วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565

เริ่มใช้ อัตราค่าปรับกฎหมายจราจรใหม่ เพิ่มโทษปรับ-จำคุก

กฎหมายจราจรใหม่ 2565 ได้เริ่มบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 โดยอัตราค่าปรับฝ่าฝืนกฎจราจรล่าสุด มีโทษปรับ จำคุก หนักกว่าเดิมหลายเท่า มีรายละเอียดอย่างไรอ่านได้ที่นี่


พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ได้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากยังเป็นช่วงเริ่มต้นเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัวกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่นี้ ล่าสุด พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) ระบุว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยบังคับใช้กฎหมายจราจรฉบับใหม่ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ

โดยเฉพาะประเด็นเรื่องโทษปรับที่กฎหมายใหม่เพิ่มอัตราโทษสูงขึ้น เพื่อบังคับใช้ให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้รถใช้ถนน บางความผิดมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 4,000 บาท แต่ในช่วง 3 เดือนแรกนี้ ตร.จะยังใช้เกณฑ์ค่าปรับใบสั่งจราจรตามกฎหมายเดิมไปพลางก่อน (ตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องเกณฑ์ค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ พ.ศ.2563) เพื่อให้เวลาประชาชนได้ปรับตัวและปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง 

ตัวอย่างเช่น 

ข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

โทษสูงสุดตามกฎหมายใหม่มีโทษปรับสูงถึง 4,000 บาท แต่ค่าปรับตามใบสั่งจะกำหนดไว้ที่ 500 บาท

ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจะปรับปรุงเกณฑ์ค่าปรับตามใบสั่งให้สอดคล้องกับกฎหมายจราจรฉบับใหม่  

ข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือปัจจัยเกิดความสูญเสียต่อผู้ขับขี่

ฝ่าฝืนเครื่องหมายทางม้าลาย ขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ตร.จะพิจารณากำหนดอัตราโทษปรับเป็นขั้นบันได ตามจำนวนครั้งและประวัติการกระทำผิดด้วย เช่น ทำผิดครั้งที่ 1 โทษปรับตามใบสั่ง 500 บาท 

หากทำผิดข้อหาเดิมเป็นครั้งที่ 2 โทษปรับตามใบสั่งเป็น 1,000 บาท เป็นต้น 

ทั้งนี้ ใบสั่งทุกใบจะถูกกำกับโดยระบบฐานข้อมูลใบสั่งที่เรียกว่า PTM (Police Ticket Management) ซึ่งจะระบุจำนวนค่าปรับตามเกณฑ์ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ในใบสั่งทุกใบ ดังนั้น ค่าปรับจึงเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

นอกจากนี้กรณีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ตร.ได้พิจารณาตามหลักกฎหมายแล้ว จะไม่นำประวัติการกระทำผิดที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 5 กันยายน 2565 มาประกอบการพิจารณาเพิ่มโทษ แต่จะเริ่มบันทึกประวัติการทำผิดครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.2565 เป็นต้นไป

สำหรับการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามมาตรฐาน SOP การตั้งจุดตรวจงานจราจร ตามที่ ตร. ได้กำหนดไว้แล้วอย่างเคร่งครัด 

สำหรับกฎหมายฉบับใหม่ได้เพิ่มอัตราโทษปรับที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยงในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทางไว้ ดังนี้ 

ขับรถเร็วเกินกำหนด

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย

ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ขับรถย้อนศร

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่สวมหมวกนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย

ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากเดิมที่โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น จากอัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เมาแล้วขับ

ทำผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ทำความผิดครั้งแรก จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท (ศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ)

การรัดเข็มขัดนิรภัย

รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้ 

รถกระบะ

ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า กรณีเป็นรถกระบะสองตอนผู้โดยสารตอนหลัง ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยด้วย หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัดดังกล่าวข้างต้นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

การนั่งบริเวณแคป หรือนั่งท้ายกระบะ

สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยแต่ต้องนั่งไม่เกินจำนวนที่กำหนดในลักษณะที่ปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศกำหนดซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธ.ค. 2565 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ


วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2565

เช็คด่วน! บัตรคนจนรอบใหม่ใครมีสิทธิบ้าง? รีบลงทะเบียนเลย

วิธีลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 “บัตรคนจน” รอบใหม่ ที่ได้เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. – 19 ต.ค.65 ใครมีสิทธิบ้าง? เช็คสิทธิแล้วรีบลงทะเบียนเลย


เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 65 ที่ผ่านมานี้ กระทรวงการคลัง ได้เปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 “บัตรคนจน” โดยเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 5 ก.ย. 65 - 19 ต.ค.65 สามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. - 11 พ.ย. 65 โดยผลการลงทะเบียนจะประกาศทุกวันศุกร์

สำหรับการลงทะเบียน มี 2 ช่องทาง

ช่องทางแรก ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มี 6 ขั้นตอนง่ายๆ

1.เข้าเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th

2.กรอกข้อมูลบัตรประชาชน และเลข Laser หลังบัตรบัตรประชาชน

3.กรอกข้อมูล 4 ส่วน

-ข้อมูลส่วนตัวของผู้ลงทะเบียน

-การประกอบอาชีพ

-รายได้และหนี้สินของผู้ลงทะเบียน

-ความต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ

4.ผู้ลงทะเบียนที่จดทะเบียนสมรส

หรือมีบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

เลือกหน่วยรับลงทะเบียนที่จะไปยื่นเอกสาร

5. ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง แล้วกดยืนยัน

6.ไม่มีครอบครัว รอผลการตรวจสอบ

สถานะบุคคล

-มีครอบครัว ไปแสดงตัวคนและยื่นเอกสารยังหน่วยรับลงทะเบียนที่เลือกไว้


ช่องทางที่ 2. ลงทะเบียนผ่านหน่วยรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

1.ธนาคารกรุงไทย

2.ธนาคารออมสิน

3.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

4.สำนักงานคลังจังหวัด (ไม่รวมกทม.)

5.สำนักงานเขต กทม.

6.ที่ว่าการอำเภอ

7.สำนักงานเมืองพัทยา

สำหรับผู้ลงทะเบียนที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือ ผู้พิการ ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่ได้ก็สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ซึ่งหนังสือมอบอำนาจนั้นสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย

ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 รอบใหม่ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1.สัญชาติไทย

2.อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

3.ไม่เป็น ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขังบุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ฯ ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือนผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง ส.ส. , ส.ว.

4.รายได้ผู้มีสิทธิลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน รอบใหม่ 2565

-รายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท บุคคล

-ครอบครัวรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท

-ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตรและตราสารหนี้ภาครัฐ

-ทรัพย์สินทางการเงินต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาทต่อบุคคล

-ครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท

5.ไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์

-วงเงินกู้บ้านไม่เกิน 1.5 ล้านบาท

-วงเงินกู้รถไม่เกิน 1 ล้านบาท

-ต้องไม่มีบัตรเครดิต

-ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือ มีกรรมสิทธิ์ ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้

ผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว

-ห้องชุดขนาด ไม่เกิน 35 ตารางเมตร

-ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่

-ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)

-บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และ ตึกแถว ไม่เกิน 25 ตารางเมตร

-ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่

-ใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 1 ไร่จะต้องมีขนาดขึ้น

ที่รวมกันทั้งหมด เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ และ ไม่ใช่เพื่อการเกษตรไม่เกิน 1 ไร่

ผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว

-ห้องชุดขนาดไม่เกิน 35 ตารางเมตร ต่อคน

-กรณีเป็นเจ้าของร่วมกันไม่เกิน 35 ตารางเมตร

-ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

-ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)

-บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องแถว และตึกแถว

-กรณีเป็นจ้าของแยกจากกัน ไม่เกิน 25 ตร.ว.ต่อคน

-กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่เกิน 25 ตร.ว.

-ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ หรือใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

-จะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด เพื่อการเกษตรไม่เกิน 20 ไร่

-ไม่ใช้เพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2 ไร่

โดยมีเวลาให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2565 ถึง 19 ต.ค.65 นี้เท่านั้น


ที่มา www.ejan.co


กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...