าเป็นภูมิแพ้ จึงไปหาหมอแผนก หู คอ จมูก ที่ศิริราช ก็ทำการตรวจ x-ray ปอด ส่องกล้องดูทางเดินหายใจ ก็ไม่พบความผิดปกติ จบด้วยการได้ยาแก้ไอต่างๆมากิน จากนั้นก็ไปตามนัดตลอด x-ray ตลอด แต่ก็เริ่มไอมากขึ้น ไอตลอด ประมาณเดือน เมษายน ก็เป็นโควิด มีอาการไอ(ที่ไออยู่แล้ว) จาม (มีอาการนี้เลยตรวจโควิด) แค่นั้น ไม่ได้กินฟาวิ เพราะอาการไม่หนักมาก

เดือน พฤษภา เริ่มปวดสะโพกด้านขวา (คิดว่าคงนอนผิดท่า ซักพักน่าจะหายเอง) ประมาณ 2 wk ยังไม่หาย เลยไปหาหมอกระดูก ตอนนั้นหมอบอกกล้ามเนื้ออักเสบ ได้ยาแก้อักเสบมา แล้วก็ไปกายภาพ

เดือน มิถุนายน ตื่นเช้ามาไอ รู้สึกเหมือนมีเสมหะ (ปกติไอแห้งๆมาตลอด) สรุป ไอเป็นเลือด ตอนนั้นตกใจมาก  เลยปรึกษาพี่ที่รู้จัก ได้มาหาหมอที่หูคอจมูก หมอส่องกล้อง x-ray ปอด เหมือนเดิม ไม่พบความผิดปกติ หมอคิดว่า ไอจากเส้นเลือดฝอยบริเวณเพดานปากแตก จึงนัดอีกที 3 เดือน

(ระหว่างนี้ก็ไอตลอด ขาก็เดินกะเผลก ไปกายภาพบำบัดอยู่ และไปตรวจตามนัดของหู คอ จมูกเสมอ!!)

เดือนกรกฎาคม จุดเปลี่ยนของชีวิต พอพ้นวันเกิดวัย 24 ปี ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก

อาการไอยังคงเหมือนเดิม เริ่มหนักขึ้น เริ่มเหนื่อยหอบ เดินได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุดพัก ค่อยเดินต่อ น้ำหนักลด อาทิตย์ละ 2 kg ได้ คนรอบข้างเริ่มทักว่าผอมลงเยอะมาก ให้ไปตรวจได้พี่ที่รู้จัก(คนดีคนเดิม)นัดคิวตรวจอายุรศาสตร์ให้ ไปตรวจอายุรศาสตร์ครั้งแรก เจาะเลือด x-ray แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ

ผล x-ray ก็ยังคงปกติ แต่ผลเลือดค่าตับไม่ค่อยดี แต่หมอไม่ว่าไง

ยังคงมีอาการไออยู่ หมอจึงพาไปให้หมอเฉพาะทางด้านปอดดู

หมอปอด : ส่งตรวจ CT Chest ผลเจอก้อนที่ปอด(หลายก้อน ใหญ่สุด 4cm) และที่ตับ 2 ก้อน จึงนัดตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลก็คือเป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือง และกระดูก (ตอนรู้นี้อ๋อเลย นี้เองสาเหตุก็การปวดขา ) หลังจากนอนโรงพยาบาลเกือบเดือน และอยู่ห้อง RCU (คล้ายๆ icu แต่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ) เพราะตอนนั้นปอดเหลือข้างเดียว ก็นอนให้ยาฆ่าเชื้อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ (high flow) อยู่ตลอด ทรมานมาก ตอนนี้ก็ได้รับการรักษาเป็นการฉายแสง 10 ครั้ง (ครบไปแล้ว) และกินยาพุ่งเป้า (ขอบคุณอาจารย์จารุวรรณ เป็นอย่างสูง เพราะค่ายาแพงมาก ตกเดือนละ 40,000 แต่ได้อาจารย์เอาทุนโครงการมาช่วย กราบสามทีเลย) คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากการอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ เป็น second hand smoker ขอให้ทุกคนที่สูบบุหรี่อยู่ ช่วยมีความรับผิดชอบกับคนรอบข้างนิดนึง

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้…โพสยาวสุดในชีวิต อยากเล่าให้ฟัง เผื่อใครมีอาการอะไร ให้รีบๆไปตรวจ

ตรวจให้ถูกหมอ ถูกโรค รีบรักษาจะได้ไม่เป็นอะไรเยอะ มีชีวิตอยู่ไปนานๆ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นห่วง คอยมาเยี่ยม ส่งข้าวส่งน้ำ ส่งกำลังใจ พูดละจาร้อง 55555

ขอบคุณมากๆ นะ มีแรงสู้ชีวิตต่อไป….แต่ขอร้องชีวิตอย่าสู้กลับเยอะ

ทุกคนไม่ต้องตกใจรูปนะ ตอนนี้กลับมาทำงาน ใช้ชีวิต(แบบพยายาม)ปกติแล้ว แต่ก็กินยาอยู่ตลอด”


ที่มา อีจัน, BorTor Baitoey


กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...