แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เจดา พินเก็ตต์ สมิธ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เจดา พินเก็ตต์ สมิธ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565

โต้เดือด วิลล์ สมิธ(Will Smith) และ คริส ร็อก(Chris Rock) ใครผิดกว่ากัน?

วิลล์ สมิธ(Will Smith) ตบ คริส ร็อก(Chris Rock) ยังคงเป็นเรื่องถกเถียงของสังคมที่ต่อต้านการทำร้ายจิตใจ แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนให้เอาคืนด้วยความรุนแรง? การทำร้ายจิตใจเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ การทำร้ายร่างกายก็ไม่ใช่คำตอบเช่นกัน


ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นในงานประกาศรางวัลออสการ์ 2022 ของ วิลล์ สมิธ และ คริส ร็อก ยังคงอยู่บนหน้าหนึ่งของบรรดาสื่อต่างประเทศ หลังจากที่ ร็อค แซว เจดา พินเก็ตต์ สมิธ(Jada Pinkett Smith) ภรรยาของ วิลล์ สมิธ ว่าพร้อมแสดงหนังเรื่อง G.I. Jane ที่ป่วยเป็นโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia) จนต้องโกนผม เหมือนตัวเอกหญิงในเรื่องต้องโกนหัวเพราะเป็นทหาร ทำเอา สมิธ เกิดฟิวส์ขาด เดินปรี่ขึ้นไปตบหน้าร็อกที่กำลังทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานออสการ์

กระแสการโต้เถียงอย่างดุเดือดบนโลกออนไลน์ ที่ด้านหนึ่งก็มองว่า สมิธ เหมือนคนคลั่งที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้จนบุกทำร้าย ร็อก ถึงบนเวที ก่อนที่จะร้องไห้พรรณาถึงความรักที่มีต่อภรรยา ขณะที่อีกฝั่งก็มองว่าสมิธ เหมือนจะเป็นสามีที่ดีที่ปกป้องเกียรติของภรรยา เมื่อมีคนมาล้อเลียนทำร้ายจิตใจของเธอ

เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรชื่อดังชาวอังกฤษที่เขียนคอลัมน์บนเว็บไซต์ The Sun ระบุว่าเข้าใจถึงความรู้สึกของสมิธที่ต้องเจอกับมุกที่น่ารังเกียจและโหดร้ายที่ร็อกล้อเลียนภรรยาของเขาซึ่งกำลังป่วย

"ขณะที่หลายคนกำลังแบนและทำลายชื่อเสียงของ สมิธ เรียกร้องให้ยึดรางวัลออสการ์ เรียกร้องให้ตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ผมอยู่ข้างเขา" มอร์แกนกล่าว "เขาทำเพื่อภรรยา ถ้าเป็นยุคก่อนๆ เขาน่าจะได้รับเกียรติที่ปกป้องผู้หญิงของเขา แต่ยุคนี้สังคมอ่อนไหวเกินไป"

ทิฟฟานี แฮดดิช ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนสมิธเช่นกัน "เมื่อฉันเห็นชายผิวดำลุกขึ้นปกป้องภรรยาของเขา นั่นมีความหมายกับฉันมาก สำหรับฉันมันคือสิ่งที่สวยงามที่สุดที่ฉันเคยเห็น เพราะมันทำให้ฉันเชื่อว่ายังมีผู้ชายที่รักและห่วงใยผู้หญิงของพวกเขา ภรรยาของพวกเขาอยู่"

แต่ถึงอย่างนั้น มันมีน้ำหนักพอที่จะทำร้ายคนอื่นเลยหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการทำร้ายออกทีวีที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก แม้จะมองว่าการเล่นมุกของร็อกนั้นล้ำเส้น และไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะสนับสนุนการใช้ความรุนแรงของสมิธ

ศาสตราจารย์ แทมมี วิกิล จากมหาวิทยาลัยบอสตันกล่าวว่า 

"นี่ไม่ใช่ปัญหาของ คริส ร็อก จริงๆ แล้วปัญหาคือ วิลล์ สมิธ คิดว่าเขาต้องใช้ความรุนแรงเพื่อปกป้องคนรักของเขา ผมคิดว่าสิ่งที่เขาทำเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ภาวะความเป็นชายเป็นพิษ" (Toxic masculinity)"

แอนดี โอสทรอย นักแสดงและโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันกล่าวว่า 

"มันไม่สำคัญว่าเรื่องตลกของ คริส ร็อก จะไร้รสนิยมหรือน่ารังเกียจขนาดไหน แต่ไม่มีใครมีสิทธิทำร้ายร่างกายคนอื่นทั้งนั้น" 

ขณะที่ ร็อบ ไรเนอร์ นักแสดงและผู้กำกับมองว่า "วิลล์ สมิธติดค้างคำขอโทษกับคริส ร็อก อย่างใหญ่หลวง ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับสิ่งที่เขาทำ โชคดีแค่ไหนที่คริสไม่แจ้งความทำร้ายร่างกาย ข้อแก้ตัวที่เขาพล่ามในคืนนี้เป็นเพียงเรื่องไร้สาระ"

ขณะที่บางคนนำเหตุการณ์นี้ไปเปรียบเทียบกับการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยเปรียบ ร็อก เป็นยูเครน และ สมิธ เป็นรัสเซีย "วิลล์ สมิธ ไม่ชอบสิ่งที่คริส ร็อกพูดจึงทำร้ายเขา ท่ามกลางการจับตามองจากทั่วโลก สมิธล้มร็อคไม่ได้ ร้องไห้ และบอกว่าเขาเจ็บ แม้ว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่ใช้ความรุนแรง" ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งกล่าว

"นักแสดงที่มีชื่อเสียงบุกเข้าไปในพื้นที่ของนักแสดงที่อายุน้อยกว่า ทำร้ายเขา โดยมีผู้คนนับล้านกำลังจับจ้อง และอ้างว่าทำไปเพื่อ "ปกป้อง" ครอบครัวของเขา ขณะที่เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำรุนแรงที่ไร้สติ" ชาวเน็ตอีกรายกล่าวโดยเปรียบเทียบกับสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน

"ถ้าคุณแก้ตัวให้วิลล์ สมิธ คุณอาจแก้ต่างให้รัสเซียได้เหมือนกัน"

อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นอีกด้านหนึ่งแย้งว่าทั้งสองเหตุการณ์นี้คนละบริบทกันอย่างสิ้นเชิง การตบหน้าไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับการทำลายบ้านเมืองและสังหารผู้บริสุทธิ์หลายพันคนได้

โดยหลังเกิดเหตุ สมิธได้ออกมาขอโทษร็อก รวมถึงผู้จัดงาน ผู้เข้าร่วมงาน และทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดจากทั่วโลกแล้ว โดยกล่าวว่า "พฤติกรรมของผมเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับและให้อภัยได้ ผมอยากจะขอโทษคุณอย่างเปิดเผย คริส ผมผิด ผมละอายใจ การกระทำของผมไม่ได้บ่งบอกถึงผู้ชายที่ผมอยากเป็น"

"ผมอยากจะขอโทษอะคาเดมี ขอโทษเพื่อนๆ นักแสดงที่มาร่วมงานในวันนี้ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการที่ยืนอยู่ในจุดนี้คุณต้องรับคำดูถูกเหยียดหยามให้ได้ คุณต้องยอมให้คนอื่นพูดเรื่องบ้าๆ เกี่ยวกับคุณ ยอมให้คนอื่นดูหมิ่นคุณ คุณต้องยิ้มและแสร้งทำเป็นว่าไม่เป็นอะไร"

ถึงกระนั้น ไม่ใช่แค่การทำร้ายร่างกายเท่านั้นที่ไม่ควรทำ แต่การทำร้ายด้วยวาจาก็ทำให้คนฟังเจ็บปวดได้เช่นกัน หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "มุกตลกที่ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดี ไม่ถือว่าเป็นมุกตลก" เหตุการณ์นี้ทำให้ร็อกได้รับเสียงวิจารณ์ไปไม่น้อยเหมือนกัน

"คิดว่าเจ๋งหรอที่คริส ร็อก คิดว่ามันตลกที่จะล้อเล่นกับอาการป่วยของภรรยาของวิลล์ สมิธ" เวนกัต ประภู นักแสดงและผู้กำกับชาวอินเดียร่วมแสดงความเห็นในประเด็นนี้ด้วย

โซเฟีย บุช นักแสดง ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันกล่าวว่า "ความรุนแรงมันไม่โอเคเลย การทำร้ายร่างกายก็ไม่ใช่คำตอบ แต่นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่คริสล้อเจดาบนเวทีออสการ์ การกดคนอื่นเป็นสิ่งที่ผิด การทำเช่นนั้นโดยเจตนาถือว่าโหดร้าย ไปพักทั้งคู่นั่นแหละ"

ที่มา โพสต์ทูเดย์, Photo by Angela WEISS and Robyn Beck / AFP



กระแสดราม่า ฟิล์ม รัฐภูมิ(film rattapoom) ที่คนยังจำไม่ลืม

เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงและการเมืองที่ผ่านมาของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" มีเรื่องราวทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่มีผลกระทบอย่างหนักต่อช...