วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2565

เพจ"ANTI SOTUS" แฉ ‘น้องเปรม’ ไม่ใช่แค่ห้า แต่ถูกรุ่นพี่โหด ต่อยอกทีละคน

เกิดเหตุรุ่นพี่รับน้องจนเสียชีวิต ทั้งๆ ที่ ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้ประกาศห้ามจัดกิจกรรมรับร้องไปแล้ว พร้อมให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย


จากกรณี น้องเปรม นักศึกษา ปวส.ปี 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตจากการที่รุ่นพี่จัดกิจกรรมรับน้อง นอกจากนี้ผลตรวจชันสูตรศพน้องเปรม ยังพบด้วยว่าติดเชื้อโควิด-19 ก่อนจะถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายดับอีกด้วย ล่าสุดทางมหาวิทยาลัยฯ ออกหนังสือชี้แจงยืนยันว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นการจัดขึ้นกันเองของรุ่นพี่นศ.ปวส.ปี 1 และ ปี 2 ซึ่งทางมหาวิทยาลัยฯ ได้ประกาศห้ามจัดกิจกรรมรับน้องไปแล้ว พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การดำเนินการทางกฎหมายอย่างเต็มที่ 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (15 มี.ค. 2565) นายเอกชัย ชนภักดี อายุ 55 ปี พ่อของน้องเปรม กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังทราบข่าวลูกชายถูกรุ่นพี่รับน้องจนเสียชีวิตรู้สึกเสียใจจนเป็นลมล้มพับ เบื้องต้นทราบว่า น้องเปรมถูกรุ่นพี่ 5-6 คน รุมทำร้าย และถูกชกที่หน้าอก 1 ครั้ง จนล้มฟุบหมดสติและเสียชีวิต เป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้น เคยเห็นแต่ในข่าวในอดีตมีการรับน้องโหด ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับลูกตัวเอง คนที่เสียใจที่สุด คือ พ่อแม่ ที่ต้องมาสูญเสียลูกชายที่เป็นความหวังของครอบครัว เบื้องต้นยังไม่ปักใจเชื่อว่าถูกชกเพียงครั้งเดียวจนเสียชีวิต เพราะลูกชายเป็นคนแข็งแรงและเป็นนักกีฬาฟุตบอล ขณะเดียวกัน รุ่นพี่ที่ก่อเหตุได้มากราบขอขมาแล้ว ตนก็ไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับใครอีกอยากให้ลูกชายเป็นรายสุดท้าย ยืนยันต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก "ANTI SOTUS" ซึ่งเป็นโพสต์เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว ได้ออกมาระบุความคืบหน้าว่า "สายจากเพื่อนน้องเปรม พี่เขาทำกันทั้งหมดประมาณ 30 กว่าคน เป็นพวกที่เอารุ่น รุ่นพี่เขาให้ยืนเรียงแถวกันตามเลขที่ แล้วรุ่นพี่ก็จะเข้ามาต่อยทีละคน เช่น รุ่นพี่เลขที่ 1 จะต่อยรุ่นน้องเลขที่ 1 -30 ไปทีละคน รุ่นพี่เลขที่ 2 ก็มาต่อยเรียงกันไปเรื่อยๆ ตามคนที่ 1 รุ่นพี่เลขที่ 3 เลขที่ 4 ไปเรื่อยๆ น้องเปรมโดนทั้งต่อยหน้าอกด้วย แล้วก็โดนถีบด้วย ให้นึกภาพเหมือนทหารเกณฑ์ยืนหน้ากระดานเรียงหนึ่งแล้วครูฝึกมาต่อยท้องทีละคน เพราะฉะนั้น ไม่ใช่แค่ 5 คนนั้นแน่นอน ที่บอกว่ามี 5-6 คนนั้นเพราะพ่อถามว่าใครทำบ้าง แล้วก็รับกันแค่นั้น แล้วเปรมมันเป็นโควิดลงปอด ไม่มีใครรู้ หมอพึ่งมาบอกทีหลัง ตอนที่ตายไปแล้ว (แอดมินคิดว่าถ้าเป็นโควิดด้วย กินเหล้าด้วย แล้วถูกกระแทกที่หน้าอกหลายครั้งด้วย โอกาสรอดแทบไม่มีเลยยากมากปอดไม่แข็ง เลือดสูบฉีด และถูกกระแทกที่ปอดหรือลิ้นปี่ ) พอต่อยเสร็จแล้วพี่เขาจะให้เดินกลับ เปรมก็ล้มลงไปหายใจไม่ทันตัวแข็งตาเหลือก พอเอาไปโรงพยาบาลเข้าก็ใส่เครื่องช่วยหายใจแต่หาชีพจรไม่เจอ หมอเลยบอกว่าอย่ายื้อเลยน้องเขาไม่ไหว อย่าไปเชื่อว่ามีแค่ 5 คนครับ"

ที่มา เดลินิวส์, เฟซบุ๊ก "ANTI SOTUS", www.msn.com

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2565

"อดีตผู้พิพากษา" ชี้ "คดีแตงโม" มองยังไงก็ไม่เหมือนอุบัติเหตุ

จากเหตุการณ์ที่นักแสดงสาว "แตงโม นิดา" ได้เสียชีวิตเนื่องจากพลัดตกเรือสปีดโบ๊ทกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม โดยหลายคนมองว่าเรื่องราวค่อนข้างจะไม่ชอบมาพากล และออกมาตั้งข้อสงสัยมากมาย รวมถึงอดีตผู้พิพากษารายหนึ่งก็ออกมาเคลื่อนไหวถึงคดีนี้ว่า"ดูยังไงก็ไม่เหมือนอุบัติเหตุ"


ล่าสุด นายชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษา วัย 73 ปี ได้เขียนแสดงความคิดเห็นการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "กฎหมายชนบท" ว่า "อายุผม 73 ปีแล้วจะตายวันตายพรุ่งยังไม่รู้ แต่อยากสร้างความดีไว้บ้าง เมื่อดูคลิปแล้ว ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน แต่เป็นคดีฆาตกรรมและในคลิปมีผู้รู้เห็นเหตุการณ์ถึง 3 คน ยังจะกล้าปฏิเสธอีกหรือครับ"


"(กูละเชื่อ) เอา 4 กฎ 6 หลัก มาจับ ก็จะรู้ได้ทันทีว่าใคร "โกหก" สวรรค์มีตาครับ น้องแตงโมต้องไม่ตายฟรี" 

หลังจากนั้นก็ได้โพสต์ข้อความต่ออีกโดยระบุว่า "ถ้าอนุญาตให้ผมช่วย ผมมีทนายอาสาระดับพระกาฬอีก 10 คน ครับคุณแม่" และอีกข้อความระบุว่า "ถ้าอนุญาตให้เข้าไปช่วยคดีน้องแตงโม ผมขอคิดค่าวิชาชีพเพียง 100 บาท เท่านั้น จะเอาไหมคุณแม่"

งานนี้หลายคนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างสนั่นหวั่นไหว เพราะอดีตผู้พิพากษาออกโรงเองเลย

ที่มา คมชัดลึก


กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...